จักรพรรดิเยาะเย้ย ” จื่อลั่ว เจิ้นคาดหวังกับเจ้าไว้สูงมาเสมอ หากว่าเจ้าโปรดปรานเฟิ่งชิงเฉิน เจิ้นอนุญาตให้เจ้ารับนางเป็นพระชายารอง ส่วนซีหลิงเหยาหวานั้น เจิ้นเตือนให้เจ้าเลิกหวังเสีย เจิ้นไม่อนุญาตให้เจ้าแต่งงานกับหญิงนั้น แม้แต่เป็นพระชายารองก็มิได้”
จื่อลั่วต้องการใช้ประโยชน์จากซีหลิงเหยาหวา และซีหลิงเหยาหวาไม่คิดใช้ประโยชน์จื่อลั่วเลยหรือ? พวกเขาต่างก็มีจุดเป้าหมายต่างกัน ต่างก็มีเล่ห์กลของตน หากว่าแต่งงานจริงๆ ความรักระหว่างทั้งสองจะค่อยๆ หมดไป เมื่อถึงเวลานั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเก่งและโหดเหี้ยมยิ่งกว่า
คนที่โหดเหี้ยมที่สุดเท่านั้นที่จะชนะในตอนท้าย และจักรพรรดิไม่คิดว่าจื่อลั่วจะใจร้ายยิ่งกว่าซีหลิงเหยาหวา ตงหลิงจื่อลั่วไม่ได้ดีไปกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ อำนาจในมือของเขาเป็นรองจากองค์รัชทายาท หากว่าซีหลิงเหยาหวาหลอกใช้เขา เช่นนั้นตงหลิงจะเป็นอันตรายอย่างมาก
หากตงหลิงจื่อลั่วมีนิสัยที่เย็นชาดั่งตงหลิงจิ่ว เช่นนั้นฝ่าบาทจะพยักหน้าโดยไม่ลังเล แต่จื่อลั่วดันเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยน
“เสด็จพ่อ ลูกชอบเหยาหวาจากใจจริง” ตงหลิงจื่อลั่วกะพริบและมองไปยังจักรพรรดิด้วยสายตาอ้อนวอน
อย่างน้อยตอนนี้เขาชอบซีหลิงเหยาหวามากกว่าตำแหน่งสถานะของนาง มิเช่นนั้นเขาก็จะไม่มองดูซีหลิงเหยาหวาใส่ร้ายเฟิ่งชิงเฉินอย่างเย็นชาโดยไม่เปิดโปง
“เจิ้นไม่สดฉันว่าเจ้าจะชอบใคร เจิ้นแค่บอกกับเจ้าว่า เจ้าและซีหลิงเหยาหวานั้นเป็นไปมิไ เจิ้นไม่มีทางเห็นด้วย ฉะนั้นเจ้าตัดใจเสีย จื่อลั่วเจ้าอย่าคิดว่าเจิ้นไม่กล่าวกระไร เท่ากับว่าเจิ้นไม่ทราบว่าวันเฟิ่งชิงเฉินแต่งเข้ามา เกิดเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้เป็นฝีมือใคร”
เมื่อเห็นว่าตงหลิงจื่อลั่วยังคงดื้อรั้น ฮ่องเต้กล่าวอีกว่า “จื่อลั่ว มิใช่ว่าข้านั้นมีอคติต่อซีหลิงจื่อลั่ว แต่เพราะผู้หญิงคนนี้โง่เขลาและฉลาดมากจนเกินไป
หากว่าวันนั้นนางฆ่าเฟิ่งชิงเฉินเสีย เจิ้นอาจจะชื่นชมนางเล็กน้อย แต่นางกลับวางแผนให้เฟิ่งชิงเฉินเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน ซึ่งทำให้ราชวงศ์ตงหลิงของเราขายหน้าไปด้วย
หลังจากนั้น เจิ้นเฝ้าดูเจ้าและราชินีบังคับให้เฟิ่งชิงเฉินตาย จากนั้นก็มองดูเฟิ่งชิงเฉินรอดชีวิตออกไปอย่างเย็นชา เจิ้นไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวมิได้แปลว่าเจิ้นนั้นมิได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เจิ้นไม่สนใจว่าเฟิ่งชิงเฉินจะอยู่หรือตาย แต่เจิ้นสนใจเรื่องศักดิ์ศรีหน้าตาของราชวงศ์ตงหลิง เฟิ่งชิงเฉินก่อความวุ่นวายอยู่ในเมืองหลวงอยู่หลายครั้ง เจิ้นก็เคยคิดที่จะฆ่านาง เผื่อว่านางยังมีชีวิตอยู่จะเป็นการเตือนใจว่าครั้งหนึ่งนางเคยเป็นคู่หมั้นของเจ้ามาก่อน
แต่เมื่อเห็นพรสวรรค์ของเฟิ่งชิงเฉินปรากฏขึ้นเรื่อยๆ เจิ้นจึงตัดสินใจปล่อยนางไป แต่เจิ้นอยากรู้ว่าใครจะเก่งกว่าระหว่างซีหลิงเหยาหวาและนาง” นอกจากนี้ ให้เจ้าเห็นชัดๆ ว่ากลอุบายของหญิงสาวนั้นเป็นเช่นไร แต่เสียดายที่เจ้านั้นไม่เข้าใจ
จักรพรรดิไม่ได้กล่าวประโยคสุดท้ายออกมา เพียงแค่มองแววตาของตงหลิงจื่อลั่วแล้ว เขาผิดหวังยิ่งกว่าเดิม “จื่อลั่ว ชายชาตรีนั้นต้องมองการณ์ไกล การประลองภายในของหญิงสาว เจ้ามิต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว แค่มองอยู่ห่างๆก็พอ หากว่าเรื่องมันไปเกินการควบคุม ก็แค่ทำลายมันก็เท่านั้น”
เช่นเดียวกับวังหลังของเขา ตราบใดที่ไม่กระทบกับการเมือง เขาไม่สนว่าผู้หญิงเหล่านั้นที่อยู่ในวังหลังจะอยู่หรือตาย หากว่าตายไปก็แค่เปลี่ยนคนใหม่ สำหรับชายชาตรีแล้ว อำนาจต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“ลูกเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณเสด็จพ่อที่สอน” ตงหลิงจื่อลั่วคุกเข่าลง และยอมรับผิด
แค่เข้าใจปากเปล่าเท่านั้นแหละ!
จักรพรรดิถอนหายใจ เขาไม่ค่อยเอ่ยปากสอนลูกชายเท่าไหร่ แต่ผลที่ได้กลับมานั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน เขาเองก็เหนื่อยเช่นกัน “ไปเถอะ”
……
“เสด็จพี่ คนที่ชื่อหลี่เซียงนั้นยังไม่ตาย” ซีหลิงเหยาหวาได้รับรายงานจากสายลับ และเร่งไปที่ห้องบรรทมของซีหลิงเทียนเหล่ย
ซีหลิงเทียนเหล่ยล้มป่วยมาเป็นเวลานานเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาซึ่งเดิมมีชีวิตชีวา ตอนนี้ดูชราและเศร้าหมองอย่างมาก ” ช่างตายยากเสียจริง หากว่าไม่สามารถพามันไปได้ เช่นนั้นก็ฆ่ามันเสีย”
หลี่เซี่ยงเป็นอาวุธมีคม หากซีหลิงเอาตัวเขามามิได้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้คนอันตรายเช่นนี้ตกอยู่ในมือของคนอื่น
“ทราบ” ในช่วงเวลานี้ซีหลิงเหยาหวาระวังมากยิ่งขึ้น ครั้งที่แล้วนางเกิดปากเสียงกับซีหลิงเทียนเหล่ยเพราะเรื่องแต่งงาน จนทำให้บาดแผลของซีหลิงเทียนเหล่ยเปิดออก เกือบจะเสียการใหญ่ไปแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ขาหรือเพราะซีหลิงเหยาหวาจะแต่งงานไปที่ตงหลิง ตงหลิงเทียนเหล่ยเริ่มไม่พอใจเหยาหวามากขึ้น เขารู้สึกเสมอว่าน้องสาวคนนี้เริ่มใจกล้ามากขึ้น แต่ก่อนที่ขาจะหายดีนั้น เขายังต้องใช้ประโยชน์จากเหยาหวา ฉะนั้นเขาจะไม่แสดงความไม่พอใจนี้ออกมา “รู้หรือยังว่าเป็นฝีมือของใคร?”
เมื่อซีหลิงได้รับข่าว ตำหนักชิงเหยียนที่หลี่เซี่ยงอาศัยนั้นได้ระเบิดไปแล้ว ซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการทราบว่ามีใครในตงหลิงที่รับข่าวสารได้เร็วกว่าเขา
“ไม่มี” ซีหลิงเหยาหวาดูรู้สึกผิด เมื่อเห็นซีหลิงเทียนเหล่ยไม่พอใจ นางก็เร่งอธิบาย “เสด็จพี่ ปข่างของซีหลิงและเป่ยหลิงนั้น คนของเราเป็นคนปล่อยออกไป”
ซีหลิงเทียนเหล่ยใช้นามในการเลือกนางสนม เดินทางไปสร้างระบบข่าวกรองขนาดใหญ่ในทุกแคว้น
ในขั้นต้น แคว้นหนานหลิงถือเป็นแคว้นที่ใช้เวลาเร็วที่สุด และครอบคลุมที่สุดในการรวบข้อมูลข่าวสารของตงหลิง แต่กลับเกิดเหตุการณ์จูเซียง วังใต้ดินขององค์ชายรองแห่งแคว้นหนานหลิงก็ถูกทำลายโดยตงหลิงจิ่ว และได้ขุดเอาสายลับที่หนานหลิงแฝงเอาไว้ในตงหลิงออกมา ส่วนซูหว่านนั้นนางไม่มีคนมากเท่าไหร่ในตงหลิงที่สามารถใช้ได้
ส่วนเป่ยหลิงนั้น… ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับเศรษฐกิจของตน คนที่อยู่แต่ละแคว้นจึงไม่มากเท่าไหร่นัก
ในบรรดาสามแคว้น ข่าวสารของซีหลิงนั้นสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ยังมีคนที่เร็วกว่าพวกเขา สิ่งนี้ทำให้ซีหลิงเทียนเหล่ยรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
“ใครกัน ใครที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเรา?” นี่คือสิ่งที่ซีหลิงเทียนเหล่ยกังวลมากที่สุด ซีหลิงเหยาหวาก้มหน้าลง มิส่งเสียงกระไร
นี่เป็นคำถามที่นางไม่สามารถตอบได้
ซีหลิงเทียนเหล่ยมิได้หาเรื่องนางต่อ “ไปตรวจสอบดูว่าแต่ละโรงหมอนั้น มีคนที่บาดเจ็บจากระเบิดไปรักษาตัวหรือไม่ และตรวจสอบจวนเฟิ่งเป็นหลัก”
“เสด็จพี่โปรดวางใจ เหยาหวาจะทำให้ดีที่สุด” การตรวจสอบจวนเฟิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดสำหรับเหยาหวา หากว่านางสามารถพบเบาะแสใด เช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉินจบสิ้นแน่นอน ฮ่องเต้แห่งตงหลิงจะไม่มีทางปล่อยนางไปแน่นอน
น่าเสียดายที่คำพูดของซีหลิงเทียนเหล่ยทำให้ความกระตือรือร้นของนางลดลง “เหยาหวา อย่าคิดกระไรที่ไม่สมควร นี่เป็นตงหลิง หากว่าเราปรากฏตัวในตงหลิงอย่างเปิดเผย เช่นนั้นก็ไม่สามารถใช้วิธีสกปรกได้ เจ้าคิดฮ่องเต้ตงหลิงเป็นแค่สิ่งประดับหรืออย่างไร?”
บางสิ่งเข้าใจโดยปริยาย ท้ายที่สุดหากเกิดเรื่องไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่ก็อย่าได้คิดว่าตนเก่งพอที่จะปิดบังอีกฝ่ายได้
“เหยาหวาไม่กล้า” ซีหลิงเหยาหวา ก้มหน้าซ่อนความไม่พอใจและความโกรธในดวงตาเอาไว้
นางรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ตอนนี้ไม่ได้ฆ่าเฟิ่งชิงเฉินเสีย ปล่อยให้หายนะอยู่ตรงนี้ ทำให้นางต้องล้มเหลวในตงหลิง แม้กระทั่งงานแต่งงานที่คุยเอาไว้แล้วก็ต้องเปลี่ยนไป
“จำตัวตนของเจ้าให้ดี” ซีหลิงเหยาหวาคิดกระไร ซีหลิงเทียนเหล่ยรู้ดี หากว่าไม่สร้างปัญหาใหญ่ เขาไม่ถือสาหากว่าเหยาหวาจะใช้กลอุบายเล็กๆน้อยๆ แต่ก่อนอื่นเหยาหวาต้องมีเวลาและพลังนั้น
“เหยาหวา อย่าเอาแต่จับตามองเฟิ่งชิงเฉิน ม้าเหงื่อโลหิตที่ตงหลิงชนะไป เจ้าจัดการเรียบร้อยหรือยัง?” เขาหมายถึงจะให้ซีหลิงเหยาหวาไปจัดการด้วยตนเอง
“เสด็จพี่ ข้าจะไปทำประเดี๋ยวนี้” ซีหลิงเหยาหวากัดริมฝีปาก เช่นนี้นางจะเอาเวลาไหนมาจัดการเฟิ่งชิงเฉิน?
เมื่อเห็นเหยาหวาเศร้าลง เขากลัวว่าจะมีผลต่องาน ซีหลิงเทียนเหล่ยจึงเอ่ยปาก ” เหยาหวา เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง อย่าใส่ใจหมากที่ไร้ค่านั้นมากจนเกินไป”
“เสด็จพี่กล่าวถูกต้อง เหยาหวาวางความสำคัญผิดเอง ตอนนี้เหยาหวาเข้าใจแล้วว่าสิ่งใดสำคัญที่สุด จะไม่ทำพลาดอย่างแน่นอน” หมาก หมากน่ะหรือ นางเองก็เป็นแค่หมากเช่นกัน เพียงแต่มีค่ากว่าเฟิ่งเชิงเฉินก็เท่านั้น
“ไปเถิด!”
ดวงตาของซีหลิงเทียนเหล่ยจับจ้องไปที่ขาของตน แววตาของเขาเย็นชากว่าเดิมอย่างมาก
“หลานจิ่วชิง อย่าให้ข้าได้เจอเจ้าแล้วกัน!”
…