“อาวุโสถึงกับแน่ใจว่าชนรุ่นหลังจะต้องมีไผ่อัสนีเทวาทองคำ!” หานลี่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา พลางถามอย่างช้าๆ

 

 

“ผู้เฒ่าย่อมไม่สามารถแน่ใจได้ แต่สหายหานสามารถหลอมกระบี่บินด้วยไผ่อัสนีทองได้เจ็ดสิบสองเล่มในครั้งเดียว ความเป็นไปได้ที่ในมือยังมีไผ่อัสนีทองเหลืออยู่มากนั้นมีไม่น้อย ดังนั้นจะเอ่ยขึ้นเช่นนี้” ชายชราแซ่เจียงถ่ายทอดเสียงอย่างไม่กระโตกกระตาก

 

 

“เกรงว่าจะทำให้อาวุโสผิดหวังแล้ว ในมือชนรุ่นหลังไม่ได้มีไผ่อัสนีทองเกินความจำเป็น ปีนั้นที่ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจก็บังเอิญมีพอสำหรับหลอมกระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มเท่านั้น” หานลี่ถอนหายใจยาวแล้วตอบกลับเช่นนี้

 

 

“ไม่มีรึ?” ชายชราขมวดคิ้วคราหนึ่ง ดูเหมือนจะรู้สึกผิดคาด

 

 

“ไม่ผิดขอรับ ชนรุ่นหลังอยากได้เคล็ดวิชากระบี่ใหม่และวิธีการหลอมกระบี่บินของอาวุโสมาก แต่ถึงแม้ใจจะสู้ก็ยังขาดกำลัง” หานลี่หัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง

 

 

เขาพูดเช่นนี้ ถือว่าไม่ได้โกหกใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

แม้ว่าในมือเขาจะมีขวดเล็กลึกลับและรากวิญญาณไผ่อัสนีทอง แต่ผ่านมาหลายปีเช่นนี้ กระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มที่ประกอบด้วยอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายก็เพียงพอให้เขาใช้แล้ว แต่จุดอื่นๆ ที่ต้องการขวดเล็กลึกลับนั้นมีนับไม่ถ้วน!

 

 

ผ่านมาหลายปีเช่นนี้ เขาไม่เคยได้บ่มเพาะไผ่อัสนีทองเกินความจำเป็น ตอนนี้จู่ๆ ชายชราแซ่เจียงก็เสนอเรื่องข้อแลกเปลี่ยนด้วยไผ่อัสนีทองขึ้นมา แม้ว่าเขาจะเกิดแรงจูงใจมาก แต่ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ แล้วปฏิเสธ

 

 

ชายชราจ้องเขม็งหานลี่อยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าดูสงบเยือกเย็น มองไม่เห็นถึงความโกหก จึงค่อยพูดอย่างเรียบๆ “หากไม่มีไผ่อัสนีทอง เคล็ดวิชากระบี่ของผู้เฒ่าก็แลกเปลี่ยนกับเจ้าไม่ได้แล้ว ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าเก็บไผ่อัสนีทองเมื่อปีนั้น น่าจะได้ใบไผ่ของไผ่อัสนีทองมาไม่น้อยสินะ”

 

 

ชายชราดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ สุดท้ายจึงเอ่ยถึงใบไผ่ของไผ่อัสนีทองขึ้นมา

 

 

“ชนรุ่นหลังเก็บของสิ่งนี้ไว้มากจริงๆ ของชนิดนี้มีความพิเศษมาก จะเป็นทองก็ไม่ใช่จะเป็นไม้ก็ไม่เชิง ชนรุ่นหลังหาประโยชน์ใช้สอยจากมันไม่ได้มาโดยตลอด แต่ดูแล้วไม่เหมือนของทั่วไป ดังนั้นจึงเก็บทั้งหมดไว้อย่างเหมาะสม” หานลี่ตะลึงครู่หนึ่ง จึงค่อยตอบกลับอย่างซื่อตรง

 

 

“ยังอยู่ทั้งหมด! ดี ดีมาก หากเจ้าไม่มีไผ่อัสนีทอง นำใบไผ่ของไผ่อัสนีทองเหล่านี้มอบให้ข้า ข้าสามารถถ่ายทอดวิธีการหลอมให้เจ้า สำหรับเรื่องที่ช่วยเจ้าหลอมกระบี่ด้วยมือตัวเอง กลับไม่สามารถช่วยเจ้าได้แล้ว เจ้ายินดีหรือไม่?” ดวงตาของชายชราเผยความดีใจออกมา พลันถามขึ้น

 

 

“ยินดีแน่นอนขอรับ!” หานลี่พูดโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย

 

 

แม้จะรู้ว่าใบของไผ่อัสนีทองเหล่านี้จะมีประโยชน์ใช้สอยที่ยอดเยี่ยมอย่างอื่น ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่ต้องการ แต่สำหรับเขาแล้ว ใช้ของเหล่านี้ที่ไม่รู้ประโยชน์ใช้สอย ได้นำมาแลกกับประโยชน์ใหญ่โตเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่ยินยอมเป็นอย่างยิ่ง

 

 

หานลี่ใช้มือสะบัดไปที่กำลังเก็บของทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีเขียวระยิบระยับ ตลับไม้สีเขียวอ่อนสองใบก็ปรากฏในฝ่ามือ

 

 

เมื่อสั่นข้อมือคราหนึ่ง ตลับไม้ก็ถูกโยนไปฝั่งตรงข้าม

 

 

ชายชราไม่ได้ขยับมือเท้า ดวงตาเปล่งแสงประหลาดอ่อนๆ เมื่อตลับไม้สองใบมาถึงตรงหน้าก็หยุดนิ่งกลางอากาศอย่างน่าประหลาด

 

 

จากนั้นฝาตลับก็เปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าด ต่างก็เปิดออกด้วยตัวเองท่ามกลางแสงสีขาว เผยให้เห็นใบไผ่ที่วางซ้อนกันอยู่ภายใน เปล่งแสงสีทองระยิบระยับราวกับทำมาจากทองคำบริสุทธิ์

 

 

“ไม่ผิด เป็นใบไผ่อัสนีทองจริงๆ ด้วย” หลังจากที่ชายชราใช้สายตาตรวจดูภายในกล่อง ก็แยกแยะจริงเท็จได้ในพริบตา ใบหน้าก็เผยสีของความพึงพอใจออกมา

 

 

เขนสั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง ตลับไม้ทั้งสองใบก็ปิดฝาอีกครั้ง แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

เมื่อดีดนิ้วทีหนึ่ง ลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่หานลี่

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งคว้าออกไป ลำแสงสีขาวก็ถูกดูดเข้ามาในฝ่ามือ ปรากฏเป็นม้วนคัมภีร์หยกสีขาวสลัวๆ ม้วนหนึ่ง

 

 

“เคล็ดวิชากระบี่ฉบับใหม่กับวิธีการหลอม ข้าใส่ไวในนั้นหมดแล้ว เจ้าสามารถดูก่อนได้ จะได้ไม่หาว่าผู้เฒ่าหลอกลวงเจ้า” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ชนรุ่นหลังมิกล้า!” หานลี่เก็บม้วนคัมภีร์หยกเข้าไปในอกเสื้อโดยที่ไม่ดูแม้แต่น้อย

 

 

ชายชราเห็นดังนี้ก็พยักหน้า

 

 

“ใบไผ่มอบให้อาวุโสแล้ว อาวุโสสามารถบอกสักนิดได้หรือไม่ แท้จริงแล้วใบไผ่เหล่านี้มีประโยชน์ใช้สอยอย่างไร ให้ชนรุ่นหลังได้เปิดโลกทัศน์ด้วยขอรับ!” หานลี่อดไม่ได้ที่จะถาม

 

 

“เหอะๆ ในมือของสหายหานยังมีใบไผ่เหลืออยู่อีกหรือไม่? วางใจ ใบไผ่เหล่านี้เพียงพอให้ข้าใช้สอยแล้ว ข้าไม่ขอส่วนที่เหลือของเจ้าอีก ในเผ่ามนุษย์มีน้อยคนมากที่จะรู้ แต่ในเผ่าอายุยืนกลับเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้กันโดยทั่วไป บอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร ใบไผ่อัสนีทองเหล่านี้มีประโยชน์ใช้สอยอยู่สองอย่าง อย่างแรกสามารถใช้หลอมเทวะอัสนีชนิดหนึ่งเรียกว่าอัสนีทองรชตะขจัดมาร ในด้านการรับมือกับมาร อานุภาพยังเหนือกว่าอัสนีเทวาดปัดเป่าภยันตรายเสียอีก และสำหรับพวกเราที่เข้าสู่ระดับมหาเมธีขั้นปลายแล้ว ใช้เป็นอาวุธในการรับมือกับมารฟ้านอกดินแดน ส่วนประโยชน์ใช้สอยอีกอย่างหนึ่ง ก็คือใบไผ่นี้สามารถให้แมลงวิญญาณบางชนิดกินได้ และมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ แน่นอนว่าจะเป็นต้องกลืนกินใบไผ่อัสนีทองเป็นจำนวนมากจึงจะทำได้” ชายชราไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย อธิบายให้หานลี่ฟังอย่างหมดเปลือก

 

 

“มารฟ้านอกดินแดน? คืออะไรหรือขอรับ” หานลี่ไม่ค่อยเข้าใจ

 

 

“มารฟ้านอกดินแดนจะพูดอย่างไรดี ก็คล้ายๆ กับทัณฑ์อัสนีของผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเรา เพียงแต่โดยพื้นฐานแล้วระยะห่างของช่วงเวลาที่ทัณฑ์อัสนีของผู้บำเพ็ญเพียรมาถึงจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนมารฟ้านอกดินแดน คือการที่ผู้บำเพ็ญเพียรเข้าสู่ระดับมหาเมธีขั้นปลายแล้ว มีโอกาสถูกมารชนิดหนึ่งจู่โจมได้ทุกเมื่อ พวกมันไร้รูปไร้ลักษณ์ ราวกับมารจิต แต่ร้ายกาจกว่ามารจิตถึงร้อยเท่า โดยทั่วไปแล้ว ยามที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหาเมธีอย่างพวกเราพลังยุทธ์อ่อนแอหรือจิตใจไม่มั่นคง มารฟ้าเหล่านี้มีโอกาสปรากฏตัวมากที่สุด หากพวกเราไม่สามารถต้านทานมันได้ กายเนื้อก็จะสูญสลาย จิตวิญญาณดั้งเดิมก็จะถูกทำให้โสมม และกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของมารฟ้า ข้าต้องการใบไผ่อัสนีทองก็เพื่อที่จะเตรียมหลอมอัสนีทองรชตะขจัดมาร จะได้ป้องกันการรุมล้อมก่อกวนของมารฟ้าหลังจากผ่านวิบาก” ชายชราบรรลุความปรารถนาสองอย่างได้ในวันเดียว สภาพจิตใจจึงดีมาก พูดออกมารวดเดียวมากมายเช่นนี้

 

 

ใบหน้าของหานลี่เผยสีหน้าคล้ายกับคาดคิดไว้บ้าง โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินว่าใบไผ่อัสนีทองสามารถทำให้แมลงวิญญาณเกิดการกลายพันธุ์ได้ ในใจก็ยิ่งอยากได้

 

 

“ใช่แล้ว สหายหานคิดจะอยู่ที่นี่นานหรือไม่?” จู่ๆ ชายชราก็หยุดถ่ายทอดเสียง แล้วเอ่ยถามตามปกติ

 

 

“ปราณทมิฬที่นี่หนาแน่นเกินไป ไม่เหมาะที่จะให้ชนรุ่นหลังอยู่นาน อีกทั้งภายนอกยังมีเรื่องบางอย่างที่จำเป็นต้องทำ จึงไม่สามารถอยู่ที่นี่นานมากขอรับ” หานลี่ลังเลพักหนึ่ง จึงค่อยตอบกลับตามจริง

 

 

ได้ยินคำนี้ของหานลี่ หยวนเหยาก็มีสีหน้าซีดขาว แต่ชั่วพริบตาก็ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ

 

 

นอกจากเหยียนลี่ที่อยู่ใกล้นางแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ไม่สังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของหญิงสาวผู้นี้แม้แต่น้อย

 

 

เหยียนลี่ดวงตาเปล่งประกายวาบหนึ่ง มุมปากเผยอารมณ์แปลกใจออกมา แต่ก็เก็บซ่อนไว้ในทันที

 

 

“อ๋อ หากเป็นเช่นนี้ เจ้าน่าจะหาวิธีออกจากมิตินี้เจอแล้วสินะ” ชายชราจ้องมองหานลี่ พลันเผยอารมณ์คล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มออกมา

 

 

“ชนรุ่นหลังยังหาไม่เจอเลยขอรับ!” หานลี่เอามือลูบจมูก พลันพูดด้วยความอับอาย

 

 

“ฮ่าๆ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องหาแล้ว เข้ามาในมิตินี้ ผู้เฒ่าอาจจะช่วยเหลือไม่ได้ แต่หากออกจากที่นี่ ยังมีวิธีที่ทำได้อยู่ ไม่เช่นนั้นผู้เฒ่าจะอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าแมงเม่านี้อย่างวางใจได้อย่างไร อีกไม่กี่วันให้หลัง ผู้เฒ่าจะร่ายคาถาส่งเจ้าออกไปเอง” ชายชราหัวเราะหึๆ คราหนึ่ง

 

 

“ขอบพระคุณอาวุโสเป็นอย่างยิ่ง!” หานลี่ดีอกดีใจยกใหญ่ รีบกล่าวขอบคุณ

 

 

“เจ้าไม่ต้องขอบคุณหรอก ผู้เฒ่าทำเช่นนี้ไม่ได้ทำให้โดยไม่คิดเงื่อนไข ยังต้องให้เจ้าทำข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่างหนึ่ง” สีหน้าดีใจบนใบหน้าของหานลี่ยังไม่ทันหายไป ชายชราก็ถ่ายทอดเสียงมาอีกครั้ง

 

 

“ทำการแลกเปลี่ยนอีกครั้ง!” หานลี่ตะลึงงัน

 

 

“สหายสนใจน้ำนมเทวะแม่น้ำอเวจีหรือไม่?” ชายชราถามเสียงจริงจัง

 

 

“อาวุโสมีน้ำนมเทวะ อยากจะนำสิ่งนี้มาแลกเปลี่ยนหรือขอรับ?” หานลี่ตกใจสะดุ้งโหยง เขารู้สึกตกตะลึงจริงๆ

 

 

“ผู้เฒ่าอาศัยอยู่ที่แม้น้ำอเวจีเป็นเวลานานเช่นนี้ หากแม้แต่น้ำนมเทวะยังไม่สามารถเอาไปได้ ก็เป็นเรื่องน่าขันแล้ว” ชายชราหัวเราะเย็นคราหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่ถือสาว่าเป็นเช่นนั้น

 

 

“คนของเผ่าแมงเม่านั้นรู้เรื่องนี้หรือไม่ขอรับ? ไม่ใช่ว่าน้ำนมเทวะมีอสูรวิชระอเวจีสองตนเฝ้าอยู่หรือขอรับ?” หานลี่ถามด้วยความงุนงงสงสัย

 

 

“ก็แค่อสูรวชิระอเวจีกระจอกๆ สองตน จะสามารถทำให้ผู้เฒ่าจนมุมเชียวหรือ ผู้เฒ่ามีวิธีการอยู่แล้ว สามารถเก็บน้ำนมเทวะโดยที่หลีกเลี่ยงหูตาของพวกมันได้ อีกทั้งแต่ละครั้งที่ผู้เฒ่าไปเก็บก็เก็บมาไม่มาก แม้ว่าพวกเขาจะรู้ ยังจะกล้ามาต่อว่าต่อขานผู้เฒ่าอีกรึ?” ชายชราแซ่เจียงพูดด้วยความหยิ่งทะนง

 

 

“น้ำนมเทวะ ชนรุ่นหลังอยากได้แน่นอนขอรับ! แต่บนตัวชนรุ่นหลังไม่มีของอะไรที่สามารถเข้าตาอาวุโสได้จริงๆ!” หานลี่ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จึงค่อยพูดด้วยความลำบากใจ

 

 

“ผู้เฒ่าเคยบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าต้องการของของเจ้า” ชายชราถ่ายทอดเสียงด้วยความแปลกใจ

 

 

“อาวุโสหมายความว่า…” หานลี่สีหน้าเปลี่ยน

 

 

“ง่ายมาก เพื่อที่จะยืดการมาถึงของทัณฑ์สวรรค์ครั้งต่อไป ข้าจึงไม่สามารถออกจากมิตินี้ได้ แต่จำเป็นต้องมีของบางอย่างที่สำคัญมากๆ เพียงแค่เจ้าช่วยข้ารวบรวมจากข้างนอก หลังจากนั้นภายในพันปีนำมาส่งให้ข้า ข้าก็จะมอบน้ำนมเทวะแม่น้ำอเวจีขวดนั้นแลกเปลี่ยนกับเจ้า การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ สหายหานคิดว่าเป็นอย่างไร?” ชายชราเอ่ยถาม

 

 

“อาวุโสให้ชนรุ่นหลังดูของที่รวบรวมว่าเป็นสิ่งใดก่อนแล้วค่อยตกลงกันได้หรือไม่!” หานลี่ไม่ได้ตกลง แต่ถามอย่างระมัดระวัง

 

 

เห็นหานลี่มีท่าทางระมัดระวังรอบคอบเช่นนี้ ชายชราแซ่เจียงกลับเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

 

 

เขาไม่พูดอะไร แค่สั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง ม้วนคัมภีร์หยกสีเขียวม้วนหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา

 

 

หานลี่ใช้มือคว้าม้วนคัมภีร์หยกนี้มา แล้วเพ่งจิตสัมผัสเข้าไปข้างใน

 

 

เพียงแค่ครู่ต่อมา สีหน้าของเขาก็ดูลังเลไม่หยุด

 

 

ผ่านไปอีกพักหนึ่ง หานลี่ใช้จิตสัมผัสดึงม้วนคัมภีร์หยกออกมา ก้มหน้าลังเลอยู่พักใหญ่ จึงค่อยเงยหน้าแล้วยิ้มฝืนๆ กับชายชรา “อาวุโส แม้ว่าของในม้วนคัมภีร์หยกของท่านไม่นับว่าเยอะ แต่ข้ารู้จักหรือได้ยินมาแค่หนึ่งถึงสองในสิบส่วนเท่านั้น แต่สิ่งที่รู้เหล่านี้ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ใช่ของล้ำค่าเลย หากไม่มีโอกาส แม้แต่โชคจะได้พบสักครั้งก็ไม่มี อาวุโสออกจะประเมินชนรุ่นหลังสูงเกินไปหน่อยแล้วขอรับ”

 

 

“สหายหาน น้ำนมเทวะแม่น้ำอเวจีเป็นแค่ของเหลววิญญาณรึ? นี่เป็นสมบัติวิญญาณที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ต่างก็ใฝ่ฝันหาแม้ในยามหลับ ไม่เสียดายที่จะเสี่ยงตายเพื่อได้มันมา อีกทั้งข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าจะต้องรวบรวมของในรายการทั้งหมด เพียงแค่เจ้าสามารถหามาได้สองในสามส่วน เมื่อเจ้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง ข้าก็จะใช้น้ำนมเทวะมาแลกเปลี่ยนกับเจ้า” ชายชราพูดอย่างเยือกเย็น

 

 

“สองในสามส่วน? หากเป็นเช่นนี้ ใช่ว่าไม่มีหวังว่าจะทำได้!” หานลี่พิจารณาอีกครู่หนึ่ง ก็พูดพึมพัมขึ้นมา

 

 

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าสหายหานตกลงข้อแลกเปลี่ยนนี้แล้ว หากเป็นเช่นนี้ เรื่องที่ข้าส่งเจ้าออกจากแม่น้ำอเวจีก็ถือเสียว่าเป็นเงินมัดจำล่วงหน้าของข้าก็แล้วกัน”

 

 

“ชนรุ่นหลังจะไม่รับปากได้อย่างไร?” หานลี่เอามือลูบจมูกตัวเอง แล้วตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อน

 

 

“สองวันให้หลัง ข้าก็จะส่งสหายออกจากแม่น้ำอเวจี!” ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อย พลันยิ้มอย่างสง่างามทีหนึ่งแล้วกล่าว