ตอนที่ 911 มาจากไหน

Elixir Supplier

911 มาจากไหน

ระหว่างทางกลับหวังเย้าก็คิดถึงเรื่องนั้นไปด้วยฉันไปขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง?หลังจากกลับไปถึงคลินิกเขาก็โทรไปหาซุนหยุนเชิงในวันที่โรงงานเริ่มต้นการผลิตซุนหยุนเชิงอยู่ในช่วงเดินทางไปติดต่อธุรกิจสําคัญอยู่ที่ต่างประเทศพอดีเขาจึงไม่ได้มาร่วมงาน แต่เขาก็ยังส่งคนมาแสดงความยินดีถึงยังไงตระกูลซุนก็นับว่าเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะให้คนไปดูให้ทันทีเลยครับ”ซุนหยุนเชิงรีบพูดเขามักพยายามท่าสิ่งที่หวังเย้าขอมาอย่างสุดความสามารถเสมอแต่เขาก็จะไม่สนใจเรื่องนี้เลยก็ไม่ได้ เพราะเขาก็ถือเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทนี้อยู่ด้วย

“อาหาว”

“คุณชาย”

“โรงงานผลิตยาของเชียนเชิงได้ผลิตยาชุดแรกออกมาแล้ว”ซุนหยุนเชิงพูด

“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

“งานที่เชียนเชิงทํามักยอดเยี่ยมเสมอหน้าที่ของพวกเราก็คือโฆษณากระตุ้นการขาย”ซุนหยุนเชิงจิบชาและพูดว่า “ใช้อํานาจทั้งหมดที่พวกเรามีซะ”

“ได้ครับ คุณชาย” อาหาวหมุนตัวเดินออกไปเหลือไว้แค่ซุนหยุนเชิง

“เชียนเชิง ในที่สุดก็ยอมปลดปล่อยอิทธิพลในด้านอื่นแล้วสินะครับ?”

ยาและการทําเงินเป็นส่วนผสมที่พิเศษบางอย่างได้กําไรบางอย่างไม่ได้กําไรการทําธุรกิจแบบนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งในแผนธุรกิจของตระกูลซุนพวกเขาไม่มีแผนจะทํามันเพราะพวกเขาไม่เคย

ทํามันมาก่อนถ้าหากพวกเขาลงมือโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่ดีอย่างที่คิดแต่ตอนนี้มันต่างกันหวังเย้าได้มอบโอกาสที่พิเศษและหาได้ยากกับพวกเขามันคือโอกาสในการ

ขยายอาณาเขตของพวกเขาและเป็นสะพานเชื่อมถึงเขาได้ไกลขึ้น การมีจุดสนใจร่วมกันจะทําให้ความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นได้

ในหมู่บ้าน หวังเย้ากําลังดื่มชาและนั่งอยู่ตรงข้ามกับพันจวิน

“อาจารย์ ผมได้ยินมาว่ายาชุดแรกของบริษัทถูกผลิตออกมาแล้ว” พันจวินพูด “ใช่ครับเพิ่งผลิตออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง”

“ดีเลยครับ ผมจะได้ให้พี่สาวของผมซื้อเอาไว”พันจวินพูด“ถ้าจําเป็นผมพอจะพูดกับทางโรงพยาบาลประจําเขตให้ลองเอาไปใช้ดูได้นะครับ”

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้อํานวยการของแผนกฉุกเฉินแต่เขาก็เข้าไปยุ่งกับเรื่องการจัดซื้อยาของทางโรงพยาบาลไม่ได้มันมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่รวมไปถึงเหล่าผู้อําานวยการและรองอธิการด้วย พันจวินเป็นคนที่ชอบผูกมิตรกับผู้คนและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานที่รับผิดชอบในเรื่องการจัดซื้อยาอยู่ด้วยการซื้อยามาทดลองใช้สักหนึ่งหรือสองตัวจึงไม่ใช่ปัญหาความจริงเขามั่นใจในตัวยาที่ถูกผลิตขึ้นมาจากสูตรยาของหวังเย้าอย่างมากแต่ในสังคมปัจจุบันถึงของสิ่งนั้นจะมีประโยชน์และได้ผลดีสักแค่ไหนแต่ถ้าไม่เป็นที่จดจําของผู้คนมันก็ไร้ค่านั่นคือกระบวนการของสังคม

“ไม่เป็นไรครับ” หวังเย้าพูด

เขาพอจะได้ยินพันจวินพูดเรื่องสถานการณ์ภายในโรงพยาบาลอยู่บ้างและเขาไม่ต้องการทํา

ให้พันจวินต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก

“ยามันดีอยู่แล้ว เอาไปใช้ในคลินิกผู้ป่วยนอกก็ดีมากแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด “ได้ครับผมจะบอกเรื่องนี้กับพี่สาวเดี๋ยวนี้เลย

หลังจากโทรไปแล้วพันเหมยก็ตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรให้มากความแต่ปริมาณที่เธอต้องการไม่ได้มากนักเพราะมันเป็นแค่คลินิกเล็กๆเท่านั้น

อาจารย์และศิษย์ทั้งสองกําลังนั่งดื่มชาอยู่ในตอนที่แขกอีกคนมาถึง

“พี่เทียน”

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”เทียนหยวนถูเดินเข้ามาด้านในคลินิก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่เขายังพาชายอีกคนมาด้วยเขาเป็นชายวัยกลางคนที่สีหน้าไม่ดีเลยเขามีรูปร่างสันทัดและศีรษะล้าน

“นี่เป็นเพื่อนของฉันเอง”เทียนหยวนถูพูด“เขาไม่ได้เป็นคนที่นี่เขาไม่ค่อยสบายเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลมาหลายที่แล้วก็ไม่ได้ผล ฉันก็เลยแนะนําให้เขามาหานายดู”

“ผมขอตรวจดูหน่อยนะครับพี่นั่งพักและดื่มชาก่อน”

พันจวินรินชาให้เขาทันทีที่ได้ยินหวังเย้าพูด

“ยินดีครับ”

หวังเย้ามองชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเขาหายใจแรงดูเหนื่อยล้า และถอนหายใจอยู่ตลอด“คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนเหรอครับ?”

“ผมรู้สึกไม่สบายทั่วตัวเลย”เขาพูด“ผมรู้สึกกระสับกระส่ายและไม่มีแรงผมอยากหลับแต่ก็

นอนไม่หลับ”

“คุณทํางานอะไรอยู่เหรอครับ?”

“ผมมีธุรกิจส่วนตัว”เขาพูดเขาไม่ได้อยากมาที่นี่แต่เขาปฏิเสธคําแนะนําของเทียนหยวนไม่ได้ทั้งสองเป็นเพื่อนและทําธุรกิจด้วยกัน เขาจึงตอบตกลงมาที่นี่

หมอคนนี้อายุยังน้อยอยู่มาก!เขาไม่รู้ว่าหมอที่อายุเท่านี้มีความสามารถอะไรถึงทําให้เพื่อนของเขาที่เป็นคนนิ่งมาตลอดให้ความเชื่อถือได้มากขนาดนี้
“ธุรกิจดีมากใช่ไหมครับ?”

“ก็ถือว่าดี” เขาตอบ

“คุณคงต้องคอยให้ความบันเทิงคนอื่นและไม่ได้กลับไปกินข้าวที่บ้านเลยใช่ไหมครับ?”หวังเย่าถาม

“เอ่อ ใช่”หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตอบเขามักออกไปข้างนอกและแทบจะอยู่ข้างนอกตลอดทั้งวันเขายังออกไปทานอาหารร่วมกับคู่ค้าหรือเจ้าหน้าที่รัฐในตอนกลางวันหรือตอนเย็น

“คุณไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรครับ”หวังเย้าพูด “หลักๆคือเกิดจากการพักผ่อนน้อยเหนื่อยล้า

หยินหยางไม่สมดุลและสุขภาพแย่ลงต้องพักผ่อนและพักผ่อนให้มากปรับตารางการทํางานการพักผ่อนและการใช้ชีวิตให้เหมาะสม คุณจะกลับมาดีขึ้นภายในเวลาไม่ถึงเดือนได้ครับ”

“แค่นั้นเหรอ?” เขาถามอย่างแปลกใจ

“ง่ายๆแค่นี้ครับ ผมคิดว่าหมอคนอื่นก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน”

เขาพยักหน้า หมอบางคนพูดแบบนั้นและมีมากกว่าหนึ่งคนเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเพราะเขายุ่งเกินไปเขาจะไปมีเวลาพักได้ยังไง? อย่างมากที่สุดในหนึ่งวันเขาจะมีเวลาให้พักได้แค่หกชั่วโมงเท่านั้นสําหรับเขาแม้แต่การนอนดึกก็ยังนับได้ว่าหรูมากแล้ว

“ในเมื่อคนอื่นบอกไปแล้วแต่ทําไมคุณถึงไม่ฟังล่ะครับ?”

“ก็ผมยุ่งมาก!”

มันเป็นเพราะค่าว่า “ยุ่ง” อีกแล้ว

“เอาล่ะอะไรที่ควรพูดผมก็พูดไปหมดแล้วมีอะไรอีกไหมครับ?” หวังเย้ามองไปทางเทียนหยวนถูที่นั่งดื่มชาอยู่ตรงกันข้ามกับพันจวิน

หวังเย้าไม่ชอบคนที่ยุ่งอยู่กับงานของพวกเขาเพื่อหาเงินและวางเรื่องสุขภาพไว้เป็นเรื่องรองหรือเรื่องหลังสุด

“ฉันไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ขอโทษที่มารบกวนนายนะ”

“ไม่เป็นไรครับ” หวังเย้ายิ้ม

“แค่นี้เหรอ?”

“ใช่ ลองกลับไปคิดดูดีดีล่ะ”

เทียนหยวนถูและชายวัยกลางคนกลับออกไป

“หมอหนุ่มคนนั้น…”

หลังเดินออกมาแล้ว เทียนหยวนถูก็พูดว่า“เหล่าจ้าวคุณไม่บอกความจริงกับผม!”

“เรื่องอะไรเหรอ?”

“ในเมื่อหมอก็บอกเรื่องพวกนี้กับคุณแล้วแต่ทําไมคุณถึงไม่ฟังที่พวกเขาบอกล่ะ?”

“ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สภาพของตัวเอง”ชายวัยกลางคนพูด“ผมยุ่งตั้งแต่เช้าจนดึกแต่ก็ยังจัดการ

งานไปเสร็จ แล้วผมจะไปมีเวลาพักได้ยังไง!”

“คุณทําให้ผมขายหน้า!”เทียนหยวนถูถอนหายใจ

“ทําไมถึงเป็นผมที่ทําให้คุณขายหน้าล่ะ?”

“ช่างเถอะ กลับกันได้แล้ว”เทียนหยวนถูโบกมือในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นไปแล้วมันไร้ประโยชน์ที่

จะมาเสียใจเอาตอนนี้ โชคดีที่เพื่อนเก่าคนนี้ไม่ได้พูดอะไรที่นําไปสู่การขัดแย้งกัน

ด้านนอกคลินิก รถเบนซ์คันใหญ่ขับออกไปจากหมู่บ้าน

“อาจารย์ ผู้ชายคนเมื่อกี้ป่วยเป็นอะไรเหรอ?”“ป่วยจากความต้องการเงินมากกว่าชีวิต”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ ผมเข้าใจแล้ว”พันจวินพยักหน้า

“สมัยนี้ มีคนแบบนี้อยู่เยอะเลยล่ะ”