กู่ฉิงซานส่งแผ่นหยกให้ลั่วปิงหลี
เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของโถงก่อนนั่งพิงกำแพง หาวหวอด เหยียดตัวแล้วกล่าวว่า
“ข้าต้องวิวัฒนาการบัญญัติราชามารอีกหลายขั้น เมื่อเห็นว่าสิ่งนี้กำลังจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ข้าก็ไม่อาจละสายตาไปทำสิ่งอื่นได้ ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าที่จะตามหาเส้นทางลับไปสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์”
เทพแห่งความเย็นยะเยือกยืนขึ้นจากบัลลังก์แล้วกล่าวว่า “ทีนี้เจ้าจะทำอะไร วิวัฒนาการบัญญัติต่อหรือ”
“ไม่ ข้าจะพักก่อน…เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าทำอะไรไปหลายอย่าง ข้าต้องพักเพื่อเตรียมการวิวัฒนาการบัญญัติราชามารให้เสร็จสิ้น หลังจากนั้น หากพวกเจ้ายังหาทางไม่ได้ ข้าจะมาช่วยคิดอีกแรง”
หลังจากกู่ฉิงซานพูดจบ เขาพิงอยู่ที่มุมหนึ่งก่อนหลับตาลงเพื่อสงบสติตัวเอง
เทพแห่งความเย็นยะเยือกมองเขาพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยัน
“มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบาง เจอความเหนื่อยล้าระดับนี้เข้าไปก็ยังทนไม่ได้”
กู่ฉิงซานหลับตาลงแล้วกล่าวว่า “หากไม่มีข้า เจ้าก็จะไม่ได้พลังของบัญญัติราชามารนะ”
“เจ้าคนสารเลว คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นจริงหรือ” เทพแห่งความเย็นยะเยือกกัดฟัน
“พูดกับข้าแบบนี้ อยากฉีกข้อตกลงทิ้งเลยไหมล่ะ” กู่ฉิงซานลืมตาข้างหนึ่งก่อนถามอย่างเหยียดหยัน
“ถ้าข้าฉีกข้อตกลง เจ้าจะตายอยู่ที่นี่ทันที!” ราชาเทพกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ถ้าเจ้ากล้าทำแบบนั้น เจ้าจะไม่มีวันได้พลังของบัญญัติราชามารไป” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเย็นชา
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา
“หยุดก่อน!”
คราวนี้ลั่วปิงหลีก้าวออกมาแล้วโน้มน้าวเสียงดังว่า “อย่าทะเลาะกัน พลังของบัญญัติราชามารสำคัญมาก ทางที่สองในการสำรวจเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็สำคัญมากเช่นกัน… พวกเราต้องแบ่งเป็นสองกลุ่ม กู่ฉิงซาน เจ้าไปพักผ่อน จากนั้นวิวัฒนาการบัญญัติราชามารให้เสร็จ เส้นทางลับของเผ่าพันธุ์มนุษย์คือสิ่งที่ต้องสนใจก่อน ให้พวกข้าก่อนเพื่อทำการสำรวจโลกในวังวนความว่างเปล่าทีละจุดเอง”
กู่ฉิงซานหลับตาลงด้วยความผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
ลั่วปิงหลีประกาศจุดยืนชัดเจน
นี่นับว่าเป็นข่าวดี
ตอนนี้ เทพแห่งความเย็นยะเยือกนั่งลงอย่างเดือดดาล ศีรษะพลันหันไปมองมนุษย์แสงแล้วถามว่า “เจ้าคิดว่าไง”
มนุษย์แสงเงียบไปสักพักแล้วพยักหน้า “ไม่มีปัญหาในการแบ่งกำลังเป็นสองกลุ่ม พวกเราสามารถทำพร้อมกันได้ ข้าเห็นด้วยกับวิธีนี้”
“ถ้างั้น…” เทพแห่งความเย็นยะเยือกคร่ำครวญ
“นายท่าน ท่านระดมเผ่าพันธุ์เทพทั้งหมดให้ไปสำรวจเส้นทางของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าจะเป็นคนนำทัพเผ่าพันธุ์เทพเอง” มนุษย์แสงกล่าว
“เอาเถอะ มีแค่เจ้าที่สามารถเดินทางผ่านมิติและเวลาได้ ข้ายังต้องพึ่งเจ้าอยู่” เทพแห่งความเย็นยะเยือกกล่าว
มนุษย์แสงพยักหน้าก่อนมองลั่วปิงหลี
ลั่วปิงหลีตรวจสอบแผ่นหยก
ทันใดนั้น เส้นทางที่นำไปสู่กระแสวังวนความว่างเปล่าได้เปิดออกอีกครั้ง
เทพลี่ออกไปเรียกเผ่าพันธุ์เทพองค์อื่น
ผ่านไปสักพัก เผ่าพันธุ์เทพที่เหลือมารวมตัวในตำหนักราชาเทพ
“ตามข้ามา” มนุษย์แสงกล่าว
มันนำหน้าเข้าสู่ความปั่นป่วนของมิติและเวลา
เผ่าพันธุ์เทพเหล่านั้นตามเข้าไปองค์แล้วองค์เล่าก่อนทะยานเข้าสู่ส่วนลึกของวังวนความว่างเปล่าด้วยกัน
ลั่วปิงหลีมองฉากนี้ด้วยสายตาซับซ้อน
จนกระทั่งมนุษย์แสงหายไป นางจึงมองกู่ฉิงซานอีกครั้ง
แต่นางเห็นว่ากู่ฉิงซานพิงกับกำแพง ตาหลับลง ลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาสม่ำเสมอ
เขาถึงกับหลับไป
ในสถานการณ์สำคัญเช่นนี้ เขายังมาพักผ่อนอีกหรือ
ลั่วปิงหลีกัดริมฝีปาก ทันใดนั้นก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาเล็กน้อย
บนบัลลังก์ราชาเทพ เทพแห่งความเย็นยะเยือกก้าวลงมาก่อนยืนนิ่งอยู่กลางโถง
จุดนี้อยู่ใกล้กู่ฉิงซานกว่า ทำให้สามารถปกป้องได้ง่ายกว่าด้วย
ในกรณีที่มีใครพุ่งเข้ามาโถง มันยังสามารถปัดป้องได้ในครั้งแรก
เทพแห่งความเย็นยะเยือกชำเลืองมองลั่วปิงหลี เป็นการง่ายที่จะมองออกว่าอารมณ์ของนางเดือดดาลเล็กน้อย
ฉานนู่ครุ่นคิดสักพักก่อนยิ้มออกมา “อย่าผิดหวังเลย เชื่อในตัวนายท่านสิ”
ลั่วปิงหลีส่ายหน้าขณะหมุนแผ่นหยก “สถานการณ์มีแต่เร่งด่วนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นายท่านของเจ้ายังหลับอยู่”
ฉานนู่กล่าวว่า “นายท่านเคยบอกข้าว่าเมื่อใดที่มีเหตุการณ์ใหญ่ ย่อมมีความสงบ หากเงียบไว้ก็จะปลอดภัย จากนั้นจึงค่อยใคร่ครวญ ถ้าคิดได้เช่นนี้ท่านก็จะเข้าใจเอง… ตอนนี้เขายังสามารถหลับได้ในอยู่ ท่านควรเชื่อเขาให้มากกว่านี้”
ลั่วปิงหลีมองสีหน้าของฉานนู่อย่างระมัดระวังก่อนพึมพำออกมา “เจ้าเชื่อเขาสนิทใจเลย”
ฉานนู่กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอน ในโลกหลายร้อยล้านใบ ไม่มีคนไหนทัดเทียมเท่านายท่านข้า”
พวกนางมองกู่ฉิงซานพร้อมกัน
กู่ฉิงซานยังหลับตาอยู่
ดูเหมือนเขาจะหลับไปแล้ว
ตอนนี้ แผ่นหยกสั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อสองสาวหันกลับมา แผ่นหยกยังนิ่งไม่ขยับไปไหน
…
ความมืด
ความมืดที่ไม่มีสิ้นสุด
กู่ฉิงซานรู้สึกเหมือนเขากำลังขยับไปทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนี้ เขาไม่สามารถควบคุมการกระทำได้เลย
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทันใดนั้น แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้า
ขณะมองจากความมืดมิดที่ไกลออกไป แสงสว่างเหมือนกับทางออกจากถ้ำแห่งหนึ่ง
กู่ฉิงซานเข้าใจว่าเขากำลังมุ่งหน้าสู่ทางออกนั่นด้วยความเร็วสูงสุด
เขาไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนถึงค่อยๆ เข้าใกล้ทางออกแสงสว่าง
ตอนนี้ เสียงมนุษย์ดังมาจากทางออก
“เขามาแล้ว”
“เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“เอาเถอะ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ”
“เตรียมจับตัวเขาไว้”
ด้วยเสียงเหล่านี้ แสงสว่างสาดส่องมาจากทางออก ทิ่มแทงเข้าใส่ความมืดมิดก่อนยื่นมาจับร่างของกู่ฉิงซานเอาไว้
กู่ฉิงซานถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง ความเร็วในการทะยานค่อยๆ ลดลง
แสงสว่างดูสะดุดตามากขึ้น มันจับเขาไว้ราวกับมือขนาดใหญ่ก่อนหดกลับอย่างรวดเร็ว
ท้องนภาหมุนคว้าง
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
อาวุธเจ็ดถึงแปดชิ้นที่ทรงพลังและมากด้วยกำลังชี้มาที่เขา ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้
“เจ้าเป็นใคร?”
เสียงหนึ่งดังขึ้น
กู่ฉิงซานมองอีกฝ่าย
เขาเห็นว่าคนที่พูดคือเซี่ยกูหง
มีความรู้สึกแปลกประหลาดในดวงตาของเซี่ยกูหง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักเขา
กู่ฉิงซานขยับสายตาก่อนเข้าใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเซี่ยกูหงล้วนเป็นยอดผู้ฝึกยุทธชื่อดังในสวรรค์ดึกดำบรรพ์
ไม่ผิดแน่
กู่ฉิงซานเคยฝึกในตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวกมาหลายปี เขารู้บางสิ่งเกี่ยวกับโลกวิญญาณ แถมยังรู้บุคคลชื่อดังเหล่านี้ด้วย
“ข้าคือกู่ฉิงซาน” เขาตอบ
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง” เซี่ยกูหงถามอีก
กู่ฉิงซานตอบตามจริงว่า “ทำตามข้อความแจ้งเตือนตอนแผ่นหยกเปิดใช้งาน”
“เป็นประโยคแบบไหน มันเตือนอะไรเจ้า” เซี่ยกูหงออกแรงกดมากขึ้น
“ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเอ๋ย หากทรยศต่อความเชื่อใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เช่นนั้นเจ้าจะไม่สามารถไปถึงอีกฝั่งได้ ความฝันของเจ้าจะไม่มีวันเป็นจริง”
ใบหน้าของกู่ฉิงซานเผยสีสันความทรงจำออกมา
“คำพูดบนแผ่นหยกเตือนข้าให้คิดถึงสิ่งที่ต้องแบกรับ”
“ลองคิดดีๆ สิ ในเมื่อข้าเข้าสู่ภาพซ้อนทับของช่วงเวลานี้ สำคัญที่สุดที่ข้าได้รับมอบหมายมาในคราวนี้คือการกลายเป็นศิษย์ของเฉินหยาง”
เซี่ยกูหงมองเขา ไม่ตอบอะไร แต่แววตาเผยความอบอุ่นออกมา
ตอนนี้ ยอดผู้ฝึกยุทธ์ข้างเขาถามว่า “เจ้าได้รับมอบหมายอะไร”
กู่ฉิงซานตอบว่า “จ้าวตำหนักเซี่ยยกลูกสาวให้ข้าแล้วขอให้พาไปยังโลกเบื้องล่างเพื่อตั้งถิ่นฐานใหม่”
“จากนั้นล่ะ” เซี่ยกูหงเข้ามาร่วมวงสนทนาแล้วถาม
“หากทรยศต่อความเชื่อใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เช่นนั้นเจ้าจะไม่สามารถไปถึงอีกฝั่งได้…ประโยคนี้หมายความว่าจะสามารถไปถึงอีกฝั่งได้หากจำสิ่งที่ได้รับมอบหมายคราวที่แล้วได้”
“ความฝันของเจ้าจะไม่มีวันเป็นจริง…นี่หมายความว่าเพื่อให้บรรลุทั้งหมดนี้ต้องมีความฝัน”
“ถ้าการคาดเดาของข้าไม่ผิด สิ่งที่ข้าอยู่ตอนนี้คือความฝัน มันคือความฝันที่ไม่มีใครสามารถหาเจอได้”
“เจ้าฝันถึงที่นี่แบบไหนล่ะ” เซี่ยกูหงถาม
ดาบของเขาไม่ได้ชี้มาที่กู่ฉิงซานแล้ว
อาวุธของยอดผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นถูกดึงกลับไปเช่นกัน
กู่ฉิงซานยืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ทุกที่ที่ภูตผี เทพและสัตว์ประหลาดไม่สามารถหาเจอได้ย่อมเป็นเพราะที่นี่ไม่ได้อยู่ในสวรรค์ดึกดำบรรพ์กับโลกมารดึกดำบรรพ์ มันเป็นอิสระจากข้อพิพาทเหล่านี้นานแล้ว”
“และแผ่นหยกได้เตือนข้าว่าต้องผ่านความฝันเพื่อไปถึงที่นั่นให้ได้… ถ้าเช่นนี้ บทบาทของแผ่นหยกคือเชื่อมความฝันของข้ากับความฝันของอีกคนหนึ่ง”
“ดังนั้นท่านจะต้องแสดงแผนสำรองของเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อนานมาแล้วให้เห็น”
“ตอนท่านยกลูกสาวให้ข้า…คริสทัลน้ำแข็งขนาดใหญ่นั่น…วงเวทลี้ลับจำนวนนับไม่ถ้วนได้โอบล้อมนางเอาไว้ ท่านให้ข้าพานางไปโลกเบื้องล่างเพื่อตั้งถิ่นฐานใหม่ให้เรียบร้อย”
“ใช่แล้ว นี่น่าจะเป็นของลูกสาวท่าน ความฝันของเซี่ยเต้าหลิงนั่นเอง”
…………………………………………..