นี่คือชายฝั่งของแม่น้ำขนาดใหญ่

นักยุทธ์เจ็ดถึงแปดคนยืนอยู่ที่นั่นขณะมองกู่ฉิงซานอย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานมองรอบข้างจนเห็นว่านอกจากแม่น้ำแล้ว ยังมียอดเขาอีกหลายแห่งอีกด้วย

ใช่แล้ว ที่นี่คือตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก

ความฝันของเซี่นเต้าหลิงคือที่นี่

“ลุกขึ้นพูด” เซี่ยกูหงกล่าว

กู่ฉิงซานลุกขึ้นจากพื้น

ยอดนักยุทธ์เริ่มสนทนาต่อหน้าเขาอย่างไม่ลังเล

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผู้ฝึกฝนระดับสามพันโลกที่อายุน้อยเช่นนี้”

“ใช่แล้ว ดูจากวิธีการพูดจาแล้ว ต้องเป็นคนช่างคิดแน่นอน”

“เหล่าเซี่ย เด็กคนนี้คือผู้ใช้วิชาดาบ ข้าคิดว่าจิตดาบของเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก เกรงว่าเขาจะเป็นลูกหลานของสำนักท่าน”

“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ทำไมเจ้าไม่ยืนยันให้แน่ใจไปเลยล่ะ”

“ไม่มีความเห็น”

“ไม่มีความเห็น”

“ก็ดี”

“ข้าไม่มีความเห็น”

ยอดนักยุทธ์ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร

ตอนนี้ เซี่ยกูหงมองเขาพร้อมกับยิ้มให้แล้วกล่าวว่า “เจ้าคือศิษย์ของตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวกหรือ”

“ใช่” กู่ฉิงซานตอบ

“อาจารย์ของเจ้าคือใคร”

“อาจารย์ของข้าคือลูกสาวของท่าน… พูดให้ถูกก็คือในภาพซ้อนทับแห่งเวลา ข้านับถือท่านเป็นอาจารย์นั่นแหละ”

เซี่ยกูหงมองเขาอย่างลังเลแต่ไม่ได้พูดอะไรสักพักใหญ่

กู่ฉิงซานพลันชักดาบออกมาแล้วแทงใส่เซี่ยกูหง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นดาบธรรมดา แต่เซี่ยกูหงเห็นดาบเล่มนี้ก่อนดวงตาทอประกายขึ้นมา

เขาชักดาบออกมาทักทายกู่ฉิงซานเช่นกัน

เคร้ง!

ดาบสองเล่มตัดกันจนเกิดเสียงที่ดังชัดขึ้นมา

“วิชาพันสองร้อยดาบระเบิดในความว่างเปล่าพร้อมกัน… นี่เจ้าไปถึงจุดสูงสุดของภูตดาบแล้ว ทำได้ยังไงกัน”

“อาจารย์เป็นคนสอนข้าว่าหนึ่งพันดาบก็คือดาบหนึ่งเล่ม”

“ข้าเคยพูดอะไรแบบนี้ด้วยหรือ”

เซี่ยกูหงรับดาบขณะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่หนักอึ้ง

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจังว่า “เป็นความจริง”

ยอดนักยุทธ์คนอื่นสบตากัน

ในที่สุดเซี่ยกูหงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าเคยทิ้งวิญญาณแยกไว้ในภาพซ้อนทับแห่งเวลา ไม่คิดเลยว่าจะมีศิษย์มาหาจริง ๆ ”

กู่ฉิงซานอดที่จะตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ไม่ได้

“ทิ้งวิญญาณแยกไว้ในภาพซ้อนทับแห่งเวลา”

หรือว่าสถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ภาพซ้อนทับแห่งเวลาอีกแล้ว

ยอดนักยุทธ์เห็นสีหน้าสับสนก่อนยิ้มออกมา “นี่คือเศษเสี้ยวของหวนคืนชาติภพหกวิถี ช่วงเวลาคือหลังจากการทำลายล้างของสวรรค์… นี่คือโลกจริง แต่พวกเรายังอยู่ในความฝัน ณ ขณะนี้”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “หรือก็คือ นี่ยังเป็นยุคโบราณ แต่เป็นหลังจุดจบของการต่อสู้ทั้งหมดงั้นหรือ”

“ถูกต้อง” เซี่ยกูหงตอบ

กู่ฉิงซานรีบถามว่า “ผลการต่อสู้เป็นยังไง ใครได้ดาบศักดิ์สิทธิ์”

“ไม่มีใครรู้ เพราะในตอนนั้นมันถูกซ่อนเอาไว้ ไม่เพียงแค่หาพวกข้าหาไม่เจอเท่านั้น แม้กระทั่งสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวก็หาไม่เจอ” เซี่ยกูหงกล่าว

กู่ฉิงซานมองอีกฝ่ายด้วยความไม่อยากเชื่อ

การซ่อนช่วงเวลาหนึ่งเอาไว้ก็เพื่อไม่ให้ใครหาพบ

นี่ช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่นัก

เผ่าพันธุ์มนุษย์ทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ

ก่อนจะรู้ตัว เขาก็คิดถึงภาพซ้อนทับแห่งเวลาอีกครั้ง

ภาพซ้อนทับแห่งเวลาหลายพันแห่ง แต่ละแห่งคือเศษเสี้ยวที่แท้จริงของโลกคู่ขนานที่ไม่อาจจินตนาการได้

นั่นคือโลกคู่ขนาน

เขาเคยเจอสี่ภัยพิบัติยิ่งใหญ่มาแล้วเช่นกัน แต่กลับเคยสัมผัสโลกอื่นเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น

ถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถเชื่อมต่อกับโลกคู่ขนานได้จริง ทำไมถึงต้องหลีกเลี่ยงสัตว์ประหลาดหุบเหวด้วยล่ะ

“ข้ารู้ว่าเจ้าตกตะลึงมาก พูดตามตรง พวกข้าเองก็ตกตะลึงเช่นกัน” เซี่ยกูหงกล่าว

ใบหน้าของเขารำลึกถึงบางสิ่ง เขาตกอยู่ในห้วงอารมณ์อดีตที่ไม่อาจบรรยายได้

ยอดนักยุทธ์คนอื่นคล้ายกับกังวลมากเช่นกัน

“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้

“ทุกปัญหาอยู่กับดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ” เซี่ยกูหงกล่าว

ยอดนักยุทธ์อีกคนตอบว่า “ความจริง ช่วงเวลาที่ดาบกับลูกสาวของจ้าวตำหนักเซี่ยไปนั้น มันคือสิ่งที่ราชาอมตะจงใจเลือกเอาไว้เพื่ออนาคต… หลังจากนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงเข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายแห่งการทำลายล้าง”

กู่ฉิงซานคิดตาม “หรือก็คือ ก่อนดาบพิภพจะถูกพรากไป มีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้น”

“ใช่ ตอนดาบพิภพถูกพรากไป ดาบศักดิ์สิทธิ์ใกล้จะเสร็จแล้วเช่นกัน” เซี่ยกูหงกล่าว

“พวกข้าทราบจากพิมพ์เขียวการหลอมถึงพลังมารที่ตื่นขึ้นของดาบพิภพ พวกข้าจึงต้องพึ่งดาบศักดิ์สิทธิ์”

“ดังนั้นพวกข้าจึงนำดาบพิภพไปสถานที่หลอมของดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกคุ้มกันโดยราชาอมตะ”

“เมื่อดาบศักดิ์สิทธิ์ใกล้เสร็จสมบูรณ์ ดาบทั้งสองเล่มก็เผยนิมิตออกมา”

“สัตว์ประหลาดที่ไม่อาจหักห้ามได้บางส่วนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น”

“ขณะสู้กันนั้น พวกมันดึงดูดองค์ประกอบอาวุธจำนวนมากออกมาจากความว่างเปล่า มันแทบจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพกลายเป็นอาวุธที่สมบูรณ์”

“ในฐานะคนที่รับผิดชอบกระบวนการหลอมทั้งหมด ราชาอมตะเป็นผู้ถืออาวุธในตอนนั้น สัตว์ประหลาดวิตกเกินกว่าจะฆ่าเขา พวกมันกังวลการแข่งขันระหว่างกันเองด้วย”

“ราชาอมตะย่อมรู้สึกว่าสถานการณ์อันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงแยกดาบสองเล่มออกจากกันและขอให้จ้าวตำหนักเซี่ยจากไปพร้อมดาบพิภพ”

“เขาเปิดใช้พลังจากอาวุธที่ได้รับมาเพื่อปัดป้องสัตว์ประหลาดทั้งหมด”

“ภายหลังพวกข้าได้คาดเดาว่าสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวอาจจะไม่รู้ว่าอาวุธแบบไหนที่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้นพวกมันจึงดูหมิ่นราชาอมตะ… นี่คือความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุด”

“ขั้นตอนไหนที่ต้องใช้อาวุธนั่น” กู่ฉิงซานถาม

ยอดนักยุทธ์หลายคนเงียบ

เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น พวกเขาคล้ายกับยังรู้สึกถึงอาการใจสั่นอยู่บ้าง

ท้ายที่สุด เซี่ยกูหงกล่าวว่า “เมื่อดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพผสานกันในฐานะองค์ประกอบอาวุธจนกลายเป็นอาวุธอีกชิ้น มันจะฉีกมิติและเวลาโดยตรง ขัดขวางเศษเสี้ยวจำนวนมากจากโลกคู่ขนานอื่น ก่อเกิดเป็นภาพซ้อนทับมิติและเวลาจำนวนไม่มีที่สิ้นสุด”

“ราชาอมตะฉวยโอกาสนี้เพื่อใช้อีกความสามารถของอาวุธชิ้นนั้น: ช่วงเวลานิรันดร์”

“สิ่งที่เรียกว่าช่วงเวลานิรันดร์คือการซ่อนช่วงเวลาหนึ่งในโลกนี้ หากไม่มีใครบางคนที่พบเจอกับเงื่อนไขบางอย่างก็ไม่สามารถเข้าได้ จะไม่มีใครสามารถหาทางเข้าได้เช่นกัน”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ซ่อนไปก็เปล่าประโยชน์ สัตว์ประหลาดพวกนั้นยังอยู่ที่นั่น”

เซี่ยกูหงกล่าวว่า “แต่ดาบพิภพถูกข้าเอาไป พวกมันไม่สามารถสร้างอาวุธที่ต้องใช้ทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพได้หรอก”

ยอดนักยุทธ์อีกคนพูดขึ้นว่า “อีกอย่าง ดาบศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังเหลือขั้นตอนการหลอมที่สำคัญอยู่อีก”

“ดังนั้นสัตว์ประหลาดไม่เพียงแค่ไม่ได้ดาบพิภพเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย”

ขณะพูด กู่ฉิงซานพลันสังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้ล้วนหัวเราะออกมา

“พวกท่าน…”

“ไม่ต้องห่วง” เซี่ยกูหงกล่าว “พวกข้ารู้สึกว่าชัยชนะสุดท้ายจะเป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในท้ายที่สุด”

ร่างของนักยุทธ์ค่อย ๆ เลือนราง

“ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่ พวกข้าจึงสามารถใช้แผ่นหยกสุดท้ายเพื่อดึงร่างของเจ้ามาได้” ยอดนักยุทธ์กล่าว

“หลังจากเจ้ามาแล้ว พวกข้าจะทำลายเส้นทางให้สิ้น ดังนั้นสัตว์ประหลาดจะไม่มีทางหาทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่เจอ”

“พวกข้าจะดึงความสามารถทั้งหมดใส่ลงไปในแผ่นหยกแล้วส่งต่อให้กับเจ้า”

“นับจากนี้ เจ้าจะใช้ชีวิตและฝึกฝนอยู่ในยุคนี้อย่างปลอดภัยเพื่อนำเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปสู่การเติบโต แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็เหนือกว่ายุคของพวกข้า”

กู่ฉิงซานรีบกล่าวว่า “ไม่ ข้ามายุคโบราณเพื่อช่วยดาบ”

ตอนนี้ ร่างของคนอื่นค่อย ๆ มองไม่เห็น แต่เซี่ยกูหงยังไม่หายไป

เซี่ยกูหงกล่าวว่า “แน่นอน เจ้ามีอีกทางเลือก นั่นก็คือเลือกย้อนกลับไปทางเดิม พวกข้าจะใส่วิธีเข้าช่วงเวลาสุดท้ายลงไปในแผ่นหยกให้”

ร่างของเขาค่อย ๆ เลือนราง

“พวกข้าล้วนเป็นเพียงวิญญาณแยก แต่มีพลังที่ราชาอมตะมอบให้… นั่นก็คือการมุ่งสู่ช่วงเวลาสุดท้าย… หรือก็คือให้เจ้าคงอยู่ในยุคนี้”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ท่านมอบพลังให้ข้า จากนั้นก็จะตายงั้นหรือ”

เซี่ยกูหงส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมา “ในฐานะผู้ฝึกยุทธ ความตายเป็นเพียงการพักผ่อนอย่างหนึ่ง พวกข้าแค่ฝากความหวังไปยังอนาคต จากนั้นค่อยไป”

ร่างของเขาเลือนรางมากขึ้น

“ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะอยู่หรือสู้ อีกอย่าง ให้ข้าพาไปดูหลิงเอ๋อร์ในตอนท้ายก่อน… เมื่อความฝันนี้จบลง นางจะปรากฏตัวในความฝันของตัวเอง”

เซี่ยกูหงถอนหายใจ น้ำเสียงของเขาเรียบง่าย มันทำให้รู้สึกถึงความเสียใจเป็นครั้งแรก

“ความฝันกำลังจะตื่นแล้ว แต่โชคไม่ดีที่ข้ารอนางไม่ได้”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “อย่าห่วงไปเลย นางมีชีวิตที่ดีมาก แถมยังรับเด็กฝึกงานหลายคนด้วย นางเหมือนกับครอบครัวที่มีเด็กฝึกงานอยู่ด้วย”

เซี่ยกูหงยิ้ม ใบหน้าเผยความสบายใจออกมา

“งั้นก็ดี”

หลังจากกล่าวเช่นนี้ เขาหายไปจากกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานรออยู่ที่สักพัก

เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่แผ่นหยกมาอยู่ในมือ

ด้วยแผ่นหยกนี้ เขาสามารถกลับทางเดิมเพื่อมุ่งสู่ช่วงเวลาสุดท้ายที่แท้จริงได้

แน่นอนว่าเขาสามารถเป็นอิสระจากความฝันของเซี่ยเต้าหลิงได้ ในเวลาเดียวกันก็ทำการดึงร่างจากตำหนักราชาเทพเพื่อมาใช้ชีวิตในยุคนี้ได้

กู่ฉิงซานลูบแผ่นหยกก่อนเก็บไว้ในส่วนลึกที่สุดของทะเลแห่งความตระหนักรู้อย่างระมัดระวัง

สัตว์ประหลาดหุบเหวนิรันดร์เหนื่อยล้ากับการตามหาแผ่นหยกทั้งในมิติและเวลาต่าง ๆ

นี่คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด

นี่คือพลังชีวิตของดาบพิภพ

มันจะพาตัวเองไปสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของการต่อสู้อันดุเดือดในยุคโบราณเพื่อไล่ตามดาบศักดิ์สิทธิ์

…………………………………………..