นักปราชญ์ไปแล้ว

กระแสน้ำไหลผ่าน เขาชางซานอยู่ในหมู่เมฆ

ความฝันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว

ขณะยืนอยู่ตรงชายฝั่ง กู่ฉิงซานรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย

เขาปล่อยวิญญาณเพื่อตรวจสอบทั่วถ้ำเมฆาวิเวกก่อนพบเด็กผู้หญิงอยู่บนยอดเขาเมฆาวิเวกอย่างง่ายดาย

นั่นคือเซี่ยเต้าหลิง

เมื่อเคลื่อนไหว กู่ฉิงซานข้ามแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว จากนั้นทะยานขึ้นไป มุ่งตรงสู่วิหารเต๋าบนยอดเขาเมฆาวิเวก

เด็กผู้หญิงนั่งอยู่บนขั้นบันได มือแนบข้างแก้มขณะมองยอดเขาจำนวนมากที่อยู่บนทะเลหมู่เมฆ

ร่างกายช่างเล็กจ้อย

อยู่เพียงลำพัง ภายในความฝันนี้

พ่อของนางได้จากไปแล้ว

ส่วนเฉินหยางผู้ได้รับหน้าที่อาจจะตายอยู่นอกโลกจริงแล้วก็ได้

ระดับการฝึกฝนในโลกมากพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง

ไม่อย่างนั้น ตอนเซี่ยเต้าหลิงตื่นขึ้น เฉินหยางจะต้องถ่ายทอดความรู้จำนวนมากของวิหารรกร้างก่อนส่งต่อให้เซี่ยเต้าหลิง

แต่ในอนาคต มีเพียงดาบพิภพและแผ่นหยกสวรรค์ที่จะถึงมือ

ไม่นานหลังจากนั้น เซี่ยเต้าหลิงฝึกฝนก่อนเข้าสู่วิถีเต๋า จากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของแผ่นหยกสวรรค์ จึงกลับสู่สวรรค์ดึกดำบรรพ์และฝึกฝนความลับโบราณได้อีกมากมาย

ก่อนหน้านั้น ต่อให้มีพรสวรรค์ด้านความอิจฉาและสงสัยจากเทพ นางก็ยังเป็นเด็กกำพร้าที่ทำอะไรไม่ถูก

นางจะต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเพียงลำพังในโลก

กู่ฉิงซานถอนหายใจ กระชับชุดคลุมแห่งความเงียบสีดำสนิทให้แน่นขึ้น ดึงฮู้ดปิดใบหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายจำได้

เขาตกลงมาจากท้องนภาก่อนเดินมานั่งอยู่ข้างเซี่ยเต้าหลิง

ทั้งสองมองทิวทัศน์งดงามนอกหุบเขาด้วยกัน

ผ่านไปสักพัก เซี่ยเต้าหลิงตัวน้อยหันศีรษะมาถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ในที่สุดว่า “เจ้าเป็นใครหรือ”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าคือศิษย์ของพ่อเจ้า”

“พ่อข้าหรือ” เซี่ยเต้าหลิงมีความสุขก่อนถามว่า “ข้าไม่ค่อยได้พบเขาเลย ทำไมช่วงนี้เขาถึงไม่มาหาข้าเลยล่ะ”

กู่ฉิงซานเงียบ

นี่คือความฝัน เซี่ยกูหงคือร่างวิญญาณแยกจริง ทันทีที่เข้าใกล้ร่างวิญญาณของลูกสาวมากเกินไป ความฝันของนางจะแตกสลายลง

ถ้าเช่นนั้น ความฝันจะพังทลาย แผนสำรองที่เผ่าพันธุ์มนุษย์หลงเหลือไว้จะไม่คงอยู่อีกต่อไป

ดังนั้นเซี่ยกูหงจึงมาเยี่ยมลูกสาวเป็นครั้งคราว ไม่สามารถอยู่ได้นาน

“พ่อของเจ้าเดินทางไกล ก่อนจะไป เขาขอให้ข้ามาบอกเจ้าว่าความฝันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว”

“จริงหรือ หรือก็คือ ช่วงนี้ข้าจะไม่ได้พบเขาหรือ” เซี่ยเต้าหลิงถามด้วยความผิดหวัง

“ใช่แล้ว” กู่ฉิงซานตอบ

เซี่ยเต้าหลิงมองหมู่เมฆบนท้องนภาแล้วถามอย่างแผ่วเบาว่า “เขาจะกลับมาเมื่อไหร่”

กู่ฉิงซานนิ่งไปในที่สุด

หลังจากผ่านไปนาน เขากล่าวอย่างยากลำบากว่า “อาจจะนานหน่อย นานมากเลยล่ะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะได้พบอีกหรือเปล่า”

“ทำไมเขาถึงทิ้งข้าไป”

“ไม่ เขาไม่ได้ทิ้งเจ้าไป เขามอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับเจ้าต่างหาก”

“ของขวัญหรือ มันคืออะไร”

“นับจากนี้เจ้าไม่ต้องอยู่ในความฝันอีกแล้ว… เจ้าสามารถหลับได้อย่างเป็นสุขจนถึงวันที่คำสาปร้ายทั้งหมดบนตัวเจ้าได้รับการรักษา… ถึงตอนนั้นเจ้าจะตื่นขึ้นพร้อมกับเกิดใหม่”

“เกิดใหม่หรือ แต่ข้าอยากอยู่ที่นี่เพื่อได้พบเขามากกว่า”

กู่ฉิงซานลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่งที่อยู่ในใจออก

ความจริง เซี่ยกูหงก็มอบหมายให้เขาทำอย่างหนึ่ง มันคือสิ่งที่เขาไม่มีวันทำได้สำเร็จ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาอ้าปากถามว่า “เจ้ารู้ชื่อของข้าหรือเปล่า”

เด็กผู้หญิงตอบเสียงแผ่วว่า “ท่านพ่อไม่เคยเล่าอะไรเลย ข้าเลยไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร”

เมื่อผู้คนมีชื่อ มันจะกระตุ้นให้เกิดการมีสติรู้ หลังจากนั้น มันจะเชื่อมโยงกับจริงได้อย่างน่าอัศจรรย์

ยกตัวอย่างเช่น มารมักปกปิดชื่อจริงเสมอ ในฐานะศิษย์ของศาสนาพุทธ มันจึงโน้มน้าวให้ผู้คนท่องชื่อพระพุทธเจ้าอยู่เสมอเพื่อแสวงหาการเหนี่ยวนำ

ทันทีที่เซี่ยเต้าหลิงรู้ชื่อของเขา ความฝันนี้จะคงอยู่ได้ยากมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นเซี่ยกูหงจึงไม่ได้บอกนาง

แต่ตอนนี้…

กู่ฉิงซานปิดหน้า เดินเข้าหาเด็กผู้หญิงก่อนย่อตัวลงแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“…ฟังข้านะ ไม่มีใครสามารถใช้ชีวิตในความฝันไปตลอดได้ นี่อาจจะโหดร้ายไปเสียหน่อย แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าโลกภายนอกคือสิ่งที่ทุกคนต้องประสบพบเจอ”

“เมื่อวันหนึ่งเจ้าตื่นขึ้นจากการหลับลึก เจ้าจะไม่ทรมานจากคำสาปอีกต่อไป เจ้าจะเดินบนเส้นทางของตัวเอง พบเจอทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วน พบเจอผู้คนมากมายและได้สัมผัสกับความลุ่มหลงและการลิ้มลอง นี่คือความจริงที่เจ้าควรรู้เมื่อเกิดขึ้นมา ที่สำคัญไปกว่านั้น นี่คือทุกสิ่งที่พ่อของเจ้าเดิมพันและปกป้องมันไว้ด้วยชีวิต”

“ปกป้องหรือ” เด็กผู้หญิงถามด้วยความสับสน

กู่ฉิงซานตอบว่า “ใช่แล้ว ในบรรดาสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในโลกต่างๆ ผู้ที่สามารถยินดีกับชีวิตที่สมบูรณ์ได้นั้นจะต้องได้รับการปกป้องจากคนรอบข้างนับไม่ถ้วนเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน พ่อของเจ้าได้ทำการปกป้องด้วยวิธีนี้นั่นแหละ”

เด็กผู้หญิงก้มศีรษะลง ดวงตาค่อยๆ เต็มไปด้วยหมอก

นางกระซิบ “ท่านพ่อ…”

กู่ฉิงซานมองนางแล้วกระซิบว่า “ไม่ว่าเจ้าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในอนาคตมากแค่ไหน เจ้าจะต้องกล้าหาญและเข้มแข็ง เพราะพ่อของเจ้าได้ปกป้องอย่างเต็มที่แล้ว เขาจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”

พูดถึงตรงนี้ แม่น้ำรอบข้างกับภูเขาค่อยๆ หายไป

กู่ฉิงซานรู้ว่าความฝันกำลังจะจบลงจึงกล่าวต่อว่า “พ่อของเจ้ามอบชื่อเล่นให้ด้วย”

“จำเอาไว้ ชื่อของเจ้าคือเซี่ยเต้าหลิง”

เด็กผู้หญิงตกตะลึง

“ข้า… มีชื่อ” นางกระซิบ

“อีกอย่าง” กู่ฉิงซานไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดในใจได้อีกต่อไปขณะพยายามฝืนพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ชื่อของพ่อเจ้าคือเซี่ยกูหง”

ตูม…

ความฝันพลันหายไป

กู่ฉิงซานไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไปก่อนใช้แผ่นหยกในมือทันที

“กลับไป!”

แรงดึงมหาศาลมาจากแผ่นหยก

ไม่นาน ความว่างเปล่าทะลวงหลุมขนาดใหญ่ เขาถูกลากเข้าไป

ความมืดไร้พรมแดน

ความมืด

ความมืด

มีแสงสว่างอยู่ด้านหน้า

แผ่นหยกพาเขาเข้าไปข้างใน

ท้องนภาสดใส

…สวรรค์ชั้นนอก

…ตำหนักราชาเทพ

กู่ฉิงซานพลันลืมตาขึ้น

เขาพบว่าตัวเองยังพิงกับกำแพง ฉานนู่ยืนอยู่กลางตำหนักราชาเทพขณะมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง

นางกำลังคุ้มกันเขา

เมื่อกู่ฉิงซานลืมตาขึ้น ฉานนู่สังเกตเห็นทันที

“นายท่าน ท่านได้สติแล้ว”

นางกล่าวผ่านกระแสจิต

“อา ขอบใจที่ช่วยคุ้มกันข้า” กู่ฉิงซานยืนขึ้นเพื่อขยับร่างกาย

เสียงฉานนู่ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย

“นายท่าน ข้าคือดาบของท่าน ถ้าข้าไม่ปกป้องท่านแล้วจะให้ไปปกป้องใคร”

กู่ฉิงซานประหลาดใจ มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น

“ฉานนู่ พวกเรามีงานต้องทำ”

“ช่วยดาบพิภพหรือ”

“ถูกต้อง”

“นายท่านมีหนทางหรือ”

“ถูกต้อง”

เสียงของฉานนู่ภาคภูมิใจทันที “หึ ข้ารู้ว่านายท่านจะต้องไม่เป็นอะไร! เมื่อครู่แม่นางลั่วคิดว่าท่านไม่ควรหลับ ข้าเลยบอกนางว่าไม่ควรกังวล”

แม่นางลั่ว…

กู่ฉิงซานมองลั่วปิงหลี

ตอนนี้ ลั่วปิงหลีสังเกตเห็นเช่นกันว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้นมา… ในฐานะผู้ฝึกฝนระดับสามพันโลก เจ้าถึงกับเลือกหลับในช่วงวเลาสำคัญแบบนี้ หรือว่าเจ้าเริ่มกลัวจนหัวหดแล้วล่ะ”

“ไม่ ข้ากระตือรือร้นอยากได้ดาบศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ข้าพร้อมที่จะไล่ล่าแล้ว”

กู่ฉิงซานมองนางขณะพูดเน้นย้ำทีละคำว่า

“แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเป็นใคร”

…………………………………………..