ในตำหนักราชาเทพ เกิดความเงียบสักพักใหญ่
มนุษย์แสงนำกลุ่มเทพทรงพลังเข้าสู่วังวนความว่างเปล่าที่ถูกสร้างโดยแผ่นหยกเพื่อตามหาสถานที่ลับของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภาพซ้อนทับนับไม่ถ้วน
ทั่วทั้งโถง มีเพียงกู่ฉิงซาน ฉานนู่และลั่วปิงหลีที่ยังอยู่
หากมีเรื่องอะไรคาใจ นี่คือโอกาสอันดีที่จะพูด
ลั่วปิงหลีหลบเลี่ยงสายตาของกู่ฉิงซานแล้วถามว่า “เจ้าจะทำอะไรได้หากรู้ตัวตนของข้า”
กู่ฉิงซานจ้องนางแล้วตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ถ้าข้าไม่มีปัญญามากพอจนทำให้ตัดสินผิดพลาด ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่เจ้าที่จะถูกฆ่า แต่เป็นข้าต่างหากที่ต้องตาย”
ลั่วปิงหลีกล่าวอย่างโดดเดี่ยวว่า “ไม่มีประโยชน์ที่จะบอกเพราะเจ้ายังไม่พบเส้นทางที่เข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายที่แท้จริง”
“เรื่องนี้สำคัญหรือ” กู่ฉิงซานถาม
ลั่วปิงหลีชำเลืองมองเขา อารมณ์แปรปรวนระหว่างพูด
“แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะการมาถึงของเจ้า ข้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกควบคุมโดยผู้อื่นได้ยังไง!”
กู่ฉิงซานมองนาง ไม่พูดอะไรสักพักใหญ่
เขานิ่งไปหลายสิบอึดใจก่อนพึมพำออกมา
“เจ้าบอกว่าเพราะการมาถึงของข้า ทำให้เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกควบคุมโดยผู้อื่น”
เขาครุ่นคิด
ผ่านไปสักพัก เขากล่าวต่อว่า “ข้ามั่นใจว่าไม่ได้สร้างอิทธิพลอะไรกับเจ้าเลย”
“ในสถานการณ์นี้ เจ้าตกอยู่ภายใต้การควบคุมโดยผู้อื่นไปแล้ว…”
“ปัจจัยเดียวที่เปลี่ยนสภาพตัวตนของเจ้าได้คือข้า แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังเจอกับเจ้าไม่บ่อยด้วย…”
เขาขมวดคิ้วแน่น ความคิดวูบไหวในใจอย่างรวดเร็ว
ลั่วปิงหลีพ่นลมออกจมูกแล้วกล่าวว่า “เชิญเจ้าคาดเดาต่อไปเถอะ หากสามารถคาดเดาความจริงของเรื่องราวด้วยคำพูดของข้าได้ มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าข้าจะบอกเรื่องตัวตนให้เจ้าทราบหรือเปล่า”
กู่ฉิงซานไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน
เขากระซิบออกมา “ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ควบคุมเจ้า ถ้างั้น… เจ้าต้องถูกควบคุมโดยสิ่งอื่น”
“แบบนี้ไม่ถูก เพราะเจ้าไม่เคยเจอปัญหาอะไรกับที่นี่มาก่อน แต่พอข้ามาที่นี่ก็ทำให้เจ้าถูกควบคุมโดยผู้อื่นทันที”
“มีสองสถานการณ์ที่ทำให้เป็นแบบนี้ หนึ่งคือถูกกระตุ้นเพราะการเดินทางของข้า สองคือสิ่งที่ข้าพามาระหว่างการเดินทาง ในสองกรณีนี้ที่ทำให้เจ้าถูกควบคุม”
เขาพูดไม่หยุดราวกับถูกครอบงำ
“เพราะเจ้าเชี่ยวชาญวิถีของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากมีบางสิ่งที่อยากตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ผ่านตัวเจ้า มันก็สามารถจับตัวเจ้าได้ทันที ดังนั้นตราบที่ได้แผนสำรองของเผ่าพันธุ์มนุษย์จนนำไปสู่ปลายทางเพื่อให้ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนมา มันก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รอให้ข้าลงมือทำก็เท่านั้น”
“ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้อาวุธหุบเหวนิรันดร์จะคงอยู่สักพักก่อนแตกสลาย แต่พลังจากอาวุธถูกปล่อยออกมาโดยราชาอมตะ ก่อเกิดเป็นภาพซ้อนทับของยุคอันไร้ขีดจำกัด จากนั้นก็ซ่อนช่วงเวลาสุดท้ายที่แท้จริงเอาไว้ หากพลังที่แก่กล้าเช่นนั้นสามารถทำลายได้โดยง่ายมันก็คงถูกทำลายไปนานแล้ว”
“ดังนั้นตัดสถานการณ์ที่หนึ่งออกชั่วคราว”
“ถ้าหากเป็นสถานการณ์ที่สอง: สิ่งที่ข้าพามาระหว่างการเดินทาง…”
กู่ฉิงซานเริ่มคิดอีกครั้ง
เขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ต่างๆ จนคนรอบข้างเหมือนกับไม่มีตัวตน
ลั่วปิงหลีเม้มริมฝีปาก ไม่กล่าวอะไรสักคำ
หลังจากรออยู่สักพัก
เมื่อลั่วปิงหลีกำลังจะเผยความผิดหวังออกมา กู่ฉิงซานก็พูดขึ้นว่า
“เว้นแต่… บางสิ่งที่มาจากอนาคตพร้อมข้าที่ทำการควบคุมเจ้าเอาไว้”
“อะไรที่สามารถมาพร้อมกับข้าได้”
ดวงตาของกู่ฉิงซานค่อยๆ คมปลาบขึ้น
มนุษย์แสงดำ
มันคือผู้เริ่มวิชาทะลวงมิติและเวลา
มีเพียงมันที่สามารถซ่อนการกระทำด้วยวิชานี้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจจับพบ
เมื่อความสงสัยรวมตัวกัน ฉากแล้วฉากเล่าในตอนนั้นยังคงวูบไหวอยู่ในใจของกู่ฉิงซาน
…
ตอนหลับตาลงเป็นครั้งที่สอง เขาถูกกินโดยสัตว์ประหลาดในหมอกแห่งมิติและเวลา
เมื่อเขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ มนุษย์แสงดำจึงอธิบายว่า “สัตว์ประหลาดในหมอกแห่งมิติและเวลาสามารถนับว่าเป็นเทพกลุ่มหนึ่งถึงได้กินเจ้า”
อีกครั้ง
ตอนถูกสังหารโดยวิญญาณมังกรจากตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก
“ข้าตายแล้วหรือ” เขาถามกับตัวเองในตอนนั้น
“ใช่ เจ้าเหลือโอกาสอีกเจ็ดร้อยเก้าสิบสี่ครั้ง” มนุษย์แสงดำตอบ
“นั่นไม่ถูก ตอนนั้นไม่มีอะไรอยู่รอบๆ แม้ว่ามังกรจะอยู่บนท้องฟ้าไกลลิบ แต่ทำไมข้าถึงตายได้ล่ะ”
“นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ”
“ไม่เข้าใจเลย”
“เจ้าถูกมังกรเพ่งเล็งก็เลยตายยังไงล่ะ”
ใช่แล้ว
มันสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่ประสบพบเจอได้!
มันหยุดลั่วปิงหลีได้อีกครั้ง!
กู่ฉิงซานไม่เชื่อว่ามนุษย์แสงดำจะสามารถควบคุมลั่วปิงหลีได้หลังจากผ่านมาหนึ่งหมื่นปี
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องขัดขืนอีกต่อไปแล้ว
หรือก็คือ
ความจริง มนุษย์แสงดำตามติดพวกเขามาตลอด
มันตามมาถึงยุคนี้เช่นกัน!
นอกเหนือจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นมาอธิบายว่าลั่วปิงหลีถูกควบคุมได้อย่างไร!
หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ
“มนุษย์แสงดำ เป็นมันที่ควบคุมเจ้าเอาไว้ มันคือมนุษย์แสงที่เป็นตัวแทนเจตจำนงของเผ่าพันธุ์เทพใช่หรือไม่”
เขาถามพลางถอนหายใจ
ลั่วปิงหลีมองกู่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ
คนคนนี้ทำอย่างไรจึงสามารถได้ข้อสรุปที่ถูกต้องจากการฟังเพียงแค่ประโยคเดียว!
กู่ฉิงซานรักษาความสงบแทบจะไม่อยู่ ลืมเรื่องลั่วปิงหลีไปจนหมดสิ้นก่อนเริ่มคิดหาวิธีพลิกสถานการณ์
มนุษย์แสงดำสามารถรู้ความคิดของผู้คนได้
หรือก็คือ มันรู้แผนการมาโดยตลอด
ต่อให้ตายไปก็กลับมาใหม่ได้
ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน!
บัดซบ!
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร!!!
กู่ฉิงซานพยายามสุดความสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ขณะครุ่นคิดทีละเล็กละน้อย
มีอะไรบ้างที่มนุษย์แสงดำไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขา
นี่คือความหวังเดียว
คิดเข้าสิ
มีอะไรบ้างที่มันไม่รู้
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ในฐานะผู้แสวงหาดาบคนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าต้องขอบอกว่าเจ้าทรงพลังมากจริงๆ แต่พละกำลังของเจ้าช่างน่าเสียดายเช่นกัน”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มนุษย์แสงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในตำหนักราชาเทพ
แสงสีขาวร้อนแรงบนร่างของมันค่อยๆ หมองหม่นจนกลายเป็นแสงสีดำสนิท
มนุษย์แสงดำ
เป็นมันจริงๆ
กลายเป็นว่าทุกสิ่งถูกจัดวางอย่างพิถีพิถันมาตั้งแต่ต้นจนจบ!
“นายท่าน!”
ฉานนู่พุ่งมาอยู่ข้างกู่ฉิงซานขณะตะโกนเสียงต่ำ
กู่ฉิงซานส่ายหน้าก่อนส่งสัญญาณบอกฉานนู่ว่าอย่าลงมือบุ่มบ่าม
กู่ฉิงซานถามอย่างมีอารมณ์ว่า “ที่เจ้าเพิ่งไปเมื่อครู่ ความจริง เจ้าให้โอกาสข้าเข้าสู่สภาพความฝันใช่หรือไม่”
มนุษย์แสงดำตอบว่า “เจ้าคิดว่าไงล่ะ”
“เจ้าสามารถอ่านใจของผู้คนได้ ดังนั้นเจ้าต้องรู้แผนการของข้ามาโดยตลอด” กู่ฉิงซานกล่าว
“ใช่ ให้ความคิดของเจ้าว่างเปล่าตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร มันสายเกินไปแล้ว” มนุษย์แสงดำกล่าวอย่างเกียจคร้าน
มันตกลงมาจากกลางอากาศขณะกล่าวด้วยความเสียใจเล็กน้อยว่า “ข้าว่าจะรอถึงช่วงเวลาสุดท้ายตอนที่เจ้าเข้าสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าจะปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อได้ดาบมา ดังนั้นจึงไม่มีอะไรผิดพลาด”
กู่ฉิงซานพลันกล่าวว่า “เหตุผลที่เจ้ากล้าปล่อยข้าเข้าสู่ความฝันก็เพราะสามารถมาปรากฏตัวข้างกายได้ทุกเมื่อ นี่คือวิชามิติและเวลาของเจ้า ทำให้สามารถติดตามข้าได้เสมอ”
“อีกอย่าง เจ้ารู้ล่วงหน้าว่าดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดังนั้นเจ้าจึงวางแผนด้วยการให้ข้าเข้าสู่ผนึกปลอม จากนั้นก็ให้ข้ามายุคนี้เพื่อเก็บดาบ”
มนุษย์แสงดำหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ถูกต้อง เจ้าคือลูกหลานของตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก ดาบพิภพอยู่ในมือของเจ้า ประกอบกับความพยายามอย่างหนักของเจ้า ทำให้คู่ควรที่จะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของข้า”
แสงบนมนุษย์แสงดำจางหายไปสิ้น
กลายเป็นร่างของแมงมุมหลากสีสัน
ร่างท่อนบนเป็นสีขาวราวหิมะ
แขนสีดำ
ผมยาว ริมฝีปากสีแดง จิตสังหารแรงกล้าในดวงตาทั้งสองข้าง
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหว
ตอนนี้ มันไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกแล้ว
มันถักทอเส้นด้ายแห่งโชคชะตาด้วยมือของตัวเองมาอย่างยาวนาน เชื่อมโยงอนาคตกับทุกสิ่งในอดีต ท้ายที่สุดก็กำลังจะเก็บเกี่ยวชัยชนะที่สุกงอม
กู่ฉิงซานชำเลืองมองลั่วปิงหลีอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใคร ถ้าไม่พูดอะไรเลย มันจะสายเกินไปจริงๆ !” เขาต่อว่า
ลั่วปิงหลีกัดฟันแล้วตอบว่า “ข้าคือวิญญาณอาวุธของอาวุธหุบเหวนิรันดร์นั่น ข้าเกิดในเวลาเดียวกับที่อาวุธถือกำเนิดขึ้นมา”
“ทำไมเจ้าถึงถูกควบคุมโดยมนุษย์แสงดำล่ะ” กู่ฉิงซานถามทันที
“มันคือส่วนประกอบของอาวุธหุบเหวนิรันดร์ ส่วนประกอบเหล่านั้นสามารถควบคุมและจำกัดข้าได้!” ลั่วปิงหลีตอบ
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวก้าวเข้ามาขณะใช้นิ้วเรียวยาวสีดำประคองคางของกู่ฉิงซาน
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าทำได้ดีจริงๆ มีน้อยคนนักในหุบเหวที่สามารถเทียบมันสมองกับเจ้าได้ มาเป็นสามีของข้าก็ได้นะ”
นางเลียริมฝีปากสีแดง
“เป็นสามีของเจ้าแล้วจะได้ประโยชน์อะไร” กู่ฉิงซานถาม
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวเอียงศีรษะสักพักก่อนเผยยิ้มมีเสน่ห์ออกมา “ก็… ข้อดีคือข้าจะกินร่างของเจ้าด้วยตัวเอง เปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นหุบเหว จากนั้นก็ทำให้กลายเป็นทาสหุบเหว”
นางเอียงมาที่หูของกู่ฉิงซานแล้วกระซิบว่า “นี่คือชั้นสูงสุดของทาสทั้งหมดเชียวนะ”
“ข้าขอเดาว่าการกำหนดเงื่อนไขของเจ้านั้นนับเป็นการให้เกียรติอย่างสูงแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“ใช่ เจ้าหนูแสนฉลาด” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวลูบใบหน้าของกู่ฉิงซาน “เจ้าเอาดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพมาให้ข้า จากนั้นพวกเราก็สร้างอาวุธขึ้นมาให้เสร็จสมบูรณ์ นี่คือสิ่งที่ข้าอยากทำ”
“จริงสิ ข้าต้องการค่าตอบแทน” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าอยากได้อะไรล่ะ”
“สามเหรียญ เจ้าเอาสามเหรียญนั้นมาให้ข้าแล้วข้าจะเอาดาบศักดิ์สิทธิ์มาให้เจ้า”
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวหัวเราะออกมา “เหรียญหรือ เจ้ายังต้องการสามเหรียญนั่นอีกหรือ เจ้าไม่ได้ใช้พวกมันตลอดเวลาอยู่แล้วหรอกหรือ”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
มันเป็น… แบบนี้เอง
มิติและเวลาถูกแทรกแซงก็จริง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด ตอนเขากลับมาจากอนาคต มันเป็นผลจากพลังของสามเหรียญ!
ทันทีที่สามเหรียญทำงาน เขาและผู้ถักทอชีวิตหุบเหวกลับมาสู่ยุคโบราณ
เพียงแค่พละกำลังของผู้ถักทอชีวิตหุบเหวเหนือกว่าทุกตัวตนในยุคโบราณ แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์จากยุคโบราณยังทำอะไรนางไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงหานางไม่เจอ
“ข้าจำได้ว่าสามตัวตนพิเศษคือสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานเหรียญนี้ มีเพียงพวกเขาทั้งสามเท่านั้นที่ตกทอดมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ใช่หรือ…” กู่ฉิงซานถามอย่างไม่แน่ใจ
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “ในยุคโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถใช้เหรียญจำนวนมากเพื่อออกจากหุบเหวได้ มันช่างเป็นชีวิตที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ด้านหนึ่งก็เกรงกลัวหุบเหว อีกด้านหนึ่งก็ถวิลหาความนิรันดร์ไม่ใช่หรือ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่เต็มไปด้วยความฝัน”
“ไม่ใช่อย่างที่เจ้ากล่าวหรอก” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวขยับเข้าใกล้ช้าๆ ดวงตาสบเข้ากับกู่ฉิงซาน “เผ่าพันธุ์มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่เต็มไปด้วยความละโมบ”
ด้านหลังนาง สามตัวตนพิเศษปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างเงียบงัน
ต้นไม่ที่ถูกโค่น
เด็กผู้หญิงที่หลับตาอยู่
ชายผู้ถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนขณะมีอากาศสีดำเดือดพล่านอยู่บนร่างกาย
“นี่คือสามพลังที่มาจากเจ้าบางส่วน พวกมันได้แลกเปลี่ยนกับหุบเหวเป็นการส่วนตัว” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวกล่าว
กู่ฉิงซานส่ายหน้าอย่างจนใจก่อนถามเสียงต่ำว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“เพราะความกลัวไงล่ะ พวกมันไม่สามารถเข้าใจหุบเหวได้ จึงไม่อาจเอาชนะหุบเหวได้ ดังนั้นพวกมันจึงกลัว แน่นอน เป็นเพราะความปรารถนานั่นแหละ”
“ความปรารถนาหรือ”
“ชีวิตล้วนถวิลหาถึงความนิรันดร์ไม่ใช่หรือ” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวถาม
กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าอยากรู้โชคชะตาของพวกเขาจริงๆ ”
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวครุ่นคิดสักพัก รอยยิ้มมีเสน่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่แสนเบื่อหน่าย
นางคล้ายกับนึกถึงบางสิ่งที่น่าสนใจออกก่อนเอาหลังมือป้องปากเพื่อไม่ให้หัวเราะมากจนเกินไป
“หุบเหวไม่เคยใส่ใจที่จะดูแลชีวิตเล็กจ้อยที่มาคุกเข่าอ้อนวอนตรงหน้า หุบเหวจึงได้ทิ้งพวกเขา”
นางตอบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
…………………………………………..