ตอนที่ 349

Black Tech Internet Cafe System

“นี่เป็นเล่าถึงเทคนิคของกลุ่มภูเขาซูว่ามีความเป้นมาอย่างไร” ซงฉิงเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าของภูเขาซูนี้ต่างจากที่เราเคยดูมาก่อนหรือ?”

 

เพราะทั้งสองเรื่องมีภูเขาที่ถูกเรียกว่าซูเหมือนกันแถมยังมีดาบอมตะที่เหมือนกันอีก แต่ผู้ชมหลายคนสังเกตเห็นว่ามีแวบหนึ่งที่เรื่องศึกเทพยุทธภูผาซูนี้แตกต่างจากเซียนกระบี่พิชิตมาร

 

“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?” ผู้ชมจากดินแดนทะเลดวงดาวมองไปที่ภูเขาซูด้วยสายตาสงสัย “มีอะไรแตกต่างกันหรอ? เจ้าหมายถึงว่ามีกลุ่มอื่นที่มีชื่อเดียวกันหรือ?”

 

“ตั้งสมาธิและดูหนังกันเถอะ” ฟางฉีกล่าว “ตามที่เนื้อเรื่องตอนต้นได้กล่าวไว้ว่าศึกเทพยุทธภูผาซูนี้คือกลุ่มของอี้เมยซึ่งได้ก่อกำเนิดก่อนภูเขาซู”

 

ฟางฉีใช้เวลาในช่วงหนึ่งเพื่ออธิบายการเป็นอยู่ของผู้คนในอีกโลกถึงความแตกต่าง เขาให้คำอธิบายง่ายๆ เพื่อกระชับเวลา

 

“โอ้ ..”

 

“เอ่อ .. งั้นตอนนี้หลิงยังไม่ตายใช่มั้ย?” เยเสี่ยวเย้ถามทันที

 

ด้วยท่าทางของฟางฉี เธอดูตื่นเต้นทันที “เธอจะตายได้อย่างละ .. เธอยังไม่เกิด” เยเสี่ยวเย้ทำหน้าบูดจะเว้นวรรคให้ดีใจทำไมเธอคิดในหัว

 

“เยี่ยม!” ผู้ชมหลายคนเริ่มตื่นเต้น “งั้นเราไปดูหนังต่อกันเถอะ!”

 

ฟางฉีสูญเสียคำพูดไปเล็กน้อย

 

“สาวกของกลุ่มอีเมย พวกท่านต้องจำไว้ว่าเราผู้ฝึกฝนต้องระวังความโลภและความริษยาซึ่งนั่นถือเป็นจุดกำเนิดของความชั่วร้ายทั้งหมด!” บนเขาอี้เมยมีชายชราผมขาวสวมชุดขาวคิ้วยาวเขานั่งอยู่จุดกึ่งกลางของแปดเหลี่ยมทองคำซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

 

เสียงของชายชรานั้นดังกังวาน “ไม่นานมานี้ข้าได้ซึมซับพลังแห่งจิตวิญญาณ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งพลังนั้นกำลังทดาอบพวกเขา ข้าได้ยินว่ากองกำลังนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณสังหาร ดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามจะท้าทายเราอีกครั้ง! เราต้องระวังทุกคนที่กำลังบุกรุกภูเขาอีเมยของเรา!”

 

“พวกท่านสังเกตเห็นหรือมั้ยว่าพวกเขาจะแบ่งรูปแบบเป็นนักบวชออร์โธดอกซ์และนักบวชปีศาจ” เหล่าผู้ชมต่างซุบซิบกัน

 

“คืออะไร?” โมเซียนทำหน้างง

 

“เราควรอยู่ห่างจากคนพวกนั้น ..” ยือหยันกระซิบพลางชี้ไปที่กลุ่มปีศาจดำ พวกเขาเริ่มจำแนกตัวเองกันอย่างชัดเจน

 

ปีศาจดำและหลายคนจ้องหน้าเธอ ใบหน้าของเธอกระตุกเล็กน้อย ยือหยันและเพื่อนๆ ของเธอหลบตาและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอาจารย์ซีชิทันที

 

หนังยังคงเล่นไปเรื่อยๆ ภูเขาซูของกลุ่มอี้เมยดูมีชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรือง ตรงกันข้ามกันนั้นคือภูเขาคุนหลุนที่ค่อนข้างแห้งแล้งและว่างเปล่า

 

ราวกับว่าที่นี่ดูโดดเดี่ยวและเงียบเหงา มีเพียงอาจารย์และลูกศิษย์ที่อาศัยอยู่ที่นี่เพียงสองคน ผู้ชายดูเย็นชาในขณะที่หญิงสาวนั้นสวยงามและสงบนิ่ง

 

“ตามประเพณีของภูเขาคุนหลุนของเรานั้น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สอดคล้องกันเหมือนหยินหยางตามตำรา” เสียงของหญิงสาวกล่าวขึ้น “คุนหลุนมีดสงอาทิตย์และดวงจันทร์ดังนั้นเราจึงมีศิษย์และอาจารย์เพียงคนเดียว”

 

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าคนที่นี่มีพลังเช่นกัน” เยเสี่ยวเย้พูดขึ้น “ถึงแม้กลุ่มนี้จะมีเพียงสองคน ..”

 

“อสจารย์และศิษย์อยู่ด้วยกันมาสองร้อยปี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสนิทกันมาก” ผู้ชมพูดเสียงต่ำ

 

“อืม ..​ หนังเรื่องนี้ดูดี”

 

“หรือบางทีมันอาจจะดีกว่ากระบี่เทพสังหาร ..”

 

“ข้าไม่สามารถสัมผัสระดับของหัวหน้ากลุ่มอี้เมยเลยเหมือนว่าเขายังไปไม่ถึงถึงอาณาจักรบรรพบุรุษ เขาดูธรรมดา ..”

 

“เจ้าช่างไม่รู้อะไรเลย สิ่งนั้นเสียงว่าการปกปิดพลังการฝึกฝน เขาจะต้องไร้คู่แข่ง!”

 

“เงียบหน่อย!” ใช่! เกิดการวิจารย์หนังกันอย่างคึกครื้น

 

ท้องฟ้ามืดครึ้มมันครึ้มอยู่อย่างนี้ .. มันเต็มไปด้วยเมฆก้อนใหญ่ดำทะมึนสายฟ้าฟาดกระพริบตามด้วยเสียงฟ้าร้องกึกก้องราวกับว่าทุกอย่างกำลังจะแตก จากส่วนลึกของความมืดมิดในท้องฟ้า โครงกระดูกพร้อมเหล่าวิญญาณผีร้ายปรากฎตัวขึ้นทันที

 

สายฟ้าจากสวรรค์ฟาดลงมาเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ โครงกระดูกยังคงรวมตัวกันภายใต้เมฆที่มืดมน มันบดบังภูเขาจนเกือลมิดลูก

 

ในชั่วพริบตาเท่านั้นด้วยคาถาจากหญิงสาวบนเขาคุนหลุนทั้งหมดสามารถกำจัดเหล่าโครงกระดูกภายในครั้งเดียวราวกับมันเป็นเพียงแค่กระดาษเบาบาง!

 

“บ้า!” ซงฉิงเฟิงและเพื่อนๆ ตะโกนด้วยความตกใจเมื่อเห็นความพินาศที่น่าสยองขวัญตรงหน้ารวนหนิงและเพื่อนๆ ของเธอก็งงงวยเช่นกัน

 

แม้แต่ผู้ฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนเหนือมหาสมุทรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอาจารย์ซีชิ ปีศาจดำ โมเทียนซิงยังอ้าปากค้าง เงาปีศาจผ่านร่างของหญิงสาวที่กำลังมองดูท้องฟ้า นั่นทำให้พลังงานชีวิตของเธอหลุดออกจากร่างกาย

 

มันน่าทึ่งที่ได้ดูเหตุการณ์ที่ถูกสลายไปในพริบตา หลายคนชื่นชมว่าผู้ฝึกฝนไม่ได้อ่อนแอแต่ปีศาจนั้นมีพลังมากเกินไป พวกเขาตกตะลึงพลางคิดภาพตามว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดหรือไม่หากเจอกับปีศาจแบบนี้ แม้ว่าจะกำจัดเหล่าโครงกระดูกได้แล้วแต่ก็ยังหลงเหลือความน่ากลัวทิ้งไว้

 

สำหรับความสยองแบบนี้พวกเขาตระหนักว่าไม่มีใครสามารถเอาตัวรอดได้แน่ .. ว่าแต่มันคือปีศาจประเภทไหน ทำไมถึงมีพลังมากเช่นนี้

 

ซวนเทียนซงรีบเดินทางกลับไปยังกลุ่มของเขาแต่กลับเห็นอาจารย์เป็นเพียงเถ้าถ่าน .. ผู้ชมหลายคนรู้สึกขนลุกและเศร้าโศกตามเขา

 

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่จุดจบ .. สองร้อยปีต่อมาเงาปีศาจนี้ยังคงน่ากลัวและปรากฎขึ้นนอกภูเขาอี้เมยอยู่เสมอ

 

“ห้าร้อยปีก่อนนั้นเกิดขึ้นที่ภูเขาหัว สามร้อยปีก่อนเกิดขึ้นที่คุนหลุน ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึงภูเขาอี้เมยของเรา” ชายชราผมขาวสอนเหล่าลูกศิษย์ด้วยความเคร่งขรึม

 

กลุ่มหมอกเมฆดำรวมตัวกันบนท้องฟ้าเพื่อส่งสัญญาณการบุกรุกที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้ชมกำลังอยู่ในท่าทางที่ตึงเครียดตามเหตุการณ์

 

“นี่ซวนเทียนซงได้รับการฝึกฝนมาถึงสี่ร้อยปีใช่มั้ย? ด้วยความช่วยเหลือจากแดนเฉินซี่แห่งอี้เมยพวกเขาจะสามารถรับมือกับปีศาจตัวนี้ได้มั้ย?” โมเซียนถามอย่างใจจดจ่อเธอรู้สึกเสียวสันหลังเมื่อเห็นว่าปีศาจนั้นเคยทำลายล้างมาก่อน เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

 

เห็นได้ชักว่าปีศาจนี้มีพลังสูงแถมยังมีประสิทธิภาพมากถ้าพวกมันอาศัยอยู่ในโลก

 

“ฉันเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา” อาจารย์ซีชิตอบเธอสำหรับอาจารย์ซีชิเองเธอก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน

 

ทันใดนั้นรอยแตกขนาดใหญ่ก็ปรากฎตัวขึ้นในหมู่มวลเมฆครึ้มกระดูกแห้งจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับเม็ดฝน