มี่?

มีความปั่นป่วนเกิดขึ้นที่ สำนักงานใหญ่ NSA กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมีอัจฉริยะคอมพิวเตอร์อีกคนหนึ่งที่เหนื่อกว่า ไป่หลิง ซ่อนตัวอยู่ในประเทศจีนของพวกเขานามว่า มี่ งั้นเหรอ

ไป่หลิง อยากรู้เกี่ยวกับบุคคลปริศนาผู้ซึ่งขับไล่การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้มาก เธอพิมพ์ถามไปในทันทีว่า“ชื่อจริงของคุณคืออะไร?”

เสี่ยวหลัว ยิ้มและตอบว่า “แล้ว ลาร์ค มันเป็นชื่อจริงของคุณหรือเปล่าหละ?”

จากนั้นเสี่ยวหลัว ก็ไม่ได้พิมพ์อะไรอีก และออกจากระบบไปหลังจากที่พิมพ์ตอบไป่หลิง

“เขา….เขากล้าออกไปแบบนี้ได้ยังไง!”

ไป่หลิง ตัดสินใจติดตามที่อยู่ IP ของมี่ แต่มันก็มีไฟร์วอลล์ปรากฏขึ้นในทันทีและบล็อกการเข้าถึงของเธอ ไฟร์วอลล์นี้มันเป็นแบบเดียวกับที่ใช้เพื่อขัดขวางการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตของกองกำลังต่างประเทศ เธอไม่พบช่องโหว่ใดๆเลย ที่จะทำให้เธอผ่านไฟร์วอลล์นี้เข้าไปได้

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่า ฉันจะไม่สามารถผ่านมันไปได้!”

ไป่หลิง กัดริมฝีปากของเธอ และพยายามหาช่องโหว่ของไฟร์วอลล์ แต่เมื่อเธอรู้ว่ามีคนจาก NSA กำลังสอดแนมเธออยู่ เธอก็พิมพ์ออกมาด้วยความไม่พอใจในทันที:“พวกคุณกำลังดูอะไรอยู่? ถ้ายังดูอยู่อีกเชื่อไหมว่า ฉันจะปล่อยไวรัสลงไปในคอมพิวเตอร์ของพวกคุณทุกเครื่อง!”

จากนั้นเธอก็ลบร่องรอยของเธออกไปทั้งหมดและออฟไลน์ออกไปในทันที

……

กลุ่มผู้บริหารของ NSA รู้สึกขบขันกับการแสดงตลกของเธอ ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทในมาดนักธุรกิจพูดขึ้นมาว่า“นี่คือนิสัยของเด็กผู้หญิงที่เอาแต่ใจชัดๆเลย ฉันพนันได้เลยว่า ลาร์ค นั้นมีอายุไม่เกิน 24 ปีอย่างแน่นอน”

“หัวหน้าพูดถูกแล้ว หลังจากที่ตรวจสอบมาเป็นเวลาสองปี เราก็ได้ค้นพบตัวตนของเธอในเบื้องต้นแล้วว่า ลาร์ค ในปัจจุบันนั้นเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหัวเย่ และชื่อจริงของเธอก็คือ ไป่หลิง และมีอายุเพียง 21 ปี หลังจากสงครามไซเบอร์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนที่เราส่งออกไป ก็น่าจะสามารถยืนยันได้ในที่สุดว่า เธอเป็น ลาร์ค จริงหรือไม่”

ที่นี่มีคนทั้งหมดอยู่หกคน และหนึ่งในนั้นก็กำลังพูดอธิบายอยู่ แต่อีกห้าคนก็ทำเพียงยิ้มออกมา เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขากำลังยิ้มให้กับความหน้าหนาของหัวหน้าของพวกเขา ที่กล้าพนันออกมาว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่อายุไม่เกิน 24ปี พวกเขานั้นได้ยืนยันแล้วว่า อีกฝ่าย นั้นเป็นเด็กผู้หญิงและก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่ นี่เขากล้าพนันออกมาได้อย่างไรกัน

“อะแฮ่ม …”

ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตา ไอแห้งออกมา และพูดอย่างจริงจังว่า “เราทุกคนได้เห็นความแข็งแกร่งของ ‘ลาร์ค’ แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเธอนั้นเป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ ที่หาหากในรอบร้อยปี และตอนนี้มันก็ยังมี ‘มี่’ อีกคน ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่า ‘ลาร์ค’ อัจฉริยะเช่นนี้จะต้องถูกค้นพบโดยเร็วที่สุด มี่ และ ‘ลาร์ค’ นั้นเป็นสมบัติอันล้ำค่าของจีน ถ้าเรามีพวกเขาอยู่ ผู้รุกรานจากต่างชาติ ก็จะไม่สามารถโจมตีประเทศของเราจากโลกไซเบอร์ได้อีกต่อไป ”

ทั้งหกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ฉันคิดว่า ‘ลาร์ค’ ดูเหมือนจะสนใจ ‘มี่’ มาก ถ้าเรามั่นใจว่า ไป่หลิง ของ หัวเย่ คือ ‘ลาร์ค’ จริงๆ ฉันคิดว่า เราน่าจะสามารถหา มี่ ผ่านทางเธอได้ เพราะว่ามีเพียงแค่เธอเท่านั้น ที่จะสามารถหาเขาพบได้” อีกคน พูดออกมาอย่างจริงจัง

ที่เขาพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ไม่มีใครคิดว่าความคิดนี้จะมีปัญหา หากแม้แต่ ลาร์ค ก็ไม่สามารถค้นหาที่อยู่ IP ของมี่ได้ แล้วพวกเขาที่อ่อนแอกว่าจะไปทำอะไรได้

……

เสี่ยวหลัวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสงครามไซเบอร์ที่เขาพบโดยบังเอิญและเข้าไปหยุดยั้งพวกนั้น มันจะทำให้เขาได้รับความสนใจจากพวก NSA ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เข้าไปยุ่งอย่างแน่นอนเพราะว่าเขาไม่อยากเป็นจุดสนใจ

หลังจากผ่านการตรวจสอบคัดเลือกของของสถานีตำรวจในเขตกวงหมิง ในช่วงบ่ายเสี่ยวหลัว ก็ได้สัมภาษณ์ หลังจากรออยู่ไม่กี่ชั่วโมง

คำถามที่เก่าและไม่เคยล้าสมัยถูกถามออกมาในทันที: “ทำไมคุณถึงอยากเป็นตำรวจ?”

ตำรวจอาสาแม้ว่าพวกเขาจะมีหน้าที่เหมือนกับตำรวจ แต่อย่างไรก็ตามบทบาทหลักของพวกเขาก็คือการให้ความช่วยเหลือแก่กองกำลังตำรวจปกติ และพวกเขาก็จะยังคงอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาและการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แท้จริง

“เพื่อต่อต้านอาชญากรรมและปกป้องความยุติธรรม!” เสี่ยวหลัว ตอบด้วยรอยยิ้ม

แน่นอนว่า คำพูดนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ส่วนใหญ่แล้วในสังคมนี้ บ้างครั้งคำพูดที่ไร้สาระ มันก็เป็นรูปแบบที่จำเป็น

ตำรวจทั้งสองคนที่เป็นคนสัมภาษณ์เขา มองหน้ากันและพยักหน้า แล้วทำเครื่องหมายบนแบบฟอร์มของเขา

หลังการสัมภาษณ์จะมีการทำแบบประเมินทางการเมือง เพื่อตรวจสอบภูมิหลังของครอบครัวผู้สมัคร และตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อต้านสังคมหรือทำเรื่องก่อกวนไว้ในอดีตหรือไม่ โดยใช้เวลาอย่างน้อย 5 วัน และจากนั้นก็จะทำการตรวจสุขภาพ หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง เสี่ยวหลัว ก็จะได้เป็นตำรวจอาสาอย่างเป็นทางการ

ด้วยตัวตนนี้ การต่อสู้กับแก๊งมังกร ก็จะกลายมาเป็นเรื่องที่ชอบธรรม!

……

[โรงแรมเมเปิ้ลลีฟ]

ตอนเวลา 6 โมงเย็น เสี่ยวหลัว ก็เดินทางมาถึง เขาไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจและความหวังดีของ ชู หยุนเชียง ได้ และนอกจากนี้ เขาก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกห้าวัน ก่อนที่เขาจะได้รู้ว่า ตัวเองได้รับการยอมรับให้กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่อาสาหรือไม่ และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร ที่เขาจะสงบศึกกับแก๊งมังกรในช่วงเวลานี้

“ยินดีต้อนรับ ค่ะ!”

มีสาวสวยหลายคนที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดงเข้ม ยืนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพื่อมารอต้อนรับแขกที่กำลังมาถึง ไม่ว่าจะเป็นการวางมือหรือการยืนหรือช่วงก้าวเดิน ระหว่างเดินพวกเธอนั้นจะมีเสน่ห์มาก มันทำให้แขกที่มาถึงรู้สึกสดชื่น การทำแบบนี้มันช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์และคุณภาพของโรงแรม .

“คุณคือ คุณเสี่ยวหลัว ใช่ไหมคะ?”

ไม่นานหลังจากที่ เสี่ยวหลัว เดินเข้ามา มันก็มีผู้หญิงที่มีรูปร่างผอมเพรียวเดินเข้ามาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

เสี่ยวหลัวพยักหน้าและตอบว่า“ใช่แล้ว”

“ตอนนี้ประธานชู กำลังรอคุณอยู่ โปรดตามฉันมา” หญิงสาวร่างผอมเพรียว ผายมือออกมาและ เดินนำเสี่ยวหลัวไป

ภายใต้คำแนะนำของเธอ เสี่ยวหลัว ก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสามและมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ จากนั้นหญิงสาวร่างผอมเพรียวก็ช่วยดันประตูให้เปิดออก เธอโค้งตัวเล็กน้อยให้กับเสี่ยวหลัว จากนั้นเธอก็หันหลังเดินกลับไปที่ลิฟต์

“เสี่ยวหลัว มาแล้วงั้นเหรอ นั่งลงสิ!”

ชู หยุนเชียง นั่งลงอย่างสบายๆ และพูดคุยกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาขณะที่ดื่มชา และคนที่คุยกับเขาก็คือ หลง ซานกุย หัวหน้าแก๊งมังกร!

เล้ง โจว และ เล้งหยู่ ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ชู หยุนเชียง ในขณะที่ ต้า หยวน และ เล้งเปา ก็ยืนอยู่ที่ด้านหลังของ หลง ซานกุย ฝั่งของสีดำและฝั่งของสีขาว มันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด การดื่มชาอย่างสบายอารมณ์นี้ มันเป็นฉากที่ค่อนข้างจะหายาก

“สวัสดีครับ ประธานชู!”

เสี่ยวหลัว ทักทาย ชู หยุนเชียง ขณะที่เขาเดินเข้ามา หลังจากที่ปิดประตูลง

นิ้วอันอวบอ้วนของ หลง ซานกุย ชี้ไปที่ เสี่ยวหลัว และมองไปที่ ชู หยุนเชียง “ประธานชู นี่คือเด็กเวร ที่คุณต้องการจะปกป้องงั้นเหรอ มันเนี้ยนะมีความสามารถซะจน ตัดมือลูกน้องทั้ง 53 คนของฉันทิ้งไปได้ ฉันไม่เชื่อ!”

ต้า หยวน ที่ยืนอยู่ด้านหลัง หลง ซานกุย จ้องมอง เสี่ยวหลัว ด้วยแววตาที่โหดเหี้ยมและโหดร้าย ทันใดนั้น ต้า หยวน ก็พุ่งตัวออกไปเหมือนกับสัตว์ร้าย โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ต้า หยวน เคลื่อนไหวด้วยความเร็วและความคล่องแคล่วอย่างไม่น่าเชื่อ เขาส่งลูกเตะออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังใบหน้าของ เสี่ยวหลัว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งในทันที

ร่างกายของ เสี่ยวหลัว เอนไปทางด้านขวา ในขณะเดียวกันเขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อตบไปที่ข้อต่อเท้าของ ต้าหยวน ลูกตบของเสี่ยวหลัวแม้ว่ามันจะดูเหมือนเบา แต่ในความจริงแล้วมันกลับมีพลังจนสามารถเอาชนะแรงอันทรงพลังของ ต้า หยวน ได้เลยโดยตรง มันทำให้ร่างกายของ ต้า หยวน สูญเสียความสมดุลไปในทันที

ต้า หยวน เซถอยหลังไปหลายเก้า และใช้ผนังกำเเพงเพื่อทรงตัว

การโจมตีเมื่อครู่นี้ มันได้ทิ้งรอยไว้หลายจุดบนพื้น นี่คือเครื่องพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึง พลังอันแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายที่เข้าปะทะกัน

“บอสหลง โปรดควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณด้วย ฉันไม่ต้องการให้เลือดซาดกระเซ็นไปทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ และไปรบกวนความสุขของประธานชู” เสี่ยวหลัว พูดออกมาอย่างเย็นชา

คำพูดของเสี่ยวหลัว มันทำให้ร่างของ ต้า หยวน หยุดซะงักลงไปในทันที คำพูดของเสี่ยวหลัว มันทำให้เขารับรู้ได้ถึงอันตรายอยู่ในใจ

“ไอเด็กเวร เอ้ย!”

หลง ซานกุย โปกมือส่งสัญญาณให้ ต้า หยวน ถอยกลับมา จากนั้นเขาก็พับแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้น และ พูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า“แกปล่อยให้ประธานชู และฉันต้องรอ แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกมีสิทธิ์อะไรมาหยิ่งต่อหน้าฉัน? ตอนที่ฉันเริ่มมีอำนาจแกยังดูดนมแม่อยู่เลย!”