ชั้นล่าง เวินเสี่ยวอวี่ยังคงยืนจ้องหน้าต่างอันว่างเปล่าบานนั้นอยู่ที่เดิม…หลังผ่านไปหลายวินาที เธอจึงค่อยละสายตาออกมาอย่างแช่มช้า แล้วพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ยังไงก็เหลือไว้คนหนึ่งแล้วกัน…ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวเขาจะไม่หลงกล…”
…………
“อ๊าาา! ฉันไม่ไหวแล้ว! ฉันเหมือน…จะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว…หลิงม่อ หยุดเถอะ รีบหยุดเร็วเข้า!”
ในโกดังอาหาร เสียงร้องที่ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ดังก้องไปทั่ว
หลี่ย่าหลินกำลังกำเสื้อผ้าตัวเองแน่น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง…เธอหอบหายใจ ขีดข่วนผิวหนังอันเรียบลื่นของตัวเอง ขณะเดียวกัน ดวงตาของเธอกำลังค่อยๆ เปลี่ยนสี…
“หลิงม่อ หยุดเร็วเข้า ฉันจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว…ไม่ไหวแล้ว ฉันใกล้จะไม่ไหวแล้วจริงๆ…” หลี่ย่าหลินหลับตาแน่น พร้อมกับขดงอร่างกายทันที…
“นี่พี่อยากให้ผมช่วยหยุดอะไรกันแน่…” เสียงของหลิงม่อดังขึ้น เขาแหงนหน้ามองเหนือหัวตัวเอง แล้วบอกว่า “ไม่ว่าพี่อยากจะให้ผมช่วยอะไรก็ตาม…อย่างน้อยพี่ก็ต้องลงมาก่อนหรือเปล่า!”
ตอนนี้ เขากำลังแหงนหน้ามองนางพญางูผู้เลอโฉมที่ห้อยตัวอยู่บนพัดลม…เธอเกี่ยวสายไฟไว้โดยใช้เท้าข้างเดียว และก้มหน้าลงมามองหลิงม่อในสภาพกลับหัว…
เพิ่งจะสิ้นเสียงหลิงม่อ หลี่ย่าหลินพลันลืมตา เวลานี้ ดวงตาของเธอก็ได้เปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิงแล้ว…สิ่งที่ทำให้หลิงม่อตกตะลึงก็คือ ดวงตาของเธอไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว…สีเหลืองอำพันเข้ามาแทนที่สีแดงโลหิต ตรงกลางเป็นม่านตาสีแดงที่เป็นขีดในแนวตั้ง…
หลี่ย่าหลินจ้องตาหลิงม่อครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็เลียริมฝีปาก พลางหัวเราะบอกว่า “นายน่ากินจัง…”
แต่ในเสี้ยววินาทีที่หลี่ย่าหลินพุ่งลงมา รังไหมขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งพลันบินโฉบเข้ามากระแทกเข้ากับร่างของเธอกลางอากาศ
รังไหมนั้นกระตุกหนึ่งที ส่วนหลี่ย่าหลินพลิกตัวกอดรัดมันอย่างแนบแน่น ท่ามกลางการพุ่งชนอย่างรุนแรงนี้ หลี่ย่าหลินกลับอาศัยร่างกายอันอ่อนพลิ้วราวกับอสรพิษรับมือได้ทันท่วงที…
“ว้าว…เจ้านี่ก็น่ากินเหมือนกัน” หลี่ย่าหลินก้มมอง พลันกอดรัดแน่นไม่ยอมคลายมือ หนึ่งซอมบี้หนึ่งลูกบอลร่วงตกลงไปท่ามกลางกระสอบข้าวสารที่กองร่วมกันอยู่ตรงนั้น
“…ไม่อยากเชื่อ…ถึงขั้นยอมทิ้งฉันเพื่อไปหาเฮยซือ…” หลิงม่อปากอ้าตาค้าง ผ่านไปสองวินาทีจึงเพิ่งได้สติ แล้วอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้
เขาหันไปมองยังทิศที่รังไหมลูกนั้นพุ่งเข้ามา แล้วก็เห็นซย่าน่าจับอวี๋ซือหรานที่กำลังคลุ้มคลั่งทุ่มพื้นพอดี เธอเงยหน้าจ้องเขาพร้อมกับหอบหายใจถี่ “บอกไว้ก่อน…เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจช่วยพี่หรอกนะ แค่อยู่ๆ มันก็กลิ้งผ่านมา ฉันเลยเตะออกไปโดยอัตโนมัติ…อื่ม…ฉันเอาก้อนเหนียวหนืดยัดเข้าไปในรังไหมของมันหลายก้อนแล้วล่ะ รุ่นพี่จะได้เล่นกับมันไปอีกพักหนึ่ง…ไม่อย่างนั้น ดูจากสภาพรุ่นพี่ในตอนนี้ ถ้าไม่ทำแบบนั้นเดาว่าพี่จะต้องถูกเล่นงานจนหมดสภาพจนตาย หรือไม่ก็จนท้องแน่นอน”
“พูดไปเรื่อย!” หลิงม่อพูดเสียงจริงจัง “อย่างน้อยก็ไม่มีทางท้อง! ถึงจะท้องจริงๆ ก็ต้องเป็นรุ่นพี่ที่ท้องสิ…”
“เอาเถอะ…สรุปว่าพี่ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก” ซย่าน่ากระดกมุมปาก แล้วบอก เห็นหลิงม่อมองมาที่ตัวเองกับอวี๋ซือหราน เธอจึงอธิบายว่า “ไม่ต้องห่วง เธอแค่นอนหลับไปเฉยๆ ฉันแค่คิดว่าเธอวิวัฒนาการไปเงียบๆ จะดีกว่า…แต่ยัยโง่ที่พยายามจะโจมตีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองในระหว่างวิวัฒนาการ ฉันเดาว่าคงไม่เหลือความหวังว่าสติปัญญาของเธอจะมีพัฒนาการอะไรแล้วล่ะ”
“เอิ่ม…ดีแล้วล่ะ…ถูกซอมบี้ที่มีระดับสติปัญญาแค่ 9 หมายตา หลิงม่อน้อยจะได้ไม่ระแวงมาก…” หลิงม่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วบอก
ซย่าน่าจ้องเขาครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็บอกว่า “ดูเหมือนพี่จะยังไม่รู้จักคำว่าเด็กหมีดีพอนะ…”
“หา?”
“ถือว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน…” ซย่าน่าหอบหายใจแรงๆ อีกสองครั้ง
“ตอนนี้เธอดู…”
“ฉันต้องการให้ช่วย” ซย่าน่าพูดขึ้นก่อน
นับตั้งแต่ที่พวกเย่เลี่ยนกลืนกินไวรัสนางพญากับรวมถึงก้อนเหนียวหนืดจำนวนมากที่เก็บรวบรวมไว้ จนถึงตอนนี้เวลาได้ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง…และไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์ ต่างก็กำลังมีการตอบสนองต่อการวิวัฒนาการในระดับที่แตกต่างกัน…
ความจริงแล้ว ซย่าน่ามีปฏิกิริยาเป็นคนสุดท้าย แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เธอกลับเป็นคนที่มีปฏิกิริยารุนแรงที่สุด…
ขณะเดียวกับที่เธอบอกว่า “ฉันต้องการให้ช่วย” ร่างดวงจิตน่าน่ากลับสะท้อนออกมาจากร่างของเธอ และพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำพูดของร่างจริงอย่างสิ้นเชิง “อย่าเข้ามา ฉันไหว!”
หลิงม่อมองน่าน่า แล้วส่ายหน้าบอกว่า “พวกเธอต้องการความช่วยเหลือ”
ไวรัสนางพญาที่ซย่าน่ากลืนกิน คือก้อนที่ได้มาจากซอมบี้ร่างแม่สายพลังจิตตัวนั้น มองแวบแรก ไวรัสนางพญาก้อนนี้ไม่ได้ต่างจากไวรัสนางพญาทั่วไปมากนัก แต่ความจริงแล้วไวรัสนางพญาก้อนนี้ กลับเป็นเพียงก้อนเดียวที่เชื้อไวรัสซึ่งถูกหลั่งออกมาจะไหลเวียนไปรวมตัวกันที่สมองเป็นหลัก…หรืออีกอย่างก็คือ เชื้อไวรัสที่นางพญาก้อนนี้หลั่งออกมา ต่างจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในตัวซอมบี้ตัวอื่นๆ มาก เพราะว่า…มันใช้กับมนุษย์ได้ง่ายกว่า…
ถ้าหากเป็นเชื้อไวรัสจากร่างแม่ตัวอื่น ถึงแม้ดูดกลืนไปจำนวนน้อย ก็อาจส่งผลให้โครงสร้างร่างกายพังทลายทันที เซลล์ในร่างกายอาจตาย หรืออาจส่งผลข้างเคียงที่ร้ายแรงถึงชีวิตเลยทีเดียว แต่เชื้อไวรัสนี้ต่างออกไป มันส่งผลต่อสมองโดยตรง…เทียบกับมนุษย์แล้ว โครงสร้างสมองของซอมบี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ในช่วงแรกมนุษย์ยังเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าด้วยซ้ำ และอาจเพราะเหตุผลนี้ ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นถึงได้เลือกมนุษย์เข้ามาเป็นหนูทดลองในการปรับโครงสร้างร่างกายของมันด้วย…
ไวรัสนางพญาก้อนนี้ก็คือสิ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นยังคงเชื่อมสายสัมพันธ์ทางจิตกับซอมบี้ที่เป็นร่างเดิมของมันได้ ฉะนั้นหลังจากที่ร่างแม่ออกจากร่าง วิวัฒนาการของมันไม่เพียงไม่เสื่อมถอยลงหรือตาย แต่กลับสมบูรณ์แบบมากขึ้น…
การที่ซย่าน่าเลือกไวรัสนางพญาก้อนนี้ ก็เป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง…แต่ตอนนี้…
“เอาล่ะ เธอจำเป็นต้องบอกฉันอย่างละเอียด ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? เธอกลืนกินนางพญาก้อนนี้ทีละนิดจนหมดภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ถ้าหากมีอันตรายอะไร ตามหลักก็น่าจะแสดงอาการตั้งแต่แรกแล้ว…” หลิงม่อยืนตรงหน้าซย่าน่า แล้วถาม
ซย่าน่าพยักหน้า ตอบว่า “ใช่…ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน…แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนดวงแสงแห่งจิตมากกว่า…ฉันบีบมันจนแหลกละเอียดแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับรวมตัวขึ้นใหม่ในสมองของฉัน…”
“เดี๋ยวก่อน…รวมตัวใหม่งั้นหรอ…หมายความว่ายังไง?” หลิงม่อชะงัก…รวมตัวใหม่? เขาเพิ่งเคยได้ยินอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก!
นางพญาก้อนนั้นถูกซย่าน่าดูดกลืนไปแล้ว ทำไมยังรวมตัวกันขึ้นมาใหม่ได้อีกล่ะ? หรือว่ามันไหลเวียนไปตามเส้นเลือดของซย่าน่า แล้วค่อยๆ ไปรวมตัวกันที่สมองของเธออีกครั้งงั้นหรอ?
“…เชี่ยย แบบนี้ก็ได้จริงหรอ!” หลิงม่ออึ้งงัน ไม่นานก็เบิกตากว้างมองซย่าน่าราวตระหนักบางอย่างได้ พลันถามว่า “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ปัญหาของเธอก็คือ…มีนางพญาอยู่ในสมองของเธอสองก้อน?”
ซย่าน่าเม้มปากแน่น จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “ยินดีด้วย…พี่ตอบถูกแล้ว…”