[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 538 : คุณมีผมอยู่ทั้งคน!

อากาศในฤดูร้อนนี้ก็ช่างร้อนและอับชื้นเสียเหลือเกิน นอกจากอากาศจะร้อนแล้ว จิตใจของทั้งคู่ยังรุ่มร้อนอีกด้วย!

ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางภูเขาที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาชนิด แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีลมพัดมาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงกระแสความร้อนที่กระทบเข้าร่างของคนทั้งคู่เท่านั้น

หลิงหยุนฝึกดาราคุ้มกายเข้าสู่ขั้นที่สองแล้ว แม้ว่าความร้อนจะไม่มีผลกระทบต่อเขา แต่เขาก็ไม่ชอบรรยากาศเช่นนี้

“ที่รัก.. ใช้วิชาพลังเย็นของคุณทำให้ที่นี่เย็นขึ้นหน่อยสิ..”

หลิงหยุนร้องบอกในขณะที่อุ้มร่างของหลินเมิ่งหานไว้ และใช้จิตหยั่งรู้สอดส่องหาสถานที่ที่เหมาะกับการปฏิบัติภารกิจมากที่สุด

แต่ตอนนี้สภาวะจิตใจของหลินเมิ่งหานก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อน จนไม่สามารถสงบจิตใจใช้วิชาพลังเย็นที่ฝึกมาได้!

“สามี.. ฉันจะใช้วิชาพลังเย็นได้ก็ต่อเมื่อจิตใจสงบเป็นสมาธิเท่านั้น แต่ตอนนี้..” หลินเมิ่งหานพยายามอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงได้แต่ร้องบอกหลิงหยุนอายๆ

ในเมื่อหลินเมิ่งหานเคยลิ้มรสสวาทที่หลิงหยุนมอบให้มาแล้ว มีหรือที่เธอจะสามารถสงบจิตใจไม่รู้สึกตื่นเต้นได้ในครั้งนี้

และยิ่งหลิงหยุนพาเธอมาปฏิบัติภารกิจในป่าเขาเช่นนี้ หลินเมิ่งหานก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นอีกหลายเท่า

เสียงหัวใจของเธอเต้นแรงราวกับเสียงกลอง แขนสองข้างโอบรอบคอหลิงหยุนไว้แน่นพร้อมกับซุกตัวลงบนหน้าอกของเขา แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนยังคงกวาดตามองไปรอบบริเวณจึงได้แต่ถามอย่างเขินอาย

“นี่นายกำลังมองหาอะไร?”

หลิงหยุนตอบกลับอย่างไม่รอช้า “จะให้มองหาอะไรได้ล่ะ.. ก็หาที่เหมาะๆยังไงล่ะ.. ว่าแต่ทำไมที่นี่ถึงได้มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด!”

หลังจากที่หลิงหยุนมองหาสถานที่สำหรับปฏิบัติภารกิจของเขาอยู่นาน แต่ก็ไม่พบ! เขาได้แต่นึกโกรธพ่อของหลินเมิ่งหานอยู่ในใจ เพราะหากพ่อของหลินเมิ่งหานไม่มาที่บ้าน ตอนนี้เขาคงปฏิบัติภารกิจจนเสร็จสมอารมณ์หมายไปตั้งนานแล้ว!

หลินเมิ่งหานหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็เงยหน้ามองหลิงหยุนพร้อมกับชี้ไปที่รถแลนด์โรเวอร์ และพูดขึ้นว่า

“ทำไมถึงได้โง่แบบนี้นะ! ก็ตรงนั้นไงล่ะ?”

หลิงหยุนมองไปที่รถพร้อมกับคิดในใจว่า.. ‘รถมีไว้ขับไม่ใช่รึ? มันใช้แทนเตียงได้ด้วยหรือนี่?’

ตอนที่หลิงหยุนเข้ามาครอบครองร่างนี้นั้น ความทรงจำเดิมเหลืออยู่เพียงแค่สามสิบ หรือสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ก็นับว่าเขายังมีความรู้ในโลกใบนี้ดีกว่าไป๋เซียนเอ๋อมาก..

หลินเมิ่งหานร้องบอก “ปล่อยฉันลงได้แล้ว!”

หลิงหยุนวางหลินเมิ่งหานลง พร้อมกับมองเทพธิดาหลินของเขาวิ่งตรงไปที่รถ และเพียงไม่กี่วินาที เบาะที่นั่งด้านข้างคนขับก็แบนราบอย่างน่าอัศจรรย์

“โอ้โห.. ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!”

หลิงหยุนมองเทพธิดาหลินด้วยความตกตะลึงพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม

“นี่นายเรียนขับรถมาจากที่ใหนถึงไม่รู้ว่าเบาะปรับลงได้?” หลินเมิ่งหานถามหลิงหยุน

หลิงหยุนได้แต่อึ้ง.. เพราะเขาขับเป็นอย่างเดียว!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องพวกนี้ หลิงหยุนมุดตามหลินเมิ่งหานเข้าไปในรถ และรีบปิดประตูทันที

หลิงหยุนเริ่มจูบหลินเมิ่งหานอย่างเร่าร้อน..

รอบๆรถในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนั้นเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่นกสักตัวที่บินผ่าน ดูเหมือนพวกมันคงจะหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะบินเข้าไป..

แม้พื้นที่ภายในรถแลนด์โรเวอร์จะค่อนข้างกว้าง แต่ก็เล็กมากหากเทียบกับเตียงหรูหรากว้างขวางที่อยู่ในห้องนอน แต่ถึงกระนั้น.. ร่างของคนทั้งคู่ก็สามารถเบียดเสียดกอดก่ายกันไปมาด้วยความตื่นเต้นเร้าใจแบบที่ไม่อาจอธิบายได้

หลังจากใช้เวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมง.. ในที่สุดร่างกายของหลิงหยุนก็เบาสบายไปทั่วทุกรูขุมขน

ในเวลานี้.. หลินเมิ่งหานอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนภายในรถ กระโปรงสีแดงของเธอถูกหลิงหยุนฉีกขาด และโยนไปไว้ที่ใหนก็ไม่รู้ ความรู้สึกของหลินเมิ่งหานนั้นก็เบาสบายไม่ต่างจากหลิงหยุนเช่นกัน

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลินเมิ่งหานก็อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ “แย่แล้ว.. แล้วนี่เราจะกลับบ้านกันได้ยังไง?!”

หลินเมิ่งหานเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ชุดกระโปรงแดงของเธอนั้น ได้ถูกหลิงหยุนกระชากจนขาดหมดแล้ว!

“ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร?!” หลิงหยุนมองหลินเมิ่งหานยิ้มๆอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเธอ

หลินเมิ่งหานมองหลิงหยุนด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมกับตอบไปว่า “ก็นายฉีกระโปรงของฉันจนขาดหมดแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่ แล้วจะกลับบ้านได้ยังไง?”

“ไม่เห็นจะยาก.. คุณก็ใส่เสื้อผ้าของผมแทน!”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหยิบเสื้อเชิ้ต และกางเกงของตนเองออกมาจากแหวนพื้นที่พร้อมกับส่งให้หลินเมิ่งหาน

นับว่าทั้งคู่ยังโชคดี.. ที่ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่มีผู้คน หรือว่ารถราผ่านไปมาบนถนนเส้นนี้เลย ไม่เช่นนั้น.. ต่อให้ไม่เห็นภาพที่เกิดขึ้นในรถ เห็นแค่รถที่กระเพื่อมขึ้นลง ก็คงทำให้เทพธิดาหลินอับอายขายหน้าได้อย่างมากแล้ว

แต่หากมีคนผ่านไปผ่านมา และกล้ามอง หลิงหยุนก็คงจะใช้เข็มซัดของเขาซัดเข้าใส่ลูกตาของคนที่แอบมองอย่าแน่นอน!

เมื่อเทพธิดาหลินสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนเองก็จัดการใส่เสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยเช่นกัน จากนั้นจึงลงจากรถ และเดินไปนั่งประจำที่คนขับ

หลิงหยุนขับรถกลับไปตามถนนเส้นเดิม เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านฝูฮัว แต่ขับตรงเข้าไปในเมืองแทน และหลังจากที่จัดการหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับหลินเมิ่งหานสองชุดแล้ว เขาก็ขับไปจอดในที่ห่างไกลผู้คน และให้หลินเมิ่งหานจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี? พ่อคงจะยังเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านแน่! ถ้าพ่อรู้ว่าฉันทำเรื่องแบบนี้ แม้แต่นายก็คงช่วยอะไรฉันไม่ได้แน่!”

หลินเมิ่งหานกลับไปนั่งที่นั่งข้างคนขับเช่นเคย พร้อมกับหันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตาเศร้าสร้อย!

ตระกูลหลินนั้นมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดมาก เหตุการณ์ครั้งนี้คงจะไม่ต่างจากเหตุการณ์แผ่นดินถล่มอย่างแน่นอน หลินเมิ่งหานรู้ตัวว่าเธอคงต้องเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่โตแน่

แต่หลิงหยุนกลับไม่มีท่าทางเคร่งเครียดแต่อย่างใด เขาตอบกลับไปยิ้มๆ “คุณก็อย่าโง่สิ! ในเมื่อครอบครัวคุณห้าม คุณก็ไม่ต้องเล่า!”

คิ้วของหลินเมิ่งหานขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “นายจะไปรู้อะไร..? ฉันไมเคยโกหกพ่อแม่เลย ถ้าพวกท่านถามว่าความสัมพันธ์ของเราสองไปถึงใหนแล้ว ฉันก็คงต้องตอบไปตามความจริง!”

หลิงหยุนยิ้ม “ถ้างั้นก็ยิ่งไม่ยาก..  ในเมื่อโกหกไม่ได้ ก็พูดความจริง!”

หลินเมิ่งหานร้องอกมาด้วยความหวาดกลัว “หลิงหยุน.. นี่นายโง่จริง หรือว่าแกล้งโง่กันแน่? พ่อของฉันเป็นนายทหารนะ ถ้าเขารู้เรื่องนี้เข้าคงจะต้องโกรธมาก อาจจจะชักปืนออกมายิงนายตายก็ได้!”

หลิงหยุนได้แต่หัวเราะหึหึ “ไม่ต้องห่วง.. แม้แต่ระเบิดมิดไซล์ยังสังหารผมไม่ได้เลย..”

“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” หลินเมิ่งหานตีแขนหลิงหยุนด้วยความโมโห

เรื่องที่หลิงหยุนถูกเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นยิงระเบิดใส่นั้น เขาไม่ได้เล่าให้หลินเมิ่งหานฟัง หลินเมิ่งหานจึงไม่เชื่อคำพูดของเขา!

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหยิบเงินออกมาสองปึกยัดใส่ในมือของหลินเมิ่งหานพร้อมกับบอกเธอว่า

“ยังไงความจริงก็คือความจริง.. คุณไม่ต้องกังวล ยังมีผมอยู่ทั้งคน!”

“ฟังนะ.. คุณกลับไปบ้านก่อน แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับพ่อของคุณฟัง จะพูดอย่างไรก็พูดไป ที่เหลือผมจะเป็นคนจัดการเอง!”

หลินเมิ่งหานถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจ “นี่.. แล้วนายจะไม่กลับไปกับฉันเหรอ?”

หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ผมมีธุระเร่งด่วน! ตอนนี้ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋กำลังรอผมอยู่ที่บ้าน ผมยังไม่มีเวลาไปพบพ่อของคุณตอนนี้”

หลิงหยุนไม่ได้หวาดกลัวจนไม่กล้าไปพบหลินเจิ้งกัง แต่เขามีเรื่องเร่งด่วน และสำคัญมากที่ต้องไปจัดการต่างหาก เพราะหากเขาตามหลินเมิ่งหานกลับไปตอนนี้  หากทั้งคู่ทะเลาะกัน เขาคงจะไปไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้

หลินเมิ่งหานจึงพูดออกมาด้วยความน้อยใจ “แต่นายก็ยังมีเวลาที่จะไปหาผู้หญิงคนอื่นสินะ!”

หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ไม่เลย.. ทุกครั้งผมจะคิดถึงและมาหาคุณคนเดียวนั้น!”

หลินเมิ่งหานเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหยุนดี ใบหน้าของเธอแดง แต่ก็จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที

ความจริงแล้ว หลินเมิ่งหานเองก็เคยพบเหยาลู่ และรู้ว่าเหยาลู่ก็พร้อมที่จะเป็นของหลิงหยุน แต่หลิงหยุนกลับบอกว่า ในยามที่เขาต้องการใครสักคน เธอจะเป็นคนที่เขานึกถึง ทำให้หลินเมิ่งหานมีความสุขอย่างมาก

“แล้วนี่นายจะไปทำอะไร?” หลินเมิ่งหานจ้องมองหลิงหยุน และถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หลิงหยุนยิ้มให้หลินเมิ่งหาน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเย็นชา และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่มั๊ยว่ามีคนคิดจะฆ่าผม! ตอนนี้ผมได้เบาะแสบางอย่างแล้ว และต้องไปสอบสวนด้วยตัวเอง!”

หลินเมิ่งหานได้ฟังจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงได้รีบร้อน เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงความเป็นความตายของเขา จะช้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!

“ถ้างั้นนายก็รีบไปได้แล้ว.. อย่าลืมว่าต้องเค้นเอาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด!” หลินเม่งหานบอกหลิงหยุนในฐานะภรรยาที่เป็นห่วงเป็นใยสามี

หลิงหยุนยกมือขึ้นลูบไล้ผมยาวสลวยของหลินเมิ่งหาน พร้อมกับยิ้มมุมปากและพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วง.. ผมจะรีบทำธุระให้เสร็จ!”

หลินเมิ่งหานมั่นใจในตัวหลิงหยุน เธอพยักหน้าด้วยความโล่งอกพร้อมกับตอบไปว่า “ถ้างั้น.. ฉันจะกลับไปบ้านก่อน!”

หลิงหยุนรวบร่างของหลินเมิ่งหานเข้ามาใกล้ พร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธออย่างรักใคร่ “รีบโทรหาผมถ้าเกิดเรื่องอะไร!”

หลินเมิ่งหานหันกลับไปหยิบถุงที่อยู่ด้านหลังรถ และเห็นชุดกระโปรงสีแดงที่ถูกหลิงหยุนฉีกขาด จึงหันไปถามหลิงหยุนอายๆ

“แล้วกระโปรงนี่ล่ะ?”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก ไว้ผมจะจัดการเอง! คุณไปจัดการเรื่องพ่อของคุณก่อนจะดีกว่า!”

หลินเมิ่งหานรีบลงจากรถไปเรียกแท๊กซี่ทันที ส่วนหลิงหยุนก็ขับรถตรงไปยังบ้านเลขที่-1

ประตูบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ หลิงหยุนจึงขับรถเข้าไปจอดภายในลานบบ้าน ทันทีที่ลงจากรถ ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็เดินออกมาทักทาย แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนเดินลงมาจากรถ ทั้งคู่ต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

หลิงหยุนเห็นทั้งสองคนหัวเราะออกมา จึงได้แต่ประหลาดใจ! เขาก้มลงมองสำรวจร่างกายของตนเอง และพบว่าเสื้อผ้าของเขาก็เรียบร้อยดี ทุกอย่างก็เป็นปกติ จึงได้แต่ร้องถามออกไปอย่างแปลกใจ

“พวกนายหัวเราะอะไรกัน? ฉันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”

แต่น้องชายของเขาทั้งสองคนยังคงหัวเราะไม่หยุด ทำให้หลิงหยุนค่อนข้างรำคาญ

ถังเมิ่งที่หัวเราะจนตัวงอพร้อมกับชี้ไปที่ลำคอหลิงหยุน แล้วพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. ที่คอพี่ยังมีรอยฟันอยู่เลย..”

หลิงเมิ่งหานถึงกับทิ้งรอยรักไว้บนเรือนร่างของหลิงหยุน!

“นายพูดอะไร? ฉันไม่เข้าใจ?!”

หลิงหยุนยกมือขึ้นจับที่คอ เขาขมวดคิ้วและรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที