ตอนที่ 399 บ้าอย่างที่สุด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ดวงตาของโอวหยางหว่านฉายแววความสับสนออกมาอยู่บ้าง นางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “ในใต้หล้านี้ไม่มีชายผู้ใดเทียบได้กับเฟิงอวิ๋นผู้เป็นจักรพรรดิมาแต่กำเนิด ความรักของข้ามีเพียงแต่เขา เจ้านั้นนับเป็นตัวอะไรข้านั้นขยะแขยง!”

มิเพียงแต่ซวนหยวนจือที่ถูกรังเกียจ ฉินป้าเองก็ถูกรังเกียจเช่นกัน

แววตาของฉินป้าหม่นหมอง สตรีผู้นี้เปลี่ยนง่ายเหมือนดอกไม้ที่ปลิวตามลมและสายน้ำที่เปลี่ยนทิศทางง่ายดาย รอให้เขาได้เป็นใหญ่ในใต้หล้าก่อนเถอะ เช่นนั้นคงจะทำให้ในใจนางมีเพียงแค่เขาผู้เดียว

วันต่อมา กองทัพแคว้นชิงยังคงไม่พบหนทางที่จะเข้าโจมตีพวกแคว้นจื่อเยี่ย

ฉินป้าเรียกทหารองค์รักษ์ของเขากว่าสามพันนายมาเตรียมตั้งท่า ทหารองค์รักษ์สามพันนายนั้นยังไม่เพียงพอให้องครักษ์เงาแห่งตระกูลมู่ทั้งเก้าสิบกว่าคนได้เล่นสนุกกันถ้วนหน้า แต่ทว่าเขากลับนำกำลังมาอย่างไม่กังวลใจ เช่นนี้แสดงว่าคงต้องมีแผนการบางอย่างแล้วเป็นแน่แท้ มู่เฉียนซี “ชิงอวิ๋น พาทหารถอยไป ข้ากับองค์ครักษ์เงาจะไปรับศึกเบื้องหน้า”

“มิได้!”  “มิได้!”

ซวนหยวนชิงอวิ๋นและซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

“อันตรายเกินไป พวกนั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

“หญิงวิปริตผู้นั้นอันตรายนัก” ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวเสียงดัง

มู่เฉียนซี “ไม่เป็นไร ข้าสามารถล่าถอยออกไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”

ฉินป้านำทหารชั้นเยี่ยมมาสามพันนาย ขณะที่ทางฝั่งมู่เฉียนซีมีองค์รักษ์เงาเพียงสามร้อยนาย จำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามมีมากกว่าจำนวนคนของพวกนางถึงสิบเท่า ทว่าก็ไม่ได้ก่อเกิดเป็นความรู้สึกกดดันหรือเป็นภัยคุกคามแก่มู่เฉียนซีแต่อย่างใด

โอวหยางหว่านจ้องมองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ซีเอ๋อร์… ไม่เสียแรงที่เจ้าเป็นบุตรสาวของเฟิงอวิ๋น รู้ทั้งรู้ว่ามีอันตราย แต่ก็ยังบุกเข้ามาอย่างมั่นใจ”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างรังเกียจเดียจฉันท์ “โอวหยางหว่าน ข้าไม่อยากให้ชื่อของบิดาข้าออกจากปากของหญิงร้ายเช่นเจ้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเอ่ยถึงชื่อของบิดาข้าเช่นนั้น” โอวหยางหว่านกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เหตุใดข้าจะไม่มีสิทธิ์เล่า ? ข้านั้นเป็นหญิงที่ดีเยี่ยมที่สุดในทวีปเซี่ยโจว

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าช่างไม่รู้ตัวเองเอาเสียเลย  คิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าทำให้บุรุษเพียงไม่กี่คนหลงใหลได้ ก็ถือว่ากลายเป็นหญิงที่ดีเยี่ยมที่สุดแล้ว ? อายุอานามเจ้าก็มากถึงปูนนี้ อย่าได้ชอบที่จะฝันกลางวันไปหน่อยเลย”

อายุปูนนี้!

เมื่อโอวหยางหว่านได้ยินคํากล่าวนี้ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางพลันแข็งทื่อไปในทันที

นางกล่าวเสียงเยียบเย็น “พวกเจ้าลงมือจับนางเอาไว้ ข้าจะต้องทรมานนางให้หนัก ๆ”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

ในเวลานี้เอง ที่รอบด้านนั้นมีทั้งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และสัตว์วิญญาณจำนวนมากที่กระโจนออกมา

“เกิดอะไรขึ้น ? นี่เป็นการก่อจลาจลของสัตว์วิญญาณรึ ?” สีหน้าซวนหยวนชิงอวิ๋นเปลี่ยนไป

“ปกป้องผู้นำตระกูลมู่! เหล่างองค์รักษเงาแห่งตระกูลมู่เร่งอัญเชิญสัตว์พันธสัญญาของพวกเขาออกมาโดยไว พวกเขาคุ้มกันมู่เฉียนซีเอาไว้อย่างดี

— ครืนนนน! —

โอวหยางหว่านกล่าว “นอกจากมู่เฉียนซีก็ฆ่าให้หมด ฆ่าพวกมันให้หมด!” “เฉียนซี!” ซวนหยวนชิงอวิ๋นตะโกน

มู่เฉียนซีรีบกล่าว “ชิงอวิ๋น รีบนำกองทัพใหญ่ล่าถอยไป พวกเขานั้นเป็นทหารธรรมดา ไม่อาจที่จะต้านทานการจลาจลของสัตว์วิญญาณเหล่านี้ได้”

“แต่ว่าเจ้า…”

“ไม่ต้องห่วงข้า”

สิ้นเสียงมู่เฉียนซี เข็มยาบินออกไปพร้อมกับผงยาจำนวนมาก พวกมันไปตกอยู่บนพื้นในบริเวณรอบ ๆ ทำให้สัตว์วิญญาณที่คิดจะเข้ามาใกล้ล้มลง

“เร็วเข้า!” ซวนหยวนชิงอวิ๋นไร้ซึ่งหนทาง ทำได้เพียงนำคนของเขาถอยไปที่ด้านหลังอย่างรีบเร่ง

“ถอย!”

กระบี่มังกรเพลิง บัดนี้เกินกว่าขั้นกระหายเลือดแล้ว มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “มังกรเพลิงสังหาร!”

— ครืนนนนน! —

โอวหยางหว่านหัวเราะก่อนจะกล่าว “ฮ่า ๆ ๆ มู่เฉียนซี ตระกูลมู่ของเจ้ามีสัตว์พันธสัญญา แต่ข้านั้นก็มีสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่น้อย” พลังจิตของมู่เฉียนซีแพร่กระจายออกมา นางได้ยินเสียงขลุ่ยที่คุ้นหูลอยมาช่วงหนึ่ง เสียงขลุ่ยนี้คือเสียงที่ควบคุมการจลาจลของสัตว์ในเทือกเขาชีชงในคราวนั้น

คนผู้นั้นกลับเป็นพวกเดียวกับโอวหยางหว่านเสียแล้ว

เงาร่างสีม่วงพุ่งผ่านไป มู่เฉียนซีนำเสี่ยวหงและอู๋ตี้พุ่งไปทางที่คนผู้นั้นอยู่

“เป็นไปได้อย่างไร ?” โอวหยางหว่านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สรุปแล้วมู่เฉียนซีพบที่ที่คนผู้นั้นอยู่ได้อย่างไรกัน

โอวหยางหว่านออกคำสั่ง “ฉินป้า กันนางเด็กมู่เฉียนซีนั่นเอาไว้ แล้วจับมันมาให้ข้า!” “ได้!”

ฉินป้าเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่ง เขานำเอาทหารชั้นยอดมุ่งตามไปทางมู่เฉียนซีอย่างไม่ลดละ

“ไสหัวไป!” มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา นางนั้นแสนจะรำคาญ

“เจ้าเป็นคนแรกที่กล้ากล่าววาจากับข้าเช่นนี้ แม่สาวน้อยช่างกล้าดีเสียจริงนะ!”

“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงลงมือแล้ว มันกล่าวขึ้น “อย่ากล่าววาจามากความ ผู้ที่ไม่รู้จักความเป็นความตายนั่นคือเจ้า!” “มังกรวารีพิฆาต!”

ฉับพลันมังกรวารีตัวยาวพุ่งไปทางฉินป้า ฉินป้ายิ้มเย้ยหยันก่อนจะกล่าวว่า “ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง อย่าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้”

หลังจากที่เขาหลบหลีกไปแล้ว จึงพบว่ากระบวนท่านี้นั้นเป็นท่าหลอกล่อ ของจริงคือต่อจากนั้น

เงาร่างมู่เฉียนซีเข้ามาใกล้ฉินป้า ฝ่ามือหนึ่งของนางกวาดลงพื้น

“พลังตี้ซวน!”

— ตูม! —

ฉินป้าใช้พลังชีวิตปกป้องร่างกายของตนเองแทบไม่ทัน  ทว่าเคราะห์ดี เขาสามารถป้องกันท่าที่น่าเกรงกลัวนี้ได้ แต่ทว่าทั้งตัวของเขานั้นกลับโดนพลักดันให้ถอยหลังออกไป กระบวนท่านี้นั้นแข็งแกร่งมาก หากมิใช่เพราะว่าเขาเป็นถึงระดับจักรพรรดิ ก็คงไม่ใช่แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเพียงนี้แน่ แต่จะเป็นบาดเจ็บอย่างสาหัส

ฉินป้านั้นถูกนางทำให้สั่นสะเทือน มู่เฉียนซีไม่สนใจความเป็นความตายของศัตรู นางวิ่งมุ่งไปทางป่าไม้ที่อยู่รอบด้าน

ยังคงเป็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงานั้นที่ใส่ชุดคลุมสีดำยาว และยังมีขลุ่ยหยกสีดำสนิท

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เข็มยาปิดทางเขาเอาไว้ทุกทาง มู่เฉียนซีกระโดดลงมาที่ด้านหน้าของเขาแล้วกล่าวขึ้น “ปรมาจารย์ฝึกสัตว์ พวกเราพบกันอีกแล้ว คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปได้แน่”

ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงอย่างฉับพลัน  คิดที่จะหนีทว่าทั้งรอบด้านสี่ทิศแปดทางนั้นถูกยอดฝีมือระดับจักรพรรดิล้อมเอาไว้หมดแล้ว

— แกรก! —

ขลุ่ยหยกสีดำในมือของเขานั้นแตกสลาย สัตว์วิญญาณพวกนั้นไม่ได้อาละวาดอีกต่อไป

ฉินป้าที่พุ่งเข้ามารู้สึกได้ถึงอันตรายจึงรีบล่าถอยออกไป  บัดซบจริง ๆ!  เขานั้นประเมินมู่เฉียนซีต่ำไปเสียแล้ว ข้างกายของนางมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิหนุนหลังอยู่เช่นนี้ — ปัง! —

ปรมาจารย์ฝึกสัตว์ผู้นั้นถูกมู่เฉียนซีโยนออกมา สัตว์วิญญาณถอยร่นไป มาตอนนี้สถานการณ์ของทางแคว้นชิงไม่สู้ดีนัก

อีกอย่าง เหล่าองค์รักษ์เงาของตระกูลมู่ก็ได้ล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว ครานี้พวกเขาคิดจะหนี คงไม่มีทางหนีได้

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “โอวหยางหว่าน ไพ่ใบใหญ่ที่สุดของเจ้าก็ถูกข้าจัดการเสียสิ้น วันนี้พวกเจ้าแพ้แน่แล้ว”

โอวหยางหว่านเบิกตากว้าง มองไปที่คนชุดดำของสำนักไป๋กู่ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้า… พวกเจ้าไม่ใช่ว่าเป็นคนของสำนักข้ารึ ? เหตุใดถึงได้ไปช่วยนางมู่เฉียนซีชั่วช้า”

“แม่นาง โปรดระวังคำพูดคำจา  นายท่านของพวกเรานั้นเป็นถึงผู้สืบทอดของสำนักตัวจริง ส่วนเจ้า… นับเป็นตัวอะไร ?” “ฮ่า ๆ ๆ ผู้สืบทอดของสำนักตัวจริง ข้านั้นเป็นถึงสายเลือดของสำนักไป๋กู่ นางนั่นแหละนับเป็นตัวอะไร ?” โอวหยางหว่านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

สภาพการณ์ของสงครามครั้งนี้ชี้ผลแล้ว ซวนหยวนชิงอวิ๋นโล่งอกไปหนึ่งเปลาะ แคว้นชิงเสร็จแน่แล้ว มู่เฉียนซีเองก็ไม่เป็นไรแล้วด้วย

“ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นพลังของสายเลือดที่แท้จริง” โอวหยางหว่านถูกบีบเสียจนมุม นางบ้าคลั่งและไร้ยางอายมากขึ้นกว่าเดิม

ท้องฟ้าพลันมืดสนิทลง โอวหยางหว่านลอยขึ้นไปกลางอากาศ ผมสีดำของนางเหมือนดั่งงูพิษเลื้อย ทั้งร่างกายและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยแมลงกู่น่าขยาด เหล่าผู้อาวุโสของสำนักไป๋กู่ที่อยู่รอบด้านต่างตระหนกตกตื่น

“หญิงผู้นี้ไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ไป๋กู่กลับสำนัก มันคือไป๋กู่กลับสำนัก พวกเราจะทำอย่างไรดีท่านผู้อาวุโส ?”

โอวหยางหว่านใช้กระบวนท่าที่สุดโต่งเช่นนี้ มิเพียงแต่มันจะทำลายร่างของผู้ใช้ แต่มันจะทำลายทุกชีวิตและทุกจิตวิญญาณที่อยู่ภายในระยะรัศมีหนึ่งพันลี้ไปด้วย

หากไม่บรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิ ทุกผู้คนจะถูกนางทำให้ร่างกายกลายเป็นแมลงกู่กลืนกิน  ในคัมภีร์ลับกล่าวเอาไว้ว่าท่าลับเช่นนี้ หากถูกใช้ก็จะไม่สามารถขัดขวางหรือแก้ไขได้เลย

ต้องยอมรับเลยว่าสตรีบ้าคลั่งโอวหยางหว่านผู้นี้มีพรสวรรค์ในการฝึกวิชาแมลงกู่ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก แม้แต่เคล็ดวิชาลับที่น่ากลัวถึงขีดสุด นางยังสามารถทำได้

มู่เฉียนซีตะโกนขึ้น “ถอยไป… พวกเจ้าทุกคนรีบถอยไปเร็วเข้า”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่ทันแล้ว พวกเจ้าไม่ทันแล้ว พวกเจ้าไม่มีทางที่จะหนีออกไปเป็นระยะไกลถึงพันลี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงวาระที่จะต้องลงหลุมศพเป็นเพื่อนข้าแล้ว ฮิ ๆ ๆ!”

.