ตอนที่ 400 ซวนหยวนจิ่วเยี่ย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

สีหน้าของฉินป้าพลันซีดขาวราวกระดาษ “หว่านเอ๋อร์ เจ้าอย่าวู่วามไปเลย เจ้า…” เขายังไม่อยากตายไปพร้อมกับสตรีบ้าคลั่งนางนี้

โอวหยางหว่าน “ท่านพี่ฉินป้า ท่านบอกว่ารักข้าไม่ใช่หรือ ?  ท่านพี่รักข้า ทว่ายอมตายไปพร้อมกับข้ากลับทำไม่ได้ เช่นนี้จะเรียกว่ารักข้าได้อย่างไรกันเล่า ? ”

ฉินป้า “เจ้าหยุดบ้าได้แล้ว เรื่องจับตัวนางเด็กมู่เฉียนซีเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง เวลานี้เจ้าหยุดการกระทำของเจ้าก่อนเถอะ”

โอวหยางหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันสายไปแล้วท่านพี่ เมื่อข้าเลือกใช้วิชาลับนี้ ก็อย่าหวังว่าใครจะขัดขวางข้าได้”

ทันใดนั้นกู่นับไม่ถ้วนวิ่งออกมาจากร่างของโอวหยางหว่าน

ฉินป้าหน้าซีดเผือด สตรีที่เขารักในเวลานี้จิตวิปริต เขาต้องหนี!

เขาวิ่งหนีเร็วมาก แต่สิ่งที่เร็วกว่าเขานั้นก็คือกู่ จักรพรรดิยอดยุทธ์อย่างเขาถูกแมลงกู่รุมกัดรุมทึ้ง เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ

โอวหยางหว่านยิ้มร้าย นางไม่คิดสำนึกใด ๆ ทั้งนั้น “จะหนีไปไหนกัน  หนีไปก็หนีไม่รอด  ไม่ว่าใครหน้าไหนคิดจะหนีข้า ฝันไปเถอะ!”

— ฉ่า! —

มู่เฉียนซียังไม่เสียขวัญ นางเทยาที่เพิ่งปรุงใหม่ลงบนพื้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของกู่เหล่านี้ชั่วคราว แต่ก็ไม่อาจจัดการได้หมด แมลงกู่น่ารังเกียจมีจำนวนมากเกินไป

“รีบถอย!” นางตะโกน

ในขณะที่พวกเขากำลังล่าถอย ทันใดนั้นแผ่นดินในสมรภูมิรบแห่งนี้ก็แตกแยกออกจากกัน

“แผ่นดินแยก!” มู่เฉียนซีตกใจ  ที่นางตระหนกเพราะนางรู้ว่านี่ไม่ใช่พลังของโอวหยางหว่านอย่างแน่นอน

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เนื่องจากแผ่นดินแตกระแหง ทำให้ความเร็วในการถอยหนีของพวกเขาล่าช้าลง กู่ก็ยิ่งเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้น

— ตูม! —

หลังจากที่เสียงตูมดังสนั่นขึ้น แผ่นดินก็ปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ซ้ำร้ายยังมีควันดำลอยขึ้นมาจากรอยแยกนี้ราวกับว่ากำลังจะมีสัตว์ร้ายพุ่งออกมา

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่านอกจากสตรีที่น่ากลัวราวกับปีศาจอย่างโอวหยางหว่านแล้ว ยังมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าปรากฏออกมาอย่างลึกลับเช่นนี้

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมุ่น นางฉงนสงสัยอย่างเต็มที่  ทว่าถึงอย่างไรโอวหยางหว่านก็ต้องตาย  นางจึงไม่ได้เกรงกลัวต่อสิ่งใดแล้ว

โอวหยางหว่านยิ้มอย่างชั่วร้าย ปากก็กล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าไม่มีทางหนีรอดจากข้าไปได้”

ทันใดนั้นเอง ร่างชุดดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากรอยแยกนั้นราวกับภูตผีปีศาจ ร่างของเขาห่อหุ้มไปด้วยควันดำดูแปลกประหลาด

มู่เฉียนซี  ซวนหยวนชิงอวิ๋น  และคนอื่น ๆ จ้องมองไปที่ชายชุดดำนั้นอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นเสียงต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “นี่ที่คงจะเป็นแคว้นจื่อเยี่ยของเซี่ยโจว”

ชายชุดดำเงยหน้าขึ้นมองโอวหยางหว่านผู้ที่เวลานี้ทั้งร่างถูกห้อมล้อมไปด้วยกู่นับไม่ถ้วน เขากล่าวอย่างนิ่งสงบว่า “เจ้าคือโอวหยางหว่าน ฮองเฮาของแคว้นจื่อเยี่ยใช่หรือไม่ ?”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้ว หรือว่าคนผู้นี้จะมาช่วยโอวหยางหว่าน

“ใช่! ข้าคือโอวหยางหว่าน แล้วเจ้า…” สีหน้าของโอวหยางหว่านฉายแววยินดี

หรือว่าสำนักไป๋กู่ของพวกเขาจะมีผู้ที่แข็งแกร่งอีกหนึ่งคน หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีบีบบังคับให้นางมาถึงทางตัน นางไม่มีทางใช้วิชาลับที่คร่าชีวิตของตัวเองได้เป็นอันขาด  หากคนผู้นี้ช่วย นางก็มีโอกาสรอด

ควันดำหนาทึบพุ่งไปห้อมล้อมร่างของโอวหยางหว่านเอาไว้  ฉับพลันนั้นกู่ที่อยู่บนร่างของโอวหยางหว่านอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา อีกทั้งวิชาลับที่นางใช้ก็ถูกชายผู้แข็งแกร่งผู้นี้ทำให้หยุดลง

นางหลุดพ้นจากอันตรายนั้นแล้ว สีหน้าของโอวหยางหว่านในเวลานี้เต็มไปด้วยความดีอกดีใจ

อันตรายจากกู่ถูกชายผู้นั้นจัดการแล้ว ทว่า…

มู่เฉียนซีรู้สึกว่ากำลังเจอศัตรูที่น่ากลัวและแข็งแกร่งกว่าเพิ่มอีกคนหนึ่ง  นางใช้พันธสัญญาติดต่อกับอาถิงอย่างเร่งด่วน “อาถิง หากเกิดเรื่องฉุกละหุกขึ้น เจ้าต้องลงมือให้ทันการเข้าใจหรือไม่ ?”

อาถิงกล่าวอย่างเกียจคร้าน “วางใจเถอะ! ข้าจะยอมปล่อยให้เจ้าตายง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน ?”

ทว่าในตอนนี้นั้น โอวหยางหว่านรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ขณะที่ชายชุดดำตรงหน้านางกล่าวว่า “เจ้าคือโอวหยางหว่านจริง ๆ”

ฉับพลันทันใดควันดำพันรอบคอโอวหยางหว่านแน่น พันแน่นเสียจนใบหน้าของนางเริ่มกลายเป็นสีม่วง

นางจ้องมองคนตรงหน้า “จะ… เจ้า… เจ้าจะฆ่าข้า!”

คนผู้นี้ไม่ใช่จะมาช่วยนางหรอกรึ ?  จะฆ่านางได้อย่างไรกัน ?

“เอื้ออออ!”

ชายชุดดำโจมตีโอวหยางหว่านกะทันหันเช่นนี้ ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกแปลกใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่นางจินตนาการไว้

โอวหยางหว่านทำผิดบาปไว้มากเกินไป จึงมีคนมาเอาคืนนาง

“คนผู้นี้…” ซวนหยวนชิงอวิ๋นจ้องมองด้านหลังของชายชุดดำผู้นั้น เขาเป็นคนแปลกหน้า แต่เหตุใดซวนหยวนชิงอวิ๋นถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเขานัก

“แค่ก ๆ ๆ!” โอวหยางหว่านถูกควันดำนั้นรัดคอแน่นจนรู้สึกอึดอัดและแสนเจ็บปวด

“แค่ก! เจ้าบ้า เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

“อย่าฆ่าข้า ขะ… ข้า…”

“วางใจเถอะ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายง่าย ๆ” ชายชุดดำกล่าว

เขาหักแขน หักขา ตัดเส้นเลือด ถลกผิวหนัง ควันดำนั้นของเขาทรมานโอวหยางหว่านอย่างโหดร้ายทารุณ สุดท้ายยังเหลือลมหายใจให้นางมีชีวิตรอดอยู่อย่างทรมาน

เหล่าทหารที่อยู่ในสนามรบ พวกเขาได้เห็นความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วนจนเป็นความเคยชิน แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นวิธีที่โหดร้ายทารุณถึงเพียงนี้ต่อหน้าต่อตา ก็ถึงกับสะอิดสะเอียนอาเจียนจนไม่อาจหยุดได้เลย

“อ๊า!” โอวหยางหว่านกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน “ฆ่าข้าให้ตายซะเถอะ ฆ่าข้าซะ ข้าบอกให้ฆ่าข้า!”

ฉินป้าเห็นเช่นนี้ รีบกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ไม่! เจ้าฆ่านางไม่ได้ ฆ่าไม่ได้เด็ดขาด ข้าถูกพิษกู่ของนาง  หากนางไม่แก้พิษให้ ข้าก็ต้องตายไปด้วยเป็นแน่ ข้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นชิง ขอเพียงเจ้าช่วยข้า จะให้ข้าทำสิ่งใดข้ายอมทุกอย่าง”

“ฮ่องเต้แห่งแคว้นชิง ฉินป้างั้นรึ ?” ชายชุดดำถามเสียงเย็นเยียบ

“ใช่! เป็นข้า เป็นข้าเอง”

“แล้วซวนหยวนจืออยู่ที่ไหน ?”

“ซวนหยวนจือแพ้ศึก เขาถูกนางปีศาจผู้นี้สังหารสิ้นลมไปแล้ว หญิงปีศาจผู้นี้เป็นผู้ลงมือ ข้า…”

ชายชุดดำผู้นั้นพึมพำกับตนเอง “ตายเร็วไป”

เวลานี้โอวหยางหว่านกำลังถูกทรมาน เขาจึงหันไปสนใจคนอื่น ๆ แทน  เขามองไปทางแคว้นจื่อเยี่ย

ควันดำอันหนาทึบนั้นบดบังร่างและใบหน้าของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง ซวนหยวนชิงอวิ๋นเห็นเช่นนี้แล้วดวงตาลุกวาว เขากล่าวถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นใครหรือ ?”

“พี่สาม!” สีหน้าของซวนหยวนหลี่เทียนพลันเปลี่ยนไป คนผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก น่ากลัวยิ่งกว่าโอวหยางหว่าน เขาคิดว่าทางที่ดีอย่าไปล่วงเกินจะดีกว่า

“พี่สาม…” เขาเรียกอีกครั้งด้วยเสียงอันเบา  ดวงตาก็เหลือบมองชายหนุ่มที่มีใบหน้าและกลิ่นอายอันเย็นเยือกผู้นั้น

— แควก! —

ชุดดำนั้นถูกฉีกออก เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลา ทว่าบนใบหน้าสลักด้วยรอยมีด  อายุของเขาน่าจะราว ๆ ยี่สิบกว่าปี  ความเงียบงันนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา เขาเผยให้เห็นใบหน้าทั้งหมดของเขา ทำให้ซวนหยวนชิงอวิ๋นมั่นใจว่าเขาเป็นใคร

“เสี่ยวจิ่ว!” ซวยหยวนชิงอวิ๋นอุทาน

ซวนหยวนหลี่เทียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ขะ… เขา… ซวนหยวนจิ่วเยี่ย เป็นไปไม่ได้…”

ถึงแม้ว่าซวนหยวนจิ่วเยี่ยจะสวมหน้ากากบดบังใบหน้ามาโดยตลอด ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไร แต่คนผู้นี้แตกต่างกับซวนหยวนจิ่วเยี่ยอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งดวงตาของซวนหยวนจิ่วเยี่ยนั้นเป็นสีฟ้า แต่ดวงตาของคนผู้นี้กลับเป็นสีดำ และคนผู้นั้นดูมีอำนาจเหนือทุกสิ่งอย่างราวกับเป็นปีศาจ ทว่าคนผู้นี้แม้ดูเป็นคนแข็งแกร่ง แต่หากเทียบกับซวนหยวนจิ่วเยี่ยคนที่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแตกต่างกันมาก

“พี่สาม” ในที่สุดใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกนั้นพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

โอวหยางหว่านกรีดร้องดังลั่น “เจ้าคือซวนหยวนจิ่วเยี่ยรึ ? เจ้า…”

“ในเมื่อเจ้ามาแก้แค้น… เหตุใดต้องรอจนถึงตอนนี้ ?”

“ข้าไม่ใช่ซวนหยวนจิ่วเยี่ยแล้ว นามของข้า…อ้านจิ่ว   ข้าปีนป่ายขึ้นมาจากนรกเพื่อมาแก้แค้นเจ้า คำตอบนี้เจ้าพอใจหรือไม่ ?” อ้านจิ่วกล่าว

ในสายตาของโอวหยางหว่าน เขาเปรียบเสมือนวิญญาณชั่วร้ายที่คลานมาจากนรกเบื้องลึก ควันดำอันหนาทึบปกคลุมร่างของซวนหยวนจิ่วเยี่ยเอาไว้

มู่เฉียนซีจ้องมองบุรุษตรงหน้า จิ่วเยี่ยที่ตาสีฟ้ากล่าวเอาไว้ไม่มีผิด ซวนหยวนจิ่วเยี่ยผู้มีดวงตาสีดำผู้นี้ปีนป่ายขึ้นมาจากนรกจริง ๆ  อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคนผู้นี้ไม่ใช่ศัตรู เช่นนั้นก็คงง่ายที่จะจัดการ

มู่เฉียนซี “ฉินป้า แคว้นชิงของเจ้าพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว เจ้ากลายเป็นนักโทษของข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาอย่างไรต่อ ?”

.