ตอนที่ 207 ควบคุมสมดุล

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 207 ควบคุมสมดุล

 

ควบคุมสมดุล

 

“พูดง่ายๆก็คือ มันเป็นพลังวิญญาณที่เข้มข้นขึ้น” เหม่ยหลินว่าพลางจับมือของไป๋จูเหวินเอาไว้นิ่ง

 

“มันจะต่อต้านพลังอสูรมากกว่าพลังวิญญาณ ท่านต้องตั้งใจรับมือมันให้ดี”เหม่ยหลินปล่อยให้พลังของไป๋จูเหวินไหลเข้ามาในร่างช้าๆพลางปล่อยพลังของตนเองเข้าไปผสมผสานอย่างคุ้นเคย จะเรียกว่าสมเป็นยอดวิชาดีหรือไม่ แต่วิชาเทะประสานก็ทําให้พลังวิญญาณของไป๋จูเหวินมาจ่ออยู่ระดับชําระวิญญาณขั้น 10 ปลายๆได้ในเวลาไม่กี่วัน น่าแปลกทั้งๆที่ไป๋จูเหวินลองฝึกร่วมกับต้าชิงแล้วแต่มันกลับไม่ได้ผลขนาดนี้ หรือวาสนาของมันกับเหม่ยหลินจะเข้ากันได้นะ

 

วูม…พลังของไป๋จูเหวินที่กําลังรวมกับพลังของเหม่ยหลินกําลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับพวกมันกําลังเต้นรําไม่มีผิด ทั้งพลังอสูรและพลังวิญญาณต่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว และไม่นานไป๋จูเหวินก็ก้าวเข้าสู่ระดับก่อกําเนิดพลังเซียนขั้น 1 อย่างที่คาดเอาไว้

 

หมับ! ราวกับสัมผัสได้ถึงอ้อมกอด ทั้งๆที่ตนกําลังฝึกฝนพลังกับเหม่ยหลินแท้ๆ หรือนางจะเป็นคนเข้ามากอดมันกันแน่

 

“….”ไป๋จูเหวินลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ ตัวมันนั้นไม่ได้อยู่ที่ถ้ำฝึกฝนแต่อย่างไร เพียงแต่ในห้องแห่งนี้กลับเป็นห้องสีขาวราวกับไม่มีอะไรอยู่รอบๆเลย สัมผัสเดียวของมันก็คืออ้อมกอดของหญิงสาวผู้หนึ่ง

 

“ลูกแม่” เสียงของหญิงสาวคนนั้นทําเอาไป๋จูเหวินสะท้านไปทั้งตัว นางไม่ใช่อสูรแมงมุมแม่ที่มันรู้จัก แต่นางคืออีกคนที่มันได้พบในจิตสํานึกของตนเอง นางคือมารดาของมันงั้นหรือ..

 

ไป๋จูเหวินมองหญิงสาวที่กอดมันเอาไว้ด้วยความประหลาดใจ หรือนางจะเป็นมารดาจริงๆของมันกัน

 

“ท่าน..”ไป๋จูเหวินดันร่างของหญิงสาวออกพลางมองใบหน้าของนางด้วยความสงสัย นางเหมือนกับหญิงสาวในรูปวาดที่ปราสาทของหัวหน้าถังไม่มีผิด เหมือนกับหญิงสาวที่ชื่อหวังเฉียนมาก หรือว่ามันจะเป็นลุกของนาง แต่อสุรเต่ายักษ์บอกว่าหยังเฉียนเป็นคนในยุคก่อนมิใช่หรือ เหตุใดมันถึงกลายเป็นลุกของนางได้

 

วูบ… อยู่ๆห้องสีขาวสะอาดก็เริ่มแปลเปลี่ยนไปช้าๆ พริบตานั้นอยู่ๆห้องกว่าครึ่งก็กลายเป็นสีดําสนิทไปในพริบตา

 

“เจ้า” หญิงสาวที่เหมือนกับหวังเฉียนพูดพลางมองไปด้านหลังของไป๋จูเหวิน นางมีท่าที่ไม่พอใจนักที่เห็นบางคนที่กําลังเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน

 

“จูเอ๋อ..”เสียงที่ไป๋จูเหวินแสนจะคุ้นเคยดังขึ้นมาที่ด้านหลังของมัน แต่มันไม่อาจหันไปมองได้เพราะหญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนกําลังกอดมันเอาไว้ไม่ยอมให้มันหันไปทางนั้น

 

“ปล่อยลูกข้านะ” อสูรแมงมุมพูดเสียงเย็นพลางจ้องมองหญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนด้วยท่าที่ไม่พอใจ

 

“ท่านแม่”ไป๋จูเหวินพยายามหันไปมองอสูรแมงมุมด้วยความคิดถึง

 

“ไม่ใช่ นางไม่ใช่แม่ของเจ้า” หญิงสาวที่กอดไป๋จูเหวินเอาไว้ว่าพลางจ้องอสูรแมงมุมตาเขม็ง

 

“ใช่สิ ข้าเป็นแม่ของจูเอ๋อ” อสูรแมงมุมว่าพลางเท้าเอวด้วยท่าที่ไม่พอใจ

 

“หะ ข้าต่างหากที่เป็นแม่ของเขา เจ้ามันก็แค่…พี่เลี้ยงเท่านั้นละ” หญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนว่าพลางปล่อยไป๋จูเหวินออกแล้วเดินไปหาอสูรแมงมุมด้วยท่าทีเอาเรื่อง

 

“ไม่ ข้าเลี้ยงดูเขามา ข้าก็เป็นแม่ของเขาเหมือนกัน”อสูรแมงมุมเองก็ไม่ยอม นางปล่อยพลังอสูรออกมาด้วยท่าทีเอาเรื่อง ทําเอาห้องที่เป็นสีดํากว่าครึ่งเริ่มขยายอาณาเขตเข้ามาในห้องสีขาวมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ไม่ๆๆๆ ข้าเป็นคนคลอดเขามานะ ร่างกายของเขามีเลือดเนื้อของข้าอยู่” หญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนว่าพลางส่ายหน้าไปมา

 

“เขาก็กลืนแก่นอสูรของข้าไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาก็มีเลือดเนื้อของข้าอยู่ในร่างเหมือนกัน” อสูรแมงมุมโวยวายด้วยท่าทีไม่พอใจ ปกติไม่ค่อยมีใครกล้าเถียงนางเช่นนี้ หากไม่ใช่ในจิตสํานึกของไป๋จูเหวินหญิงสาวตรงหน้าไม่มีวันรอดมือนางแน่ๆ

 

“เจ้านี่เป็นอสูรที่ดื้อจริงๆ คราวนั้นไม่ใช่เพราะแก่นอสูรของเจ้าหรือที่ทําลูกข้าเกือบตาย” หญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนว่าพลางแยกเขียวขู่ฟอๆด้วยความไม่พอใจ ปกติอสูรจะเชื่องกับนางหมดแต่เพราะตอนนี้นางเป็นร่างในจิตสํานึกของไป๋จูเหวินทําให้พลังของนางไม่อาจใช้ได้ หากเป็นข้างนอกอสูรแมงมุมต้องยอมสยบต่อพลังของนางเป็นแน่

 

“มู่…เรื่องนั้นข้าก็พยายามผสานกับร่างของจูเอ๋อโดยไม่ให้เขาเจ็บที่สุดแล้วนะ” อสูรแมงมุมเบือนหน้าไปทางอื่นพลางอุ้ยปากราวกับจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของนางทั้งหมดเสียหน่อย

 

“พี่ไป๋ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” ขณะเดียวกันภายนอกนั้น ไป๋จูเหวินกลับยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างไร แถมเหม่ยหลินเองยังไม่กล้าปล่อยมืออีกต่างหาก ยามนี้พลังของไป๋จูเหวินตีกันวุ่นราบกับจะธาตุไฟเข้าแทรก ทําเอาเหม่ยหลินร้อนลนไปหมด หากนางทราบว่าในจิตสํานึกของไป๋จูเหวินพลังทั้งสองสายต่อสู้กันเช่นไรคงยิ้มไม่ออกกระมัง

 

“ข้าไม่สน ยังไงจูเอ๋อก็เป็นลูกของข้า” อสูรแมงมุมยังคงดื้อแพ่ง ยืนยันคําเดิมอย่างไม่ยอมแพ้ ทําเอาหญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนหน้าบึงเข้าไปใหญ่

 

“ท่านแม่”ไป๋จูเหวินพูดเพื่อพยายามจะห้ามทั้งสองคน

 

“จํา/จํา” หญิงสาว 2 คนที่กําลังทะเลาะกันพอได้ยินคําว่าท่านแม่ก็พากันหันมายิ้มหวานให้ไป๋จูเหวินเสียอย่างนั้น ทําเอาไป๋จูเหวินได้แต่ยิ้มเงื่อนๆ ด้วยความหนักใจ ฝ่ายหนึ่งก็มารดาผู้ให้กําเนิด อีกฝ่ายก็มารดาผู้เลี้ยงดูตนเอง จะให้มันเข้าข้างใครได้ล่ะ

 

“พวกท่านอย่าทะเลาะกันเลย”ไป๋จูเหวินว่าพลางยืนขึ้นช้าๆ

 

“มะ แม่ได้ได้ทะเลาะนะ แม่แค่จะบอกยัยแมงมุมนี้ว่าข้าต่างหากที่เป็นแม่ของเจ้า” หญิงที่เหมือนหวังเฉียนว่าพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นในระดับอก

 

“ข้าก็ไม่ได้ทะเลาะกับมนุษย์นางนี้สักหน่อย” อสูรแมงมุมว่าพลางทําแก้มป่อง นี่ท่านเป็นอสูรบรรพกาลนะท่านแม่ ทําไมท่านทําท่าทางเหมือนหลินหลินเลยละ

 

“สําหรับข้าแล้วพวกท่านทั้งสองก็คือแม่ของข้าเหมือนกันนั่นล่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ไม่ว่าจะเป็นมารดาผู้ให้กําเนิด หรือมารดาผู้เลี้ยงดูมันมา มันก็รักและเคารพพวกนางทั้งคู่มาก แม้หญิงสาวที่เหมือนหวังเฉียนจะไม่เคยเจอหน้ากัน แต่ไป๋จูเหวินก็สัมผัสได้ว่าระหว่างมันกับนางมีบางอย่างเชื่อมถึงกัน นี่คงจะเป็นสายสัมพันธ์ของแม่ลูกกระมัง ส่วนอสูรแมงมุมนั้นไม่ต้องพูดถึง มันทั้งรักและเคารพนางในฐานะแม่จดหมดใจ

 

“ถ้าข้าจะมีแม่ 2 คนมันจะไม่ยิ่งดีหรือ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองแม่ทั้งสองของมันด้วยสายตาอ้อนวอน ทําเอาหัวใจคนเป็นแม่แทบละลาย

 

“เรื่องนั้น….เอาเถอะยังไงเจ้าก็ช่วยเลี้ยงลูกของข้า จะยอมให้เป็นแม่เลี้ยงก็ได้”แม่ของไป๋จูเหวินว่าพลางหันหน้าไปทางอื่น

 

“ยังไงนางก็เป็นแม่แท้ๆของเจ้า ข้าก็ต้องยอมอยู่แล้ว” อสูรแมงมุมว่าพลางกอดไปัจูเหวินเอาไว้

 

“เจ้า ขี้โกงนี่”แม่ของไป๋จูเหวินว่าพลางเข้ามากอดไป๋จูเหวินจากอีกข้างยามนี้ห้องที่เป็นทั้งสีขาวและดําถูกแบ่งครึ่งอย่างสวยงามไม่มีท่าที่จะลุกล้ำกันอีกแล้ว

 

“ข้ารักเจ้านะลูกแม่/จูเอ๋อ” แม่ของไป๋จูเหวินพูดพร้อมกับอสูรแมงมุม ก่อนที่ภาพตรงหน้าไป๋จูเหวินจะเลือนหายไปจนกลายเป็นภาพของเหม่ยหลินอีกครั้ง มันออกมาจากจิตสํานึกของมันแล้วอย่างนั้นหรือ

 

“พี่ไป๋ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เหม่ยหลินถามด้วยความเป็นห่วง เพราะนางไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตสํานึกของไป๋จูเหวินด้วย

 

“ไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ ยามนี้พลังวิญญาณของมันเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับก่อกําเนิดพลังเซียนอย่างสมบูรณ์แล้ว แถมพลังอสูรของมันยังเลื่อนขึ้นเป็นระดับตํานานขั้น 1 อีกต่างหาก แต่เท่านี้ก็ลดระยะห่างระหว่าง พลังทั้งสองสายได้มากแล้วอีกไม่นานไป๋จูเหวินคงสามารถเพิ่มพลังเซียนให้เท่ากับพลังอสูรได้แล้ว

 

“เมื่อครู่พลังของท่านที่กันรุนแรงมาก ข้านึกว่าท่านจะทนไม่ไหวแล้วซะอีก” เหม่ยหลินพูดด้วยท่าที่เป็นห่วง นางกลัวเหลือเกินว่าไป๋จูเหวินจะเป็นอะไรไป

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกท่านดีกันแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ทําเอาเหม่ยหลินรู้สึกงงนิดหน่อยที่ไป๋จูเหวินตอบเช่นนั้น

 

“ท่านต้องพยายามคุมสมดุลของพลังทั้งสองให้ดี ไม่อย่างนั้นตอนท่านขึ้นระดับเทียนเซียนได้ท่านจะรักษาพลังอสูรเอาไว้ไม่ได้เหมือนท่านพ่อนะ” เหม่ยหลินว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ปกติแล้วนักล่าอสูรจะเสียพลังอสูรไปตอนก้าวเข้าสู่ระดับเทียนเซียน นั้นเพราะพลังเซียนเข้มแข็งมากเกินไปจนพลังอสูรในร่างที่เป็นพลังแปลกปลอมไม่อาจอยู่ในร่างได้ นั่นคือเหตุผลที่เหม่ยหลินพยายามฝึกให้พลังอสูรและพลังเซียนอยู่ในระดับเดียวกันเสมอ

 

วูบ! อยู่ๆภาพตรงหน้าของไป๋จูเหวินก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้เข้าไปในจิตสํานึกของมันแต่อย่างไร “”ไป๋จูเหวินนิ่งไปครู่หนึ่งพลางมองภาพตรงหน้า ยามนี้เบื้องหน้ามันกลับไม่ใช่ในถ้ำฝึกอีกแล้ว แต่มันกลับเป็นวังมังกรที่พังเละไม่เหลือชิ้นดี แม่ใช่แค่นั้น เมืองร้อยแปดอสูรเองก็ย่อยยับจนมองเค้าเดิมแทบไม่ออก มีทั้งบ้านเมืองที่พังทลายและไฟที่กําลังไหม้จนควันสีดําลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า

 

“…”ไป๋จูเหวินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะใช้มือทาบลงบนดวงตาของตนเอง ยามนี้ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีเงินท่าทางจะเป็นความสามารถหนึ่งของอสูรแมงมุม แต่ภาพที่มันเห็นคืออะไร อนาคตอย่างนั้นหรือ?