ตอนเช้าเนมาเดินผิวปากเข้าบริษัท ซูซีจ้างเขาเป็นผู้จัดการของแผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ และตอนนี้เขาก็เป็นส่วนหนึ่งในผู้บริหารชั้นสูงของบริษัทอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยาโอจิ
ก่อนหน้านี้เขากับทีมเขาถูกเทาเท่แบน จนเขาเกือบจะไปทำอย่างอื่นแล้ว
ต่อมาซูซีไปหาเขา บอกว่าตัวเองก่อตั้งบริษัทมาแห่งหนึ่ง อยากร่วมงานกับเขา เขาตกลงโดยไม่พูดอะไร
ไม่ว่าซูซีจะมีความสามารถในการบริหารบริษัทหรือไม่ แต่เบลซพ่อของเธอมีเงิน
เบลซก็มีแค่ซูซีที่เป็นลูกสาวคนเดียว ถึงตอนนั้นจะต้องลงเงินก้อนโตให้บริษัทของซูซีแน่ เขาแค่ทำงานไปงั้นๆ ก็ได้ผลประโยชน์แล้ว
ใช่ ได้ยินว่าชั้นที่ทันสมัยและดึงดูดใจนี้ก็เป็นเบลซที่ซื้อเพื่อลูกสาวสุดที่รักคนนี้
เพิ่งถึงห้องทำงานไม่นาน ผู้ช่วยของซูซีก็วิ่งมาหาเธอ บอกว่าไม่รู้ว่าทำไมซูซีถึงโมโหอยู่ในห้องทำงาน ให้เขาไปดู
ในใจของเนมารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี คงไม่ใช่ว่าต้นฉบับที่ให้จอร์แดนเกิดปัญหาอะไรหรอกนะ?
ไม่โทษที่เนมาจะคิดแบบนี้ หากทำชั่วจริงๆ ในใจมักจะร้อนตัว
จึงรีบไปห้องทำงานของซูซี หลังจากได้ยินซูซีพูดเนื้อหาที่จอร์แดนโทรมา สีหน้าเนมาก็ซีดขาว
แจ้งอุตสาหกรรมภายในไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ ดังนั้นเขาบอกไปทันทีว่า:“งั้นพวกเราก็ไปขอโทษหลินจือ”
“เป็นไปไม่ได้!”ซูซีกรีดร้องเสียงแหลม“ฉันไม่มีทางไปขอโทษหลินจือ ชีวิตนี้ไม่มีทางทำแน่!”
เนมาปวดหัวมาก:“ไม่ขอโทษแล้วจะทำไง?หรือคุณอยากถูกแจ้ง?”
ซูซีกดัฟันตัวเองแน่น ไม่พูดอยู่นาน
เนมาไม่เข้าใจ:“คุณกับหลินจือแค้นฝังลึกอะไรกัน?แค่ขอโทษไม่เป็นไรหรอก แค่ไม่กี่คำเอง ไม่ได้เสียหายอะไร”
เขาไม่เข้าใจ ความบาดระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงช่างละเอียดอ่อนและแย่มาก
ซูซีพูดอย่างเซ็งๆ:“เธอคือภรรยาเก่าของเทาเท่ สี่ปีก่อนฉันเลิกกับเทาเท่เธอก็เสนอตัวขึ้นไปที่เตียงเทาเท่ ฉันเกลียดเธอมาก!”
“ถ้าไม่ใช่เธอที่มาแทรกกลางคัน ฉันกับเทาเท่ก็แต่งงานกันนานแล้ว!”
เนมาตกใจจนอ้าปากกว้าง หลินจือเป็นภรรยาเก่าของเทาเท่?
เนมารู้สึกแปลกๆ เหมือนตัวเองถูกซูซีหลอก
ถ้าเขารู้นานแล้วว่าหลินจือเป็นภรรยาเก่าของเทาเท่ เขาก็จะไม่ตกลงซูซีให้ผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นลวนลามหลินจือตั้งแต่แรก
เขาเป็นผู้ชาย ถึงจะบอกว่าหย่า แต่ผู้ชายก็ยังมีความเป็นเจ้าของต่อผู้หญิงที่เคยเป็นของตัวเองแปลกๆ ไม่น่าล่ะตอนนั้นเทาเท่ถึงได้ช่วยหลินจือ และยังแบนเขากับผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้น
เนมาก็เข้าใจแล้วทำไมซูซีไม่ไปขอโทษหลินจือ แต่เขาก็คิดแล้วพูดไปว่า:“ประธานซูซี ไม่ว่าคุณกับหลินจือจะมีความบาดหมางอะไรกัน แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราจริงๆ พวกเราจะปะทะอย่างรุนแรงไม่ได้”
“บริษัทอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยาโอจิเพิ่งจะก่อตั้งมา ถ้าถูกแจ้งแบบนี้ ต่อไปพวกเราจะไม่ได้หนังสักเรื่อง นั่นจะยิ่งอนาถไม่ใช่เหรอครับ?”
“ประนีประนอมตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะประนีประนอม พวกเราไปขอโทษก่อนแล้วก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที”
เนมาโน้มน้าวซูซีอย่างขมขื่น
ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าซูซีกับ瑶池จบเห่ไปแบบนี้ เขาก็ตกงานไม่ใช่เหรอ
“ฉันจะคิดดูอีกที”สุดท้ายซูซีก็พูดแบบนี้ เนมาเห็นแบบนี้จึงได้แต่ออกไป
ส่วนหลินจือในตอนนี้ กำลังอยู่บนเครื่องบินกับเทาเท่บินกลับเมืองเจสเวิร์ด
ทั้งสองไม่พูดอะไรตลอดทาง ลงจากเครื่องมาก็เทาเท่ให้จอนห์มารับที่เครื่องอยู่แล้ว
ตอนเขากับหลินจือลากกระเป๋าเดินทางไปที่ลานจอดรถ รถสีดำคันหนึ่งก็ค่อยๆจอดลงตรงหน้าพวกเขา
กระจกหลังรถลดลง หน้าของไกอาปรากฏตรงสายตาของเทาเท่กับหลินจือ
สำหรับไกอาอดีตพ่อตาคนนี้ หลินจือแปลกหน้าสุดๆ
ในความทรงจำเธอเหมือนจะเคยเห็นเขาแค่สามครั้ง และเป็นที่งานเลี้ยงตรุษจีน
ไกอาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตลอด แต่ก็ถือว่ายังมีความกตัญญู ตรุษจีนทุกปีเขาจะปรากฏตัวในงานเลี้ยงคืนวันก่อนตรุษจีน แต่วันถัดมาก็กลับแล้ว
อาหารค่ำที่เร่งรีบทั้งสามครั้ง หลินจือกับไกอาพูดจาก็ยังมีข้อจำกัดต่อกัน
และหลินจือก็รู้สึกได้เป็นอย่างดีว่า ไกอากับวีนาไม่ชอบเธอเหมือนกัน
เธอเคยบอกว่า ทั้งตระกูลฟอเรนามีแค่คุณท่านโอธนินที่จิตใจดีต่อเธอ
ตอนนี้เจอไกอาอีกครั้ง หลินจือก็อึดอัด ยังไงเธอก็หย่ากับเทาเท่แล้วนี่
เทาเท่เห็นไกอาก็ไม่มีปฏิกิริยาอย่างไร เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ไกอาที่ไม่กลับมาตลอดปีจู่ๆกลับมานั้นเพราะอะไร ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของพินอิน
ถึงจะบอกว่าไกอาไร้จิตใจสุดๆ แต่สุดท้ายแล้วพินอินก็ยังเป็นลูกสาวแท้ๆของเขา และถ้าพินอินเข้าคุกจริงๆ ก็จะส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูลฟอเรนา ดังนั้นชัดเจนมากว่า ไกอากลับมาเพื่อจะยุ่งเรื่องนี้
เทาเท่หันไปกำชับหลินจือที่อยู่ข้างๆ:“คุณนั่งรถของจอนห์กลับไป”
หลินจือพยักหน้า ตอนจะหันกลับก็ได้ยินไกอาพูดในรถว่า:“ในเมื่อเจอกันแล้ว หลินจือก็ไปกับพวกเราสิ”
หลินจือไม่พูด เทาเท่ก็ปฏิเสธแทนเธอ:“ไม่ต้องหรอกครับ”
จากนั้นเทาเท่ก็เอากระเป๋าเดินทางยัดใส่ท้ายรถ เปิดประตูแล้วขึ้นรถไป
หลินจือโล่งอก รีบไปหาจอนห์ที่ลานจอดรถ
เทาเท่นั่งเข้าไปในรถ ไกอาพูดเบาๆ:“ปกป้องเธอขนาดนี้เชียว?นั่งรถกับพวกเราแล้วจะยังไง?ฉันจะกินเธอได้เหรอ?”
เทาเท่ตอบกลับอย่างเฉยเมย:“เธอไม่สนิทกับพวกเรานัก”
ไกอาปรากฏตัวตอนนี้พอดี จะต้องไม่ใช่ไฟล์ทเขาที่ลงจอดเวลานี้พอดีแน่
จะต้องสืบไฟล์ทของเขากับหลินจือมาล่วงหน้า จงใจรอตรงนี้แน่ จงใจอยากเจอหลินจือ และก็จะกดดันหลินจืออย่างเงียบๆ เพราะยังไงคนที่ฟ้องพินอินก็เป็นหลินจือ
ไกอาโกรธเพราะคำพูดเขา:“เธอไม่สนิทกับฉันน่ะใช่ แต่ไม่สนิทกับแกด้วยเหรอ?ไม่สนิทกับแกแล้วพวกแกยังไปทำงานนอกสถานที่กันอีกเนี่ยนะ?”
เทาเท่ตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบอีกครั้ง:“ไปทำงานนอกสถานที่ด้วยกันหมายถึงว่าพวกเราสนิทกันเหรอ?ก็เพื่องานทั้งนั้น”
ไกอา:“……”
ลูกชายเขาคนนี้ฝึกความสามารถในการพูดไร้สาระหน้าตาเฉยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
พินอินโทรฟ้องเขาแล้ว บอกว่าลูกชายเขารักหลินจือภรรยาเก่าเน่า สุดท้ายเขาบอกว่าไม่สนิทกับหลินจือ?
ไกอาโกรธจนพูดไม่ออกสักพัก สองคนพ่อลูกก็เลยหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ไม่มีใครสนใจใครอีก
ไกอาอยู่กับลูกชายลูกสาวคู่นี้น้อยอยู่แล้วจนน่าสงสาร ตอนนี้ก็อยู่ต่างประเทศตลอดทั้งปี เลยไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับเทาเท่ที่จะพูดได้ โดยพื้นฐานแล้วความสัมพันธ์ของสองคนพ่อลูกก็ไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า
สำหรับวีนาที่เป็นแม่ บางครั้งเทาเท่ยังรู้สึกมีความรู้สึกอยู่บ้าง แต่สำหรับพ่อ น่าจะเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างหนึ่งทางชีวภาพเท่านั้น ความรู้สึกอื่นๆ ไม่มีเลยสักนิด
ดังนั้น เห็นตอนนี้ไกอากลับมาพยายามจะยุ่งเรื่องของพินอิน เทาเท่ก็รู้สึกรังเกียจอย่างมาก
เขาก็จะไม่ยอมให้ไกอาไปยุ่งอะไร!
ตอนนี้ไม่ว่าจะตระกูลฟอเรนาหรือฟอเรนากรุ๊ป ต่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ที่ไกอาจะไปพัวพันด้วยไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากพึ่งใบบุญเบลซ งั้นก็ต้องดูว่าเบลซมีความสามารถในการแทรกแซงหรือไม่