บทที่ 1444+1445

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1444+1445 Ink Stone_Romance

บทที่ 1444 การช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องเร่งด่วน

กลางเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีจวนว่าการอยู่หลังหนึ่ง มีสิ่งปลูกสร้างแน่นขนัดเป็นผืนใหญ่

ตอนที่พวกกู้ซีจิ่วทั้งสองมาถึง ไอหมอกของที่นั่นหนาเหมือนไอหม้อนึ่งแล้ว ท่ามกลางไอหมอกมีเสียงต่อสู้ดังแว่วปานห่าฝน…

“ไว่หู่ อย่ากลัว มีข้าอยู่ ไม่ปล่อยให้พวกมันทำร้ายเจ้าหรอก” น้ำเสียงบุรุษที่ใสกระจ่างสายหนึ่งดังขึ้น

“ทำไมข้ารู้สึกว่าพวกมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ?” น้ำเสียงหลานไว่หู่สั่นพร่าเล็กน้อย

“น่าจะเป็นเพื่อนร่วมฝูงของพวกมัน เร่งลงมือเถอะ ฆ่าหนึ่งตัวก็ลดลงไปหนึ่งตัว” เสียงบุรุษคนเดิมแว่วขึ้นอีก

“ไม่ถูกแล้ว! พวกมันแบ่งร่างได้!” น้ำเสียงของเยี่ยนเฉินทุ้มต่ำทรงกำลัง “ยิ่งซัดให้พวกมันแยกเป็นชิ้นๆ เท่าไหร่ จำนวนก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!”

“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?” น้ำเสียงของเชียนหลิงอวี่คล้ายจะสติแตกอยู่บ้าง “ไม่อาจรอให้ถูกขยำเพียงอย่างเดียวได้กระมัง?”

“ลองใช้ไฟเผาดู” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนเฉินเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้ น้ำเสียงสุขุม กระแสเพลิงสายหนึ่งผุดออกมา เสียงโหยหวนเสียดหูแว่วขึ้นในม่านหมอก

“หวา พวกมันกลัวไฟจริงๆ ด้วย เยี่ยนเฉิน ดีจริงๆ ที่มีเจ้า เร็ว! เร็วเข้า! ทุกคนใช้ไปกัน!” ในเสียงดังของจางฉูฉู่มีความตื่นเต้นที่ยากจะสะกดไว้ได้ “เผาแม่มันเลย!”

“ตะ…แต่ข้าใช้ไฟไม่ได้…” หลานไว่หู่ตื่นตระหนก

“ไม่เป็นไร เจ้าคอยติดตามข้าก็พอ” น้ำเสียงใสกระจ่างของบุรุษคนเดิมแว่วขึ้นอีกครั้ง

“…ได้”

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ พวกเขาอยู่ที่นี่หมดเลย!

เธอลากตี้ฝูอีทันที “พวกเราเข้าไปช่วยพวกเขากันเถอะ!” เรือนกายคนทั้งสองไหววูบ รีบพุ่งเข้าไปในม่านหมอกเสมือนดาวหาง

เพิ่งจะพุ่งไปถึงริมขอบหมอกทึบ จู่ๆ ตี้ฝูอีก็ดึงกู้ซีจิ่วไว้ “ถอยไป! ที่นี่เป็นเขตแดนหมอกพิษ!”

หลายปีมานี้กู้ซีจิ่วเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องเขตแดนมาจากตี้ฝูอีมากมาย ทราบว่าเขตแดนหมอกพิษประเภทนี้ไม่อาจผลีผลามสัมผัสได้ โดยทั่วไปแล้วในเขตแดนจะเป็นหมอกธรรมดา ส่วนเขตแดนที่เป็นหมอกบางๆ อยู่ด้านนอกนั้นกลับมีพิษยิ่งนัก มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงยิ่งกว่าน้ำกรดเข้มข้นเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดล้วนถูกมันหลอมละลายได้ในชั่วพริบตา

เขตแดนชนิดนี้พบเห็นได้ยากยิ่งนัก กู้ซีจิ่วเพียงรู้จักสิ่งนี้ ทว่าไม่รู้จักวิธีแก้

โชคดีที่ตี้ฝูอีรู้ เขาถือโอกาสถ่ายทอดความรู้ให้เธอไปด้วย “เขตแดนชนิดนี้เจ้าต้องโคจรพลังวิญญาณธาตุไม้…” เขาแสดงให้เธอดู จากนั้นก็ถอยหลังไป “มาสิ เจ้ามาทำลายดู!”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย การช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องเร่งด่วน สถานการณ์ด้านในอันตรายยิ่งนักแล้ว ยามนี้สิ่งแรกที่ควรทำคือช่วยชีวิตคน ในเมื่อเขาแก้ได้ แก้ด้วยตัวเองไปเลยไม่ได้หรือไง?

ทำไมต้องให้เธอที่เป็นมือใหม่มาทำลายสิ่งนี้ด้วย?

“ไม่ถูกสิ ถึงแม้พวกมันจะกลัวไฟ แต่ไฟกลับเผาพวกมันไม่ตาย!” เชียนหลิงอวี่คำราม

“มารดามันเถอะ ทำได้เพียงบีบให้พวกมันล่าถอยไปไม่กี่ก้าว ไม่อาจทำให้พวกมันบาดเจ็บได้เลย ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปพลังวิญญาณของพวกเราจะสูญสิ้นไปอย่างรวดเร็ว” จางฉูฉู่สบถด่า

“พวกเรายืนหยัดได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อแล้ว…” เสียงใสกระจ่างของบุรุษคนนั้นแฝงความตื่นตระหนกเอาไว้ “ครานี้เห็นทีว่าพวกเราทั้งหมดต้องสิ้นท่าอยู่ที่นี่เสียแล้ว…” ประโยคนี้ส่งผลให้เกิดความท้อแท้ยิ่งนัก สีหน้าของผู้คนที่ถูกขังไว้ซีดเซียวยิ่งกว่าเก่า ความสิ้นหวังเริ่มแพร่กระจายไปในกลุ่มคน

“ไม่หรอก! ข้าจะหาวิธีพาทุกคนฝ่าออกไป! ทุกคนอย่าตื่นตระหนก ยิ่งว้าวุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกสิ่งเหล่านี้เล่นงานได้ง่ายเท่านั้น” น้ำเสียงของเยี่ยนเฉินยังคงสุขุมเช่นเดิม เฉกเช่นเสาหลักกลางน้ำเชี่ยว ปลอบขวัญผู้คนที่ตื่นตระหนก

“หากว่า…หากว่าซีจิ่วอยู่ที่นี่ก็คงดี…” ในน้ำเสียงของหลานไว่หูมีความคะนึงหาอาลัย “ถ้านางอยู่ต้องมีวิธีแน่นอน”

“เวลาเช่นนี้เจ้าก็อย่าเอาแต่รำพึงรำพันถึงนางเลย ไว่หู่ หากมิทราบว่ากู้ซีจิ่วเป็นสตรีนางหนึ่ง เจ้าเอาแต่พร่ำเพ้อหานางอยู่ทุกสามวันสองวันเช่นนี้ข้าคงหึงหวงไปแล้ว…” น้ำเสียงใสกระจ่างของบุรุษคนนั้นแฝงความเหลืออดไว้รางๆ

———————————————————————

บทที่ 1445 เจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!”

“ชีวิตจะหาไม่อยู่แล้ว ยังจะมาหึงหวงอีก!” น้ำเสียงจางฉูฉู่ยิ่งหงุดหงิด

“จางฉูฉู่ เจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!” บุรุษน้ำเสียงใสกระจ่างคนนั้นไม่สบอารมณ์

“มารดามันเถอะ หลานเยวี่ย แม่เฒ่ามีสิทธิ์จะพูด เจ้าไม่สบอารมณ์แล้วจะทำไม? ทำตัวจุกจิกเหมือนพวกผู้หญิงไปได้!” จางฉูฉู่โมโหแล้ว

“หุบปากให้หมด!” เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงต่ำ น้ำเสียงเย็นชา

คนของที่นี่ล้วนยังคงค่อนข้างกริ่งเกรงเขา ด้วยเหตุนี้จึงหุบปากลงในที่สุด

….

กู้ซีจิ่วได้ยินความเคลื่อนไหวด้านในได้ แต่เห็นได้ชัดว่าด้านในไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวของด้านนอก กู้ซีจิ่วตะโกนเข้าไปด้านในสองคราแล้ว ด้านในไม่มีคนตอบรับกลับมาเลย มีเพียงเสียงต่อสู้เสียงกรีดร้องของสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูรวมถึงเสียงเพลิงเผาไหม้

ตี้ฝูอีไม่ยอมทำลายเขตแดนนี้ด้วยตัวเอง กู้ซีจิ่วทำได้พียงลงมือด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นห่วงคนด้านใน มือของเธอจึงสั่นเล็กน้อย

และการต่อสู้ด้านในก็ใกล้จะถึงจุดเดือดแล้ว

ในบรรดาคนกลุ่มนี้วรยุทธ์ของหลานไว่หู่ถือว่าอ่อนด้อยที่สุด และสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูก็เสาะหาผู้ที่อ่อนแอยิ่งนัก ในสิบตัวมีอยู่ห้าตัวที่พุ่งเข้าโจมตีนาง

นางพยายามระงับความปรารถนาจะกรีดร้องเอาไว้อย่างสุดกำลัง นางมีพลังวิญญาณธาตุน้ำ ตรงข้ามกับพลังวิญญาณธาตุไฟที่ทุกคนสำแดงออกมา เมื่อสำแดงออกมาก็ได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ดังนั้นนางจึงใช้กระบี่ในการต่อสู้

สัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูเหล่านี้ไม่อาจใช้กระบี่ฟันให้ขาดเป็นสองท่อนได้ ดังนั้นนางจึงใช้สันกระบี่ ทำให้การตอบโต้ยากเย็นกว่าปกติ

ในการต่อสู้อันดุเดือด สัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูตัวหนึ่งฝ่าแนวป้องกันของนางเข้ามาได้ แสยะเขี้ยวยาว โผเข้าใส่นางจากด้านหลัง เกือบจะกัดลำคอของนางแล้ว นางกำลังรับมือกับอีกสองตัวที่อยู่ด้านหน้า จึงสกัดกั้นตัวที่อยู่ด้านหลังนี้ไม่ทัน อดไม่ได้ที่จะหวีดร้องออกมา “หลานเยวี่ย!”

หลานเยวี่ยอยู่ห่างจากนางไปเพียงก้าวเดียวไม่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ได้ทันกาล ตัวเขาเองกำลังถูกสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูตัวหนึ่งโจมตีอยู่ ไม่อาจแยกร่างได้

เป็นเยี่ยนเฉินที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง ดึงหลานไว่หู่ไป สัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูตัวนั้นจึงกัดไม่โดนคอของหลานไว่หู่ ทว่าถูกแขนของเยี่ยนเฉินเข้า…

เขี้ยวยาวแหลมคมยิ่งกว่ากระบี่ล้ำค่า แทงเข้าที่แขนเยี่ยนเฉินจนเกิดบาดแผล

เห็นได้ชัดว่าการถูกสิ่งนี้ทิ่มเข้าเจ็บปวดยิ่งนัก แขนเยี่ยนเฉินสั่นสะท้านเล็กน้อย สีหน้าพลันขาวซีด ทว่ายังคงยืนหยัดสำแดงกระแสเพลิงสายหนึ่งออกมา บีบให้สัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูตัวนั้นล่าถอยไป!

หลานไว่หู่รอดพ้นจากความตาย ใบหน้าพริ้มเพราซีดเผือด มองเยี่ยนเฉินแล้วเอ่ยย่างติดๆ ขัดๆ อยู่บ้าง “ขะ…ขอบคุณมาก”

สีหน้าเยี่ยนเฉินราบเรียบ น้ำเสียงก็เรียบเฉย “ไม่ต้องเกรงใจ” พลันหันหลังไป กลับไปประจำตำแหน่งของตัวเขาอีกครั้ง

ดวงตาของหลานไว่หูฉายแววโศกหมองแวบหนึ่ง หลานเยวี่ยเพิ่งมาถึงข้างกายนางในยามนี้เอง “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”

หลานไว่หู่ส่ายหน้า “ไม่…ไม่เป็นไร”

ดวงตาคู่โตของนางจ้องแขนข้างที่บาดเจ็บของเยี่ยนเฉินอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ตรงนี้มีโลหิตสดๆ หลั่งริน อาบย้อมแขนเสื้อของเยี่ยนเฉินให้เป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เยี่ยนเฉินจี้ดี้ดัชนีลงบนแขนต่อเนื่องกันหลายครั้ง ก็ไม่อาจห้ามเลือดได้ ทำได้เพียงทำให้โลหิตไหลช้าลงเล็กน้อย

เห็นได้ชัดเจนยิ่งนัก เมื่อถูกเจ้าสิ่งนี้กัดเข้าเลือดจะไหลไม่หยุด

และในการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ เยี่ยนเฉินก็มีเวลามาจัดการมัน เขายังคงบัญชาการการต่อสู้อยู่เช่นเดิม

เงาร่างวูบไหวไม่หยุดนิ่ง บางครั้งก็เข้าช่วยเหลือสหายคนอื่นที่ตกอยู่ในอันตราย…

เนื่องจากหลานเยวี่ยเริ่มติดตามอยู่ข้างกายนางอย่างใกล้ชิด สัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูเหล่านั้นจึงไม่หมายตาบุปผาบอบบางเช่นหลานไว่หู่อีก ความสนใจทั้งหมดของพวกมันหันเหไปที่เยี่ยนเฉิน

ที่นี่เยี่ยนเฉินมีพลังยุทธ์สูงที่สุด ยามนี้บาดเจ็บจากการกัดของพวกมันแล้ว กำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด ดื่มเลือดของเขาสักอึกบำรุงกำลังได้มากกว่าดื่มเลือดของมนุษย์คนอื่นนัก!

ด้วยเหตุนี้สัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูเหล่านี้จึงเริ่มล้อมวงโจมตีเยี่ยนเฉิน หนาแน่นปานห่ากระสุน

—————————————————————-