บทที่ 1446+1447

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1446+1447 Ink Stone_Romance

บทที่ 1446

คนอื่นๆ ก็ถูกสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูล้อมไว้หมดแล้วเช่นกัน ฝ่าออกมาช่วยเหลือไม่ได้ชั่วขณะ

สีหน้าเยี่ยนเฉินซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ ตัวคนเดียวไม่อาจปัดป้องได้ ถูกเขี้ยวของสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูตัวหนึ่งงับเข้าที่ขาอีกครั้ง เขาซวนเซทันที แทบจะล้มคว่ำไป ส่วนสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูตัวอื่นๆ ก็ฉวยโอกาสรุมเข้ามา คมเขี้ยวเสมือนตะปูนับไม่ถ้วนส่องประกายอยู่รอบกายเยี่ยนเฉิน…

“เยี่ยนเฉิน!” หลานไว่หู่ร้องตะโกนออกมาทันที พุ่งเข้ามาอย่างไม่สนใจความเป็นความตาย ทะยานไปที่ร่างของเยี่ยนเฉิน ไม่น่าเชื่อว่าพละกำลังของนางจะมากมายนัก อีกทั้งเยี่ยนเฉินก็ไม่ทันได้ระวัง ถูกนางโผใส่จนล้มลงบนพื้น หลานไว่หูเกาะแน่นดุจปลาหมึก พยายามใช้ร่างกายปกป้องเขาอย่างสุดชีวิต

เยี่ยนเฉินตกใจจนหน้าถอดสี เขาไม่อาจลุกขึ้นได้ทันชั่วขณะ ทำได้เพียงเบิกตามองคมเขี้ยวนับไม่ถ้วนที่ส่องประกายเย็นเยียบของสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูพุ่งเข้าใส่ด้านหลังหลังนาง จะทิ่มแทงเข้าสู่แผ่นหลังนาง!

‘ปัง!’ ในอากาศมีเสียงเหมือนลูกโป่งแตกแว่วขึ้น เงาร่างสองสายพุ่งทะยานเข้ามา ตามมาด้วยลำแสงที่คล้ายเมฆาเพลิงกลุ่มหนึ่ง โอบล้อมสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูทั้งหมดที่โจมตีใส่ด้านหลังของหลานไว่หูไว้ในเมฆาเพลิงนั้น…

เห็นได้ชัดว่า ‘เมฆาเพลิง’ นี้เป็นดาวพิฆาตของสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปู ทุกตัวที่ถูกล้อมไว้ด้านในถูกเผาจนมอดไหม้เป็นจุณกระจัดกระจายหายไป…

เยี่ยนเฉินอาศัยจังหวะนี้กอดหลานไว่หู่ไว้แล้วกลิ้งอย่างรวดเร็ว พลางกระโจนลุกขึ้นมา วางหลานหู่ลง ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สายตาร่อนลงบนร่างสตรีที่พุ่งข้ามา เอ่ยโพล่งออกไป “ซีจิ่ว!”

เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป สมองของหลานไว่หู่ยังคงมึนงงอยู่ เมื่อได้ยินวาจานี้ของเยี่ยนเฉิน ร่างกายนางก็แข็งทื่อไปเช่นกัน เหลียวมองทันที สายตาร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง ตะโกนด้วยความยินดี “ซีจิ่ว!” แทบจะโผเข้าไปแล้ว!

ซีจิ่ว!”

ซีจิ่ว!”

หลายเสียงดังขึ้นเป็นทอดๆ เชียนหลิงอวี่ จางฉูฉู่ ล้วนตะโกนออกมาด้วยความยินดีเช่นกัน หากมิใช่ว่าทุกคนกำลังถูกสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูล้อมไว้ คงห้อมล้อมเข้ามาแทบทุกคนแล้ว

กู้ซีจิ่วกวาดตามองอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง หลานไว่หู เยี่ยนเฉิน จางฉูฉู่พวกเขาล้วนออยู่กันครบ ยังมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาองอาจที่ไม่รู้จักอยู่ด้วยคนหนึ่ง เป็นคนที่ชื่อว่าหลานเยวี่ยแน่นอน

เยี่ยนเฉินได้รับบาดเจ็บ สีหน้าขาวซีดจนค่อนข้างน่ากลัวแล้ว คนอื่นๆ ถึงแม้จะเลอะเทอะมอมแมม แต่โชคดีที่ร่างกายไม่มีบาดแผล…

เดิมทีขวัญกำลังใจของทุกคนตกต่ำ ความสิ้นหวังท่วมท้นดวงใจ บัดนี้พอได้เห็นกู้ซีจิ่วนัยน์ตาของทุกคนกลับโชนแสงขึ้นมา ขวัญกำลังใจทวีขึ้นอย่างล้นหลาม!

พวกเขาต่อสู้จนมือเท้าอ่อนแรงแล้ว ยามนี้กลับคล้ายว่าอาศัยพละกำลังที่เกิดขึ้นมาจากอากาศ เร่งเข่นฆ่าอย่างสุดกำลัง พยายามอย่างเต็มที่ด้วยอยากออกมาสบทบกับกู้ซีจิ่ว

รอบกายยังมีสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูนับร้อยล้อมโจมตีอยู่ ยามนี้กู้ซีจิ่วย่อมไม่สนใจจะพูดอะไรมากนัก เรือนกายไหววูบ พุ่งไปที่ข้างกายเยี่ยนเฉินก่อน ล้วงโอสถขวดหนึ่งออกมาแล้วโยนให้เขา “ใช้ยาห้ามเลือดก่อน”

เยี่ยนเฉินรับขวดยามา ด้านในเป็นน้ำยาเนื้อข้น เขาทาลงบนบาดแผลเล็กน้อย โอสถของกู้ซีจิ่วแตกต่างจากโอสถทั่วไปจริงๆ ทาลงไปแทบไม่ถึงครึ่งนาทีโลหิตก็หยุดไหลแล้ว…

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลันเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาโตคู่นั้นของหลานไว่หูเข้าพอดี

ทั้งสองคนสบตากัน เยี่ยนเฉินรีบละสายตาทันที ไม่มองนางต่อ ไปเป็นกำลังหนุนให้จางฉูฉู่

หลานไว่หูหลุบตาลง นิ้วมือกำแน่นเล็กน้อย

หลานเยวี่ยลากนางมาข้างกายทันที สีหน้าไม่น่ามองยิ่งนัก “เจ้าบ้าไปแล้ว!”

ใบหน้าพริ้มเพราของจิ้งจอกน้อยซีดขาวไม่พูดอะไรออกมา สายตาของนางหันเหไปยังร่างตี้ฝูอีที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกู้ซีจิ่วอยู่ พลันแข็งทื่อไป “เขา…เขาคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”

ยามนี้ถึงแม้ตี้ฝูอีจะสวมอาภรณ์สีม่วงอยู่ ทว่าไม่ได้อยู่ในชุดอันเป็นเอกลักษณ์ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย และไม่ได้สวมหน้ากากไว้ ดังนั้นเริ่มแรกทุกคนจึงจำเขาไม่ได้

——————————————————————

บทที่ 1447 หลายปีนี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?

ความสามารถของหลานไว่หู่ถึงแม้จะไม่นับว่าแข็งแกร่งนัก ทว่ากลับมีความสามารถในการจดจำคนได้อย่างน่าประหลาด ยามนี้หลังจากนางสงบใจได้แล้ว เมื่อมองตี้ฝูอีเพียงแวบเดียวก็จดจำเขาได้ทันที

เสียงนี้ของหลานไว่หู่ทำให้คนที่เหลือตัวแข็งทื่อไปด้วย พากันถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิได้นัดหมายทุกคนต่างระแวดระวัง

ยังคงเป็นจางฉูฉู่ที่อดไม่อยู่ตะโกนออกมา “ซีจิ่ว ระวังนะ!”

เสียงนี้ย่อมเป็นการเตือนให้กู้ซีจิ่วระวังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ข้างกายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…

ตี้ฝูอีฉลาดระดับไหนแล้ว ย่อมทราบว่าวาจานี้ของนางสื่อถึงตน มุมปากยกขึ้นอย่างอดไม่อยู่แวบหนึ่ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกผู้อื่นระแวดระวังดั่งหัวขโมยเช่นวันนี้

เขาเชื่อว่าหากมิใช่รอบกายยังมีสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูห้อมล้อมอยู่ คนเหล่านี้จะต้องกระโจนเข้ามาลากกู้ซีจิ่วไปอยู่ในกระบวนค่ายของพวกเขาทันที ให้อยู่ห่างจากตัวเขาตี้ฝูอี

ต่อให้เป็นเช่นนี้ สายตาระแวงของคนเหล่านี้ก็ยังจับจ้องอยู่บนร่างของกู้ซีจิ่ว หวาดหวั่นว่าเขาจะปองร้ายกู้ซีจิ่วขึ้นมากะทันหัน

เพียงแต่ สายตาของพวกเขาถูกลำแสงยามที่คนทั้งสองสังหารสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูเคียงข้างกันดึงดูดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว

บางครั้งทั้งสองก็เหินทะยานเคียงข้างกัน บางครั้งก็หันหลังชนกัน ประกายเพลิงไม่ขาดไปจากมือ กระแสเพลิงทุกสายล้วนก่อตัวเป็นเมฆาเพลิง เมฆาทุกก้อนโอบล้อมสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูไว้เจ็ดแปดตัว…

ท่าร่างของทั้งสองปราดเปรียวว่องไว แทรกซึมไปทั่ว ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ท่ามลางสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปู รอบกายรายล้อมด้วยเมฆาเพลิงแดงฉาน เสมือนตัวคนล่องลอยอยู่กลางเมฆา น่ามองยิ่งนัก

เมื่อครู่ทุกคนถูกสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูเหล่านี้ล่าสังหารอย่างจนตรอกยิ่งนัก บัดนี้เมื่อได้เห็นพวกมันค่อยๆ มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี ย่อมรู้สึกสาแก่ใจ หลานไว่หู่ จางฉูฉู่ยิ่งอดใจไม่อยู่ปรบมือพลางโห่ร้องยินดี “เยี่ยมเลย!”

“เผาเลย! เผาไอ้ตัวบัดซบพวกนี้ให้ตายเลย!”

เนื่องจากทุกคนไม่รู้จักคาถาเมฆาล่องแดนสรวงนี้ จึงช่วยเหลืออะไรไม่ได้เป็นธรรมดา

เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูเหล่านั้นโจมตีอีก เยี่ยนเฉินจึงให้ทุกคนมารวมตัวกัน สตรีกับผู้ที่มีพลังวิญญาณต่ำให้อยู่วงใน เขากับเชียนหลิงอวี่อยู่วงนอกสุด คอยใช้ไฟโจมตีสัตว์ร้ายเขี้ยวตะปูที่เหินบินเข้ามาเป็นครั้งคราว…

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม สัตว์เขี้ยวตะปูทั้งหมดล้วนหายไปแล้ว ไอหมอกก็สลายไปแล้วเช่นกัน

ทุกคนรอดพ้นจากความตาย ในที่สุดก็ถอนหายใจเหยียดยาวด้วยความโล่งอก

สายตาของทุกคนล้วนร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอี เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างสับสนงงงันกันไปหมด อยากล้อมวงเข้ามาพูดคุยแต่อีกใจก็ยังระแวดระแวงอยู่

เชียนหลิงอวี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ตัดสินใจไม่มองตี้ฝูอี เอ่ยถามกู้ซีจิ่วตรงๆ “ซีจิ่ว หลายปีนี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา? ทุกคนแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาแล้วนะ”

“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนล้วนถูกส่งออกไปตามหาเจ้า อาจารย์ใหญ่กู่ก็ส่งสายสืบทั้งหมดของสำนักออกไปเหมือนกัน…”

“ซีจิ่ว วรยุทธ์ของเจ้าก้าวหน้าเร็วเหลือเกิน!”

“ซีจิ่ว…” ทุกคนพากันเปิดปากพูด ถามคำถามนับไม่ถ้วนที่อยู่ในใจ ทว่าจงใจเมินเฉยต่อตี้ฝูอีไปเสีย

หลานไว่หูเป็นห่วงสหายสนิท ทำใจกล้าก้าวเข้าไป คล้องแขนกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เจ้ามานี่สิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า…”

นางพยายามลากกู้ซีจิ่วออกห่างจากข้างกายตี้ฝูอี

กู้ซีจิ่วย่อมทราบว่าพวกเขาพะวงสิ่งใด จึงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ย้ายที่ ตบมือน้อยของหลานไว่หูเบาๆ ส่งสัญญาณให้นางสงบไว้ กวาดตามองทุกคนรอบหนึ่ง สายตาหยุดอยู่ที่ร่างหลานเยวี่ย “ท่านนี้คือ?”

ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง หน้าค่อนข้างซับซ้อน เป็นจางฉูฉู่ที่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เขาเป็นสหายร่วมสำนักที่เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มาเมื่อห้าปีก่อน และเป็นคู่หมั้นของไว่หู่ด้วย”

กู้ซีจิ่วใจหายวาบ ก่อนหน้านี้ตอนเธออยู่ข้างนอกได้ยินบทสนทนาด้านในอย่างขาดๆ หายๆ ทราบเพียงว่าระหว่างหลานไว่หู่กับเยี่ยนเฉินไม่ปกติ กลับนึกไม่ถึงว่าหลานไว่หู่จะมีคู่หมั้นแล้ว เช่นนั้นเยี่ยนเฉินเล่า?

————————————————————-