ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1449 – กลับบ้าน

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เตรียมอาหารไว้มากมาย หลากหลายอย่างเพื่อฉลองในการพบหน้ากัน หลังจากนั้นชิงสุ่ยนั้นได้ใช้เวลาที่เหลือในการฝังเข็มเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้พวกเขา

 

เช่นเดียวกันในตอนนี้ภรรายาของพ่อของเขานั้นมีความแข็งแกร่งรากฐานที่มั่นคงอย่างมากชิงสุ่ยสามารถคาดการณ์ได้ว่าเธออาจจะเป็นผู้สืบทอดของชายชราก็ได้ในอนาคต

 

โดยปกติการสืบทอดจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของเดิมใกล้ตายหรือถ่ายทอดให้คนเหล่านั้น แต่อย่างก็ตามผู้ที่ถ่ายทอดมรดกจากพระเจ้าไปนั้นจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลง เช่นเดียวกันในตอนนี้ถ้าชายชราถ่ายทอดมันให้กับเธอความเข็งแกร่งของเขาก็จะลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง

 

สำหรับผู้บ่มเพาะความแข็งแกร่งคือทุกๆอย่าง หากความแข็งแกร่งของพวกเขาจางหายไป นั้นก็ไม่ต่างกับชีวิตของพวกเขาที่สูญเสียไป

 

ในตอนนี้เหยียนจงเยว่นั้นได้รับการฝังเข็มเป็นคนถัดไปรากฐานของเขานั้นมีความคล้ายคลึงกับหญิงสาวคนก่อนหน้านี้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เรียนทักษะเพลงดาบของชายชรามาอีกด้วยแต่น่าเสียดายที่เขานั้นไม่ใช่ผู้ที่ตะได้รับสืบทอดมรกดแห่งพระเจ้า

 

ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้รับการสืบทอดมาโดยตรงทั้งหมด แต่เธอนั้นก็ได้รับมันมาทางสายเลือดของเธอ

 

แต่ในตอนนี้อายุไขของชายชราก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก  ในตอนนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องสืบมรดกของเขาให้กับเธอ ในช่วงก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เวลาอย่างมากในการเตรียมพร้อมอย่างน้อยก็สองปีก่อนที่เขาจะสืบทอดมันออกไป

 

ในตอนนี้อายุไขของเขานั้นเพิ่มขึ้น มันทำให้ทุกๆคนนั้นมีความสุขอย่างมาก ชายชรานั้นเป็นดังเสาหลักของครอบครัวและเป็นเสาหลักของจักรวรรดิเหยียนที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นที่หวาดกลัวของศัตรู

 

การที่มีคนชราคนนี้อยู่ชิงสุ่ยรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก  ถ้าไม่มีเขาอยู่มันอาจทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกกังวลมากกว่านี้ ถึงแม้ตอนนี้ชายชราจะไม่สามารถรับมือกับผู้นำของกลุ่มมังกรอหังกาลได้ แต่อย่างน้อยชิงสุ่ยก็รู้สึกปลอดภัยที่เขาอยู่ใกล้ๆ

 

วันนี้ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะพักที่นี้และค่อยเดินทางกลับในวันรุ่งเช้า ในตอนนี้ชายชราและผู้หญิงคนนั้นได้นำสิ่งของมามอให้กับชิงสุ่ย  เมื่อมองไปพวกมัน เขาไม่ลังเลเลยที่จะหยิบพวกมันขึ้นมา  ส่วนใหญ่พวกมันนั้นเป็นสมุนไพรที่มีอายุมากกว่าหนึ่ง 10,000 ปีอย่างน้อยที่สุดก็10,000 ปี

 

เมื่อชายชรารู้ว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นนักปรุงยา และหมอ  มันทำให้เขานั้นรู้ดีว่าเขารู้ดีมันจะมีปะโยชน์อย่างมากหากสมุนไพรเหล่านั้นอยู่ในมือของเขา อีกอย่างหนึ่งมันนั้นแทบจะไร้ประโยชน์หากอยู่กับเขา

 

…………

 

ในตอนดึกชิงสุ่ยไม่ได้รบกวนพ่อของเขาแลครอบครัว เขาจึงปลีกตัวออกไปและเข้าไปสู่ในดินแดนหยก

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้จัดเรียงสมุนไพรที่พึ่งได้รับมาจากชายชรา ขณะที่เขาสามารถระบุได้ว่าบางชนิดนั้นเป็นตัวยาสำคัญในการยาเม็ดสวรรค์หยางและยาเม็ดอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องใช้สมุนไพรอีกสักจำนวนหนึ่งในกลั่น

 

ในเวลาที่เหลือชิงสุ่ยได้ทำการฝึกฝนทักษะเสียงสัมผัสแห่งพระเจ้า!

 

การบ่มเพาะทักษะดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถึงอย่างไรมันไม่ถึงเรื่องง่าย ในเวลานี้เขาเริ่มทำการบ่มเพาะเขานั้นแทบไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย โดยไม่ช้าสองเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป

 

ในตอนนี้ดวงตาของเขาค่อยๆเปิดขึ้น ขณะที่เขาถอนหายใจออกมา ในครั้งก่อนหน้านี้เขารู้ดีว่าทักษะดังกล่าวของเขานั้นมีประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้มันยังเป็นทักษะสนับสนุนที่ทรงพลังอย่างมาก ในรอบ100ลี่รอบๆตัวของเขา ชิงสุ่ยนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณและสิ่งต่างๆรอบๆตัวของเขาได้

 

ถึงแม้ในตอนนี้ผู้บ่มเพาะระดับบัญชาสวรรค์พินาศก็มิอาจทำได้เช่นเดียวกับที่ชิงสุ่ยทำ ถึงแม้พวกเขาจะมีสัมผัสการทองเห็นที่ดีเยี่ยมมากกว่าคนอื่นๆ แต่นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริงเสียทั้งหมดต่างกับสัมผัสที่เกิดขึ้นทางเสียง

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มคิดถึงทักษะต่างๆ และแล้วชิงสุ่ยก็นึกถึงทักษะทวิบ่มเพาะของเขา มันทำให้เขานึกถึงเวลาที่เขาได้ใช้รวมประมุขอสูรชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมา  มันคงเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าเธอนั้นสามารถย้ายมาหรือสร้างสาขาย่อยที่จักรวรรดิเหยียนแห่งนี้ พวกเธอนั้นจะได้กลายเป็นผู้พิทักษ์จักรวรรดิแห่งนี้อีกด้วย

 

สำหรับกลุ่มมังกรอหังกาลนั้นพวกเขานั้นจัดได้ว่าเป็นขั้วอำนาจที่อยู่ในชั้นนำในทวีปแห่งนี้ และพวกเขาก็จัดได้ว่าเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุดสำหรับชิงสุ่ยและคนอื่นๆในตอนนี้  ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องกำจัดผู้นำของกลุ่มมังกรอหังกาลก่อนในตอนนี้ เพื่อเป็นการลดอำนาจของกลุ่มมังกรอหังกาลและเป็นการสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง

 

….

 

ในวันที่สองชิงสุ่ยและเหยียนจงเยว่ ได้บอกล่าคนอื่นๆ ก่อนที่จะออกเดินทางกลับไปที่ทวีปวิหกเพลิงร่ายระบำในทันที

 

ในความเป็นจริงระยะทางระหว่างทั้งสองนั้นไม่ได้ไกลมากมายนัก แต่ถึงอย่างไรพื้นที่บริเวณด้านล่างนั้นก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่าจึงทำให้มันดูห่างไกลเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมาก  แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันในการเดินทาง

 

ดังนั้นชิงสุ่ยจึงได้ตัดสินในใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุออกมาในตอนนี้ เนื่องจากเขาได้วางมันไว้ที่เมืองฮี่หวงตัวหนึ่ง

 

ความสามารถนี้ทำให้เหยียนจงเยว่นั้นตกตะลึงอย่างมาก แม้ว่าเขาจะพบว่าสิ่งต่างที่ชิงสุ่ยทำได้ในสองวันที่ผ่านมามันนั้นหน้าประหลาดใจอย่างมาก แต่เขาไม่เคยคิดที่จะเอยถามออกมา  เขาได้แค่ชื่นชมในตัวของลูกชายของเขาในตอนนี้

 

หอคอยจักรพรรดิ!

 

ที่แห่งนี้นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย แม้แต่ยามที่เฝ้าประตู เมื่อเห็นชิงสุ่ยเดินทางกลับมา พวกเขารีบออกมาตอนรับและกล่าว “ท่านหมอเชิญ เข้าไปข้างใน”

 

“ท่านหมอชิงสุ่ยกลับมาแล้ว?”

 

“ขอรับ!”

 

ชิงสุ่ยและเหยียนจงเยว่ เงยหน้าขึ้นไปและมองไปที่ต้นกำเนิดของเสียง มันเป็นเสียงของชายชรา  ชายวัยกลางคน และคนอื่นๆ

 

หนึ่งในนั้นคือเหยาชูบิง ก็อยู่ที่แห่งนี้ด้วย เขาได้ยิ้มออกมาและกล่าวทักทายชิงสุ่ยในเวลาเดียวกัน

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ แนะนำเหยียนจงเยว่ ให้รู้จักกับหมอปิศาจ  ตอนนี้หมอปิศาจนั้นก็เป็นดังเหมือนพี่น้องในสายเลือดกับชิงสุ่ยแล้ว ดังนั้นเขาจึงสุภาพเหยียนจงเยว่อย่างมากและเรียกเขาว่า “ท่านลุง!”

 

ด้วยความสามารถของเหยียนจงเยว่และท่าทางของเขาทำให้เขานั้นได้รับความนับถือและสนใจย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของทำให้มีหลายๆคนนั้นคิดว่าเขานั้นดูเด็กกว่าหมอปิศาจเสียอีก

 

แต่ด้วยความสัมพันธ์ของชิงสุ่ยและหมอปิศาจจึงทำให้มีหลายๆคนนั้นพอที่จะเข้าใจได้

 

ลูกชายของลี่จี๋ และ หมอปิศาจนั้นได้อยู่ที่นี่ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้แนะนำให้เขารู้จักกับพวกเขา ถึงอย่างพวกเขานั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก ในขณะนี้พวกเขาได้ออกเดินทางต่อเพื่อกลับไปที่ตระกูลชิง

 

ย่างก้าวเก้าเทวา!

 

ด้วยย่างก้าวเก้าเทวา ทำให้การเดินทางของพวกเขานั้นรวดเร็วอย่างมาก การเดินทางยังคงเร็วมาก และด้วยระดับที่เพิ่มขึ้นทำให้พวกเขานั้นสามารถลดระยะทางการเดินทางได้อีกมากมาย นอกจากนี้ด้วยความเร็วของวิหกเพลิงยิ่งทำให้การเดินทางของพวกเขาสะดวกยิ่งขึ้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าตอนนี้พ่อของเขานั้นกำลังรู้สึกได้ว่าจิตใจพ่อของเขานั้นกำลังอ่อนไหวอย่างมาก แต่เขาสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น เพื่อเป็นการผ่อนคลายชิงสุ่ยจึงได้เล่าเรื่องของตัวเขาเอง รวมถึงลูกๆของเขา นอกจากนี้เขายังเกี่ยวกับเรื่องชิงชิงที่ได้แต่งงานออกไปแล้ว

 

ตระกูลชิง!

 

ในตอนนี้ตระกูลชิงทั้งหมดได้ถูกย้ายมาอยู่ที่นี้แล้ว ไม่ว่าจะลูกๆของเขาหรือพี่น้องทุกๆคนทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว

 

ในเวลานี้เด็กๆทั้งหมดกำลังเล่นอยู่ที่ลานหน้าบ้าน โดยมีชิงชิงเป็นคนคอยดูแลอยู่ นอกเหนือจากนั้นยังมีลิ่วลี่ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเธออย่างมีความสุข  เมื่อเหยียนจงเยว่เห็นชิงชิงที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเป็นนาน แม้ว่าเธอนั้นจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เธอก็ยังคงเหมือนเดิมเมื่อตอนที่ยังเยาว์วัย

 

ตอนนี้ชิงชิงเหมือนจะรู้สึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา และเหลือบมองออกไป มันทำให้เธอเห็นชิงสุ่ยที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่ยิ้มออกมาและเดินไปหาเขาด้วยคความสุข  ในตอนนั้นเองเธอได้เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่คุ้นเคย มันทำให้ปากของเธอนั้นสั่นสะท้านออกมา ก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมาจากดวงตาที่งดงามของเธอ ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปหาเขา

 

เช่นเดียวกับดวงตาของเหยียนจงเยว่ที่กำลังหรังน้ำตาออกมา

 

เขาค่อยๆเดินอย่างช้าๆเข้าไปหาเธอ!

 

“ท่านพ่อท่านเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเธอเห็นพ่อของเธอ เธอรีบวิ่งไปกอดเขาในทันที ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปนานหลายสิบปีแต่เธอนั้นก็ไม่เคยลืมใบหน้าของพ่อของเธอเลยแม้แต่น้อย

 

“ชิงเอ๋อ พ่อไม่ควรเป็นพ่อของเจ้าเลย  ไม่สมควรที่เจ้าจะเรียกข้าว่าพ่อ พ่อล้มเหลวอย่างมากในการเป็นพ่อของเจ้า “เขาก่อนกอดลูกสาวของเขาขณะที่เขาร้องไห้ออกมา เขาไม่สามารถระงับน้ำตาได้อีกต่อไปในตอนนี้

 

นี้เป็นเวลามากกว่า 30 ปี ที่พวกเขาจากกัน มันทำให้พวกเขานั้นรู้สึกคิดถึงและโหยหากันอย่างมาก ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจากกันนั้นก็คือครั้งที่ชิงชิงได้ข่าวว่าพ่อของเธอนั้นตายลงไปแล้ว มันทำให้เธอนั้นเสียใจอย่างมาก

 

“อย่าพูดเช่นนั้นเลย ท่านพ่อข้าคิดว่าชีวิตนี้ของข้าจะไม่ได้พบเจอกับท่านอีกแล้ว”เธอกล่าวออกมาพร้อมร้องไห้เบา ๆ

 

ในตอนนี้ลิ่วลี่ค่อยเดินออกไปและยืนข้างๆชิงสุ่ย เธอนั้นไม่เคยรู้เรื่องพ่อของชิงสุ่ยมาก่อน แต่ถึงอย่างไรเธอก็พอที่จะคาดเดาเรื่องราวต่างๆได้ในตอนนี้ แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็ไม่คิดว่าเขาจะปรากกฎตัวออกมาในตอนนี้

 

ตอนนี้ชิงชิงนั้นไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาได้อย่างไร เธอนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความห่วงหาและเศร้าโศกทั้งหมดในเวลาเดียวกัน นั้นเพราะพ่อของเธอนั้นเป็นคนที่ดูแลมาตลอดก่อนที่เขาจะหายตัวไป ยิ่งไปกว่านี้เธอนั้นยังคิดว่าเขาได้ตายลงไปเสียแล้ว มันทำให้เธอนั้นไม่เคยเตรียมใจที่จะได้พบเจอกับเขาอย่างในทุกๆวันนี้

 

ในเวลานี้ทุกคนของตระกูลชิงก็ได้เดินออกมาข้างนอก ในตอนนั้นเองชิงสุ่ยเห็นแม่และปู่ของเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินไปเข้าไปทักทายพวกเขา

 

ในตอนนั้นเองเหยียนจงเยว่หันไปมองทางทิศของชิงสุ่ย และพบเจอกับชิงอี่ ความรู้สึกมากมายได้ถาโถมเข้ามาในใจของเขา มันทำให้เขานั้นรู้สึกเสียใจอย่างมากในตอนนี้……………