บทที่ 1450 – รวมตัว

ในตอนนี้ชิงสุ่ยยืนอยู่ใกล้ๆแม่ของเขา ขณะที่รู้สึกได้ว่าตอนนี้ร่างกายของแม่ของเขานั้นกำลังสั้นอยู่ เธอนั้นเป็นคนเดียวที่เชื่อมั่นเสมอมาว่าสามีของเธอนั้นยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าใครๆจะบอกว่าเขานั้นตายไปแล้วก็ตาม

 

นี่ก็ผ่านมานานมากแล้ว และแล้วสิ่งที่เธอเชื่อนั้นก็เป็นความจริงอย่างไม่คาดฝัน ในตอนนี้เธอนั้นสามารถได้พบกลับคนรักของเธอได้อีกครั้งหนึ่ง

 

ในตอนนี้ชิงชิงได้ปล่อยพ่อของเธอขณะที่กล่าวออกมา “ท่านพ่อไปหาท่านแม่สิ ท่านแม่รอคอยท่านมาโดยตลอดเลยนะ”

 

เขาพยักหน้าของเขา ขณะที่ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่เขาก้าวเขาไปด้วยย่างก้าวที่หมดเรียวแรง ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและสับสนอย่างมาก ขณะนี้เขามองไปที่ใบหน้าภรรยาของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา

 

“ท่านยังไม่ตาย ยังไม่ตายจริงๆ!”

 

ในตอนแรกชิงอี่ก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็ไม่เคยเลิกหวังในตัวของเขาเลย

 

“ข้ายังมีชีวิตอยู่… ดูเหมือนว่าเราจะมีลูกชายที่ลูกสาวที่ยอดเยี่ยมนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลงคงไม่มีทางได้กลับมาเจอกัน ข้าขอโทษสำหับหลายปีที่ผ่านมา ข้าทำให้เจ้าลำบากจริงๆ..”ดวงตาของเหยียน จงเยว่ได้หรั่งน้ำตาออกมา

 

ชิงอี่จับลงไปที่มือของเขา ขณะที่ร้องไห้ออกมา น้ำตาที่ไหลออกมาในตอนนี้มันคือน้ำตาแห่งความสุข ในที่สุดสิ่งที่เธอรอคอยมานานกว่า40ปีนั้นก็สมหวัง

 

เหยียนจงเยว่และชิงอี่ได้จับมือกันและหันไปคำนับชิงหลัว ในตอนนี้ชิงหลัวได้อภัยและลืมเรื่องราวในอดีตทั้งหมดไป

 

ในตอนนี้ชิงหลัวได้แต่หัวเราะและยิ้มออกมา ตอนนี้เขามีความสุขอย่างมาก เขารู้ว่าชิงอี่นั้นไม่เคยลืมสามีของเธอเลย และนี่คืออีกเหตุผลที่เธอไม่ได้เลือกที่จะแต่งงานใหม่ แล้วตอนนี้เหยียนจงเยว่ก็ได้กลับมาแล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่คือจุดจบที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็ว่าได้ และเรื่องราวความบาดหมางในอดีตก็ได้สลายหายไปตามกาลเวลา

 

หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็ค่อยๆเริ่มแนะนำภรรยาและลูกๆ ของเขาให้กับเหยียนจงเยว่ เด็กๆทุกคนนั้นก็อยากที่จะรู้เกี่ยวกับปู่ของพวกเขาอย่างมาก ทั้งหมดได้ตรงเข้าไปกอดปู่ของพวกเขา ในขณะที่เหยียนจงเยว่ก็ได้โอบกอดหลานของเขาเอาไว้เช่นเดียวกัน  ตอนนี้เขานั้นรู้สึกมีความอย่างมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

 

ตอนเริ่มแรกชิงสุ่ยนั้นอยากจะบอกทุกคนเกี่ยวอาการของพ่อของเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหยียนจงเยว่นั้นได้สูญเสียความทรงจำไป ทุกๆคนนั้นก็ไม่ได้โกรธเขาเลยแม้แต่น้อย

 

ในความเป็นจริงในอดีตเหยียนจงเยว่นั้นเป็นคนดีมากๆ จะมีแต่เฉพาะสมาชิกตระกูลเหยียนเท่านั้นที่เป็นผู้คนที่น่ารังเกียจ  และชอบมองผู้อื่นด้วยความเหยียดหยาม

 

ในตอนแรกที่เหยียนจงเยว่ได้รู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชิงชิงเขานั้นโกรธแค้นอย่างมาก และต้องการกลับไปแก้แค้น แต่ถึงอย่างไรทุกๆอย่างก็จบลงไปแล้ว ในตอนนี้ทุกๆคนที่เขารู้จักนั้นก็มี่ชีวิตอยู่อีก ความแค้นในอดีตของเขานั้นก็ได้ถูกทำลายลงไปเช่นเดียวกัน ราวกับว่าตอนนี้ไม่มีตระกูลเหยียนในใจเขาอีกต่อไป

 

หลังจากนั้นชิงสุ่ยได้พาคนอื่นๆออกไปที่อื่น นั้นเพราะเขารู้ว่าพ่อของเขานั้นมีเรื่องมากมายที่ต้องกานที่จะคุยกับแม่ของเขา

 

“ลูกชายของเราข้างเป็นคนที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบจริงๆ” เหยียน จงเยว่ จับมือของชิงอี่  ขณะที่พวกเขานั่งลงที่ศาลา

 

“ใช่เขาเป็นเด็กดีมากๆ เขานั้นได้พยายามอย่างมาก มากกว่าที่ใครจะคิดได้ เพื่อที่นำจะข้ามาพบกับท่าน และแล้วตอนนี้เขานั้นก็สามารถพาข้ามาเจอกับท่านได้จริงๆ ดังที่เขาเคยสัญญาไว้… “ชิงอี่กล่าวออกมาอย่างอบอุ่น

 

“ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่าสิ่งอื่นใดนั้น สิ่งที่ทำร้ายหัวใจของข้ามากที่สุดคือพ่อของข้าและคนอื่นๆ ที่พวกเขานั้นทอดทิ้งชิงชิง ให้ต้องโดดเดี่ยว ข้าผิดหวังกับพวกเขาจริงๆ  ตั้งแต่พวกเขาคิดว่าข้านั้นได้ตายลง พวกเขานั้นก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่ง “

 

“จงเยว่อย่าตำหนิพ่อของท่านเลย เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการดูแลชิงเอ๋อแล้ว หากไม่มีเขาชิงเอ๋อคงไม่มีชีวิตมาได้ถึงวันนี้  ถ้าเขารู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่เขาก็จะมีความสุขอย่างมาก! “ชิงอี่กล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ เธอนั้นรู้ดีว่าสามีของเธอนั้นผิดหวังอย่างมากกับตระกูลของเขา

 

“แต่…”

 

“อย่าคิดมาเลย  ตอนนี้ชิงชิงก็ได้ให้อภัยท่านปู่ของนางนานแล้ว แล้วตอนนี้พวกเขาก็ได้รับบทเรียนที่สาสมกับสิ่งที่พวกเขาเรียบร้อยแล้ว”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าและชิงสุ่ยบ้างละ?” เขาออกมาด้วยความกังวล เขารู้ว่าลูกชายคนนี้เป็นคนที่มีความกตัญญู และรักแม่ของเขามาก ยิ่งกว่าอื่นใดเขานั้นรู้สึกผิดกับชิงสุ่ยที่สุด

 

“อย่ากังวลไปเลย มันเป็นอดีตไปแล้ว  นอกจากนี้ชิงสุ่ยของเรานั้นก็ยังเป็นห่วงท่านยิ่งกว่าใครอื่นยิ่งกว่าใครอื่นหลังจากที่เขาได้ยินว่าท่านถูกตระกูลของท่านกดดันจนต้องตายเขานั้นโมโหอย่างมาก และได้จัดการลบผู้คนที่เป็นสาเหตุให้ท่านตายจนไม่เหลือสักคนหนึ่ง “

 

“เป็นอย่างนั้นรึ ข้าขอบคุณเจ้าจริงๆที่เลี้ยงลูกชายของเราออกมาได้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!”

 

“ยังมีอะไรที่ต้องขอบคุณระหว่างเราอีกรึ? หรือว่าตอนนี้ท่านั้นไม่ได้รักข้าอีกต่อไปแล้ว? “ชิงอี่โกรธขึ้นเมื่อได้ยินจงเยว่กล่าวเช่นนั้น

 

“เจ้ารู้มั้ยสิ่งแรกหลังจากที่ความทรงจำของข้ากลับคืนมาคืออะไร มันคือหน้าของเจ้าและหน้าของชิงชิง ไม่มีใครอื่นที่ข้านั้นรักไปกว่าพวกเจ้าอีกแล้ว นอกจากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้า ข้าคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”ในเวลานั้นรอยยิ้มที่งดงามได้ปรากฏออกมาบนใบหน้าของชิงอี่

 

“ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะบอกเจ้า แต่เจ้าสัญญากับข้าก่อน ว่าเจ้าจะไม่โกรธได้หรือไม่?” เขารู้สึกกังวลอย่างมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะพูด

 

ตอนนี้เองชิงอี้หายใจเข้าลึกๆ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่จะรับฟัง ขณะที่เธอกล่าวออกมาว่า “ข้าสัญญา ว่าข้าจะไม่โกรธ ตกลงท่านมีอะไรจะกล่าวรึ”

 

“ตอนที่ข้าสูญเสียความทรงจำไป ข้าได้แต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนหนึ่งไป” เขากล่าวออกมาเบา ๆ ขณะที่จ้องมองไปที่ชิงอี่

 

เธอนั้นเคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อนแล้ว ในความเป็นจริงเธอนั้นได้จินตนาการว่าเขานั้นต้องมีผู้หญิงนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน นั้นเพราะเขามีใบหน้าที่หล่อเหล่าเหมือนลูกชายของเขา

 

ชิงอี่นั้นเป็นคนที่สามารถวิเคราะห์และมีเหตุผลอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงได้หัวเราะแล่วกล่าวออกมาว่า “แค่หนึ่ง?”

 

“ใช่แค่หนึ่ง อย่างแน่นอน ถ้าข้าไม่สูญเสียความทรงจำของข้าไป ข้าคงไม่ทำเรื่องที่ผิดพลาดเช่นนี้ลงไป “เขากล่าวออกมาพร้อมแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

 

“ข้าไม่โกรธท่านหรอก ลองหาโอกาสให้พวกเราทุกคนได้เจอกัน บ้างสิ”เธอรู้ดีว่ามันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วดังนั้น เธอจึงพยายามทำให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรที่น่ากังวล

 

……

 

ตอนนี้ชิงสุ่ย และสมาชิกคนอื่น ๆ ได้เข้าพูดคุยกันในห้องโถงใหญ่ เมื่อพวกเขารู้ว่า เหยียน จงเยว่นั้นเป็นหัวกลุ่มหนึ่งในกลุ่มมังกรอหังกาล และเป็ยขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างมากในทวีปมังกรอหังกาล มันทำให้ทุกๆคนต่างตกใจอย่างมากม  ก่อนที่ชิงสุ่ยจะเล่าต่อไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้

 

การกลับมาของเหยียนจงเยว่นั้นทำให้ทุกๆคนมีความสุขอย่างมาก เมื่อนานมาแล้วตระกูลชิงนั้นมีความเกลียดชังต่อตระกูลเหยียนอย่างลึกซึ้ง แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นไม่ได้โกรธแค้นเหยียน จงเยว่เลยนั้นเพราะพวกเขารู้ว่าเขาเองก็เป็นเหยื่อจากเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ยิ่งไปกว่าอื่นใดชิงอี่นั้นก็ยังคงรักเขาอยู่และไม่มีเคยมีวันไหนที่ไม่รักเขา ทำให้ทุกๆคนนั้นต่างเห็นเขาเป็นดังคนในตระกูลชิงก็มิปาน

 

ในเวลานี้ชิงสุ่ยไปพบกับชายชราทั้งสองคน นั้นเพราะทั้งสองคนนี้ได้เข้าร่วมตัวกับตระกูลชิงเรียบร้อยแล้ว และได้ใช้เวลาส่วนมากในการอยู่ร่วมกับพวกเขา  และเป็นกำลังสำคัญอย่างมาก

 

สำหรับหอคอยจักรพรรดินั้นถือได้ว่าเป็นแห่งอำนาจที่ชิงสุ่ยคิดไม่ถึงมาก่อน เขาไม่เคยมีแผนที่จะใช้มันสร้างอำนาจให้กับตัวเองเลยแต่ถึงอย่างตอนนี้มันนั้นได้กลายเป็นฐานอำนาจที่สำคัญในทวีปวิหกเพลิงร่ายระบำเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ขุมอำนาจอื่นๆในทวีปแห่งนี้ก็ไม่มีท่าทีๆที่เป็นอริกับเขาแม้ว่าจะรู้ว่าชิงสุ่ยนั้นมีส่วนร่วมกับพระราชวังจอมอสูรก็ตามที

 

ไม่มีขั้วอำนาจไหนทวีปวิหกเพลิงร่ายระบำนั้นเคยติดต่อกับพระราชวังจอมอสูรมาก่อน แต่โดยตามเนื้อผ้าพวกนั้นอาจกล่าวว่าเป็นอริกันด้วยซ้ำ เนื่องจากชื่อเสียงที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและอันตรายของพระราชวังจอมอสูร ที่เป็นที่รู้จักกันจึงทำให้พวกเขานั้นถูกมองว่าแตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะประกาศตัวออกมาเป็นอริกับพระราชวังจอมอสูรโดยตรงเนื่องจากความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไป หามีใครที่แข็งกล้าเพียงพอคงเป็นขั้วอำนาจที่มากจาทวีปมังกรอหังกาลเท่านั้น

 

ยิ่งไปกว่าสิ่งอื่นใดพวกเขานั้นก็รู้ดีถึงความแข็งแกร่งและทักษะต่างที่ชิงสุ่ยมี ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการตั้งตัวเป้นอริกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นการเป็นสหายกับชิงสุ่ยนั้นนับว่าเป็นผลประโยชน์อย่างมากยิ่งกว่าการตั้งตัวเป็นศัตรูเสียอีก

 

แต่ในแง่ของชิงสุ่ย เขานั้นไม่ค่อยคิดว่าขั้วอำนาจในทวีปวิหกเพลิงนั้นจะเป็นประโยชน์กับเขามากนัก จะมีก็แค่กลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ทั้งหมดนั้นก็จัดได้ว่าเป็นสหายที่ดีกับเขาดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้สนใจคนอื่นๆมากนัก

 

หลังจากที่พ่อและแม่ของเขากลับมาที่ห้องโถง พวกเขาก็เข้าร่วมการสนทนากับคนอื่นๆ เป็นเวลาพักใหญ่ซึ่งกินเวลานานกว่าครึ่งวัน

 

ในตอนนี้เวลานั้นผ่านไปรวดเร็วอย่างมากเพียงแค่พริบตาเหยียนจงเยว่ก็ได้มาพักอยู่ที่นี่นานถึงสามวันแล้ว

 

ในช่วงสามวันนี้ ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้เวลาในการออกไปพบปากกับใคร เขาแยกตัวออกไปและใช้เวลาส่วนมากในการในบ่มเพาะ และใช้เวลาที่เหลือกับลูกและภรรยาของเขา

 

สำหรับหอคอยจักรพรรดิตอนนี้ ก็มีหมอคนใหม่ที่เก่งกาจอย่างมากที่ดูเหมือนอยู่ในวัยกลางคน แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอนั้นมีอายุเท่าไรกันแน่  แต่อย่างใดอย่างหนึ่งที่แน่นอน คือเธอนั้นมีประสบการณ์ทางการแพทย์อย่างมาก และจัดได้ว่าเป็นหมอที่มีฝีมือเทียบเท่ากับหมอปิศาจ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่มาจากตระกูลที่ทรงอำนาจในทวีปวิหกเพลิงร่ายระบำอีกด้วย

 

หรับหยวนสู่นั้น เธอเป็นหมอหลักของที่นี่ แต่โดยปกติแล้วเธอแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย เธอมักจะยุ่งกับการค้นคว้ายาชนิดใหม่ๆออกมา และทิ้งเรื่องอื่นๆไว้ให้หมอปิศาจและหมใหม่นั้นจัดการ

 

ส่วนอี่หวง กูหวู๋ และคนอื่นนั้นได้ทำหน้าที่คุ้มกันตระกูลชิงเอาไว้ นอกจากนี้เธอยังใช้เวลาส่วนมากเล่นกับเด็กๆ

 

ในตอนกลางคืน ชิงสุ่ยนั้นจะมักแวะไปหาทุกๆคนและใช้พลังหยางที่เข้มข้นของเขาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายของเขา เพื่อที่เขานั้นจะได้มีความสามารถมากพอไปเยี่ยมเยือนทุกๆคน มันจึงทำให้เขาและภรรยาของเขานั้นสามารถมีความสุขร่วมกันได้อย่างทั่วถึง

 

สำหรับอี่หวง กูหวู๋นั้นไม่เคยผ่านการตั้งครรภ์มากก่อน เธอนั้นมักจะรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่อาจมีลูกให้ชิงสุ่ยได้ แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ไม่ได้โทษเธอแต่อย่างใด นั้นเพราะเรื่องเช่นนี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถบังคับกันได้ แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยนั้นก็พอที่จะเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ บางทีเธออาจจะกำลังกลัวว่าเธอนั้นจะไม่มีวันมีลูกกับเขาได้

 

สำหรับตอนนี้ข่าวของอีเย้ เจี้ยนเก้อนั้นก็ได้หายสาบสูญไปอีกครั้ง แต่ถึงอย่างชิงสุ่ยก็ไม่ได้กังวลกับมันมากนัก นั้นเพราะเขานั้นรู้ดีว่าเธอนั้นปลอดภัยดีถึงแม้จะไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ทีไหนก็ตาม

 

ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของตระกูลชิงได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเฉพาะรุ่นเยาว์และภรรยาของชิงส่ยทั้งหมด โดยเฉพาะหลวนหลวน ชิงหมิงและชิงจุน ที่ได้รับการดูแลโดนตรงจากชายชราทั้งสอง

 

ส่วนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆนั้นจะมักเข้าไปฝึกฝนร่วมกับฮี่หวง กู่หวู๋ นั้นเพราะเธอนั้นใจดีที่สุดในบรรดาคนอื่นๆ และเธอยังสนับสนุนให้เด็กนั้นฝึกฝนในทักษะที่พวกเขาชอบอีกด้วย

 

สำหรับตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นได้เริ่มถ่ายทอดกรงเล็บหงส์เพลิงพิฆาตให้กับตระกูลของเขา มันทำให้ผู้คนในตระกูลที่มีความสามารถเพียงพอเริ่มได้เรียนมันในตอนนี้  แต่ถึงอย่างไรคนที่จะสามารถเรียนมันได้ต้องผ่านการศึกษาจุดลมปราณทั้งหมดในร่างกาย รวมถึงหลักเบญจธาตุเสียก่อน แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นพื้นฐานที่ชิงสุ่ยนั้นเน้นย้ำเอาไว้ให้ทุกคนในตระกูลชิงนั่นฝึกฝนอยู่แล้ว

 

สำหรับย่างก้าวเก้าเทวานั้นมันนั้นยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ยังสั่งให้ทุกๆคนั้นท่องและจดจำแก่นแท้ของมันอาไว้ แม้พวกเขาจะไม่สามารถใช่มันได้ในวันนี้แต่ในอนาคตพวกเขาจะสามารถใช้มันได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขานั้นยังอยู่ในดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งดังนั้นมันทำให้พวกเขามีแรงกดดันอย่างมากที่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

แต่คนที่แปลกออกไปคือชิงหยินแม้ว่าเธอนั้นจะมีความก้าวหน้าไม่ต่างจากชิงหมิงและชิงจุน แต่ดูเหมือนเธอนั้นจะไม่สนใจอะไรเลย มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นหัวเราอะออกมา เธอนั้นเป็นคนที่มีศักยภาพอย่างมาก แต่แปลกที่เธอนั้นกลับเป็นคนที่แทบจะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากอยู่เฉยๆ มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าสวรรค์นั้นค่อนข้างไม่เป็นธรรมสักเท่าไร

 

หลังจากที่ผ่านมาสักพักชิงสุ่ยได้กลับไปพระราชวังจอมอสูร ก่อนที่เขาและพ่อของเขาจะกลับไปที่จักรวรรดิเหยียนอีกครั้งหลังจากนั้นสองวัน