ภาคที่ 2 บทที่ 189 บทสรุป

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 189 บทสรุป (จบภาค 2)

เวลาไหลผ่านไปราวกับสายน้ำ

เวลา 10 ปีไหลผ่านไปไวเช่นนั้น

ศิษย์ชั้นปีที่ 10 ที่ใกล้จบการศึกษาทุกคนคงกำลังยุ่งวุ่นวายกับการวางแผนชีวิตในอนาคตของตนเองอยู่ ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ แต่ทุกคนจำต้องตัดสินใจ

นอกจากซูเฉินที่จะเดินทางไปรับตำแหน่งผู้จัดการความรู้ที่เมืองธารน้ำใสแล้ว คนอื่น ๆ ก็ค้นพบหนทางของตนเองอย่างรวดเร็วเช่นกัน

หวังโต้วซานจะกลับไปยังเมืองเมฆาลอยในฐานะผู้จัดการความรู้ด้วยการใช้เส้นสายของตระกูล เดิมทีเขามาจากเมืองเมฆาลอย ดังนั้นเช่นนี้จึงสามารถสร้างประโยชน์ให้กันและกันได้

อวิ๋นเป้าจะเดินทางไปยังเมืองธารน้ำใสกับซูเฉิน นิสัยคนผู้นี้ดื้อรั้นยิ่ง หากเอ่ยแล้วว่าจะติดตามใครก็จะตามติดไปเช่นนั้นไม่ว่าที่ใด

แต่เรื่องนี้ก็ไม่นับว่าแย่กับซูเฉิน ด้วยการมีคนคอยช่วยเหลือไม่เคยนับเป็นเรื่องแย่

หากแต่อวิ๋นเป้าไม่ได้ไปในฐานะผู้จัดการความรู้ แต่ฉือไคฮวงช่วยหาตำแหน่งในกองกำลังปฏิบัติการลับให้เขา

กองกำลังปฏิบัติการลับเป็นกลุ่มปฏิบัติการพิเศษที่เยว่อูตี้เคยบัญชาการในอดีต หน้าที่หลักของพวกเขาคือการรวบรวมข้อมูล ลอบสังหาร เฝ้าระวัง และภารกิจอื่น ๆ ในการปกป้องแคว้นให้ปลอดภัย แต่สุดท้ายตัวเขากลับถูกลอบสังหารเสียเอง

อวิ๋นเป้าสามารถชิงเอาตำแหน่งนั้นมาได้เป็นเพราะผลงานของเขาช่วงการฝึกก่อนเข้าซากโบราณ ความสามารถในการตรวจจับอันน่าทึ่งของเขาเข้าตาผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการลับเข้า ฉือไคฮวงจึงไม่จำเป็นต้องช่วยให้อวิ๋นเป้าเข้ากองกำลังปฏิบัติการลับเลย ศิษย์จากสถาบันมังกรซ่อนเร้นนั้นมีแต่คนต้องการตัว ดังนั้นที่ฉือไคฮวงต้องทำจึงมีเพียงกล่อมให้อีกฝ่ายส่งอวิ๋นเป้าไปที่เมืองธารน้ำใส แต่ด้วยหลังจากเข้ากองกำลังมาแล้วยังต้องมีการฝึกอบรมช่วงหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่อาจเดินทางไปพร้อมกับซูเฉินได้

กู่ชิงลั่วนั้นเหมือนกับหวังโต้วซาน กลับตระกูลไปหลังจากจบการศึกษา นางกลายเป็นผู้จัดการความรู้ที่หลงซี

เยว่หลงซาเองก็เข้ากองกำลังปฏิบัติการลับเช่นกัน ท่านพ่อของนางเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการลับ ตอนนี้ตำแหน่งนั้นเป็นของลูกน้องเก่าของท่านพ่อนาง ดังนั้นนางจึงได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการ มีอำนาจควบคุมกองกำลังปฏิบัติการลับหนึ่งสาขา ฐานะรองผู้บัญชาการของนางไม่อาจมองหมิ่นได้

นางเลือกไปที่มณฑลอีกาดำเช่นกัน

จีหานเยี่ยนนั้นไปเป็นรองเจ้ากรมที่ปาโจว

ใช่แล้ว นางเป็นสตรีแต่ก็ยังได้รับเลือกให้เป็นรองเจ้ากรมที่นั่น ทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็นยิ่งนัก เมื่อคนอื่น ๆ ถามว่าเหตุใดนางจึงเลือกมาเส้นทางนี้ จีหานเยี่ยนตอบว่า “มีเพียงทางนี้ข้าจึงจะได้ต่อสู้มากหน่อย”

จีหานเยี่ยนยังมีนิสัยดังเดิม

เหอนิ่วหลิวยังรั้งอยู่ที่เมืองฉางผานและทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมตรวจสมบัติ กรมนี้รับหน้าที่เก็บรวบรวมสิ่งของประหลาดมากมายและไขปริศนาเบื้องหลังพวกมัน หากเป่าคนเถื่อนไม่ปรากฏตัวขึ้นที่ลุ่มน้ำทองคำ คนที่จะได้เข้าไปในซากโบราณก็คงเป็นคนจากกรมแห่งนี้

ต้วนเจียงซานนั้นจะไปยังปราการสายทอง ความพยายามในการดึงตัวศิษย์ในครั้งนั้นของเซียวเฟยหนานไม่ได้ล้มเหลวไปเสียทั้งหมด เมื่อปีก่อนต้วนเจียงซานได้รับปากว่าจะเข้าร่วมกองทัพหมอกสวรรค์แล้ว ดังนั้นการเข้าร่วมพิธีก่อนจบการศึกษาทั้งหลายก็เข้าพอเป็นพิธีเท่านั้น

หวังเสวียนอันเองก็เข้าร่วมกองทัพเช่นกัน แต่ไม่ใช่กองทัพหมอกสวรรค์ ท่านลุงของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพเงาจันทร์ เขาจึงเลือกเข้ากองทัพที่นั่น

จินหลิงเอ้อร์จะไปยังกรมคันฉ่อง เป็นกรมที่เชี่ยวชาญด้านการตัดสินคดี หากผนวกความสามารถของวิชาจิตของจินหลิงเอ้อร์แล้วนางก็เหมาะสมกับกรมแห่งนี้มาก

ตู้ฉิงจะไปเป็นเลขาที่เมืองกลอง นางรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาลักษณ์ มีหน้าที่จัดการเอกสารภายในและดูแลเอกสารวรรณกรรมทั่วทั้งแคว้น แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดแต่นางก็ยังเลือกตำแหน่งนี้ ในโลกที่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดมีอำนาจเหนือคนธรรมดา การตัดสินใจเช่นนางนับว่าแปลก แต่ก็ไม่ได้หายาก

ซุนจี้จู่คล้ายกับหวังโต้วซาน กลับตระกูลไปเช่นกัน เขารับตำแหน่งผู้พิพากษาในเมืองสายน้ำริน เขาเดินทางกลับบ้านเกิดไปอย่างมีสง่าราศี ในฐานะคนไร้สายเลือด ได้ตำแหน่งทางการเช่นนั้นก็นับว่าพอใจแล้ว

เจียงซีสุ่ยเป็นข้อยกเว้นอีกเช่นเคย

เขาไม่ได้รับคำเชิญใด กฎของอาณาจักรหลงซางที่ว่าศิษย์ทุกคนต้องทำงานรับใช้แคว้นเป็นเวลา 10 ปีหลังจากจบการศึกษาไปนั้นดูท่าจะไร้ผลกับเขา

ไม่ว่าจะเป็นใครเดินเข้าไปถาม เขาจะเพียงส่งยิ้มบางเป็นคำตอบ มีเพียงจีหานเยี่ยนเท่านั้นที่คล้ายกับจะรู้ถึงเหตุผล ในคืนนั้นยามทุกคนมาบอกลากัน นางยังคำรามเสียงต่ำใส่เจียงซีสุ่ยอีกด้วย

ในที่สุดวันจบการศึกษาก็มาถึง

สถาบันมังกรซ่อนเร้นจัดงานเลี้ยงฉลองการจบการศึกษาครั้งใหญ่ขึ้นให้เหล่าศิษย์

ครั้งนี้ไม่มีการประลองสิ้นปีอีกแล้ว พวกเขาได้เดินตามเส้นทางนี้มาจนสุดทาง ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันอีกต่อไป

ในตอนนี้ทุกคนมีแต่ความรู้สึกหวานอมขมกลืนในใจ ไม่อยากจากลากันเท่าไรนัก

ในคืนนั้น ศิษย์ชั้นปีที่ 10 และเหล่าอาจารย์ก็เฉลิมฉลองร่วมกัน

อาจารย์ชราท่านหนึ่งกล่าวขึ้น บนใบหน้ามีน้ำตาไหลริน “เป็นการจากลาอีกครั้งหนึ่ง พวกเรารู้จักและอยู่ด้วยกันมา 10 ปี แต่ทุกคนก็ต้องแยกย้ายจากกันไป ทุกการจากลาล้วนเกิดความโศกเศร้า ปีแล้วปีเล่าผ่านไป หากเป็นไปได้ข้า…… ไม่อยากเป็นอาจารย์อีก !”