บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 439

“หุบปาก!” เจเรมี่ตะคอกกลับอย่างโกรธจัด

อีวอนเงียบลงทันทีด้วยความกลัว เธอเห็นความเย็นชาในดวงตาของเจเรมี่ และไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดังเกินไป

เจเรมี่เดินผ่านอีวอนนและแม่ของเขาไป เขาเข้ามาใกล้มาเดลีน เมื่อเขาเห็นท่าทางไม่พอใจของมาเดลีน เขาก็ถามอย่างอ่อนโยนว่า “คุณอิ่มแล้วหรือยัง? ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านกันเถอะ”

มาเดลีนลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาที่เย่อหยิ่งของเธอกวาดสายตามองไปยังอีวอนและแม่ของเจเรมี่ เธอกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “ฉันไม่อยากกินต่อแล้วล่ะ ฉันจะมีอารมณ์กินอาหารต่อได้ยังไงในเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนี้”

“…”

แม่ของเจเรมี่ระเบิดทันที “เจเรมี่ ลูกได้ยินไหม? เธอกำลังพูดถึงฉันด้วยความคิดแบบนั้น!”

มาเดลีนยิ้มอย่างเย็นชา “แล้วถ้าฉันพูดกับคุณแบบนั้นล่ะ? คุณคิดว่าฉันจะปล่อยให้คุณรังแกฉันเหมือนกับมาเดลีนเหรอ?”

“แก แก…” แม่ของเจเรมี่พูดไม่ออก “วีล่า ควินน์ เธอหมายความว่ายังไง? เธอโกรธเคืองกับความไม่ยุติธรรมที่มาเดลีนได้รับอย่างนั้นเหรอ? โอ้ น่าสนใจจริง ๆ แต่เธอไม่สามารถหยุดฉันให้หยุดด่าทอว่าเธอเป็นนังผู้หญิงเลวได้หรอก! เธอบอกว่าเมเรดิธใส่ร้ายมาเดลีน แต่ถ้าเธอทำตัวดี ๆ ใครจะคิดทำร้ายเธอได้?”

“ผู้หญิงเลวไร้หัวใจคนนั้นทำร้ายหน้าหลานชายของฉัน และฉันยังไม่ได้ล้างแค้นให้หลานชายของฉันเลย โชคดีแล้วที่เธอตายไป ถ้าไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่ยกโทษให้เธอ!”

“ผมบอกให้เงียบไง! ไม่ได้ยินเหรอ? อยากให้ผมโมโหใช่ไหม?” ใบหน้าของเจเรมี่ซีดลงและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “มาเดลีนได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็น คุณหนูมอนต์โกเมอรี แม่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเอโลอิสกับฌอนไหม?”

“…” แม่ของเขาเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความอับอาย

ตอนที่เธอรู้ว่ามาเดลีนเป็นลูกสาวของมอนต์โกเมอรี เธอก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

มาเดลีนเป็นเด็กที่ดุร้ายที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยชายชราที่ป่วยทางจิต แต่กลับกลายเป็นหญิงสาวจากตระกูลมอนต์โกเมอรีที่มีอิทธิพล เธอไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้

ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอถึงกับประจบประแจงเอโลอิสด้วยซ้ำ เธอบอกว่ามันคงจะวิเศษมากถ้าพวกเขาสามารถกลายเป็นครอบครัวเดียวกันได้ แต่ในตอนท้ายที่สุด ตัวตนที่แท้จริงของมาเดลีนก็กลับมาตบหน้าเธออยู่ตอนนี้

ในห้องขณะนี้ตกอยู่ในความเงียบ การจ้องมองของเจเรมี่อ่อนน้อมลง “วีล่า กลับกันเถอะ”

มาเดลีนปล่อยหมัดที่กำแน่นพร้อมจ้องไปที่แม่ของเจเรมี่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธ

เมื่อแม่ของเจเรมี่เห็นเจเรมี่จับมือมาเดลีนอย่างเห็นอกเห็นใจ เธอก็เริ่มบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างโกรธเคือง “หืม ต่อให้เธอเป็นลูกสาวของมอนต์โกเมอรีแล้วยังไงล่ะ? ฉันก็แค่พูดความจริง นังสารเลวนั่นเกือบทำให้แจ็คเสียโฉมแล้ว และเธอก็เกี่ยวข้องกับการตายของ บริทนีย์ มอนต์โกเมอรีด้วย!”

มาเดลีนหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมา เธอจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าแม่ของเจเรมี่ “คุณไม่ได้เห็นด้วยตาของคุณเองหรือมีหลักฐานอะไรเลยด้วยซ้ำ คุณเอาแต่กล่าวหาว่ามีเธอก่ออาชญากรรม ถ้าวันหนึ่งความจริงปรากฏขึ้นมาว่ามาเดลีนเป็นผู้บริสุทธิ์ คุณจะขอโทษเธอไหม? คงไม่ คุณเอาแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าและยอมคุกเข่าต่อคนที่แข็งแกร่ง”

“…” แม่ของเจเรมี่จ้องมองดูใบหน้าเยาะเย้ยของมาเดลีนด้วยใบหน้าที่อับอายของเธอเอง

แน่นอน เธอไม่มั่นใจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่กล้ากล่าวอะไรออกไปเมื่อเห็นว่าเจเรมี่ปกป้องมาเดลีนมากแค่ไหน เธอทำได้เพียงเก็บความโกรธของเธอเอาไว้ข้างใน

มาเดลีนพูดถูก เธอจะรังแกคนที่อ่อนแอและคุกเข่าต่อคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น แถมเธอยังจะเอาเปรียบคนอ่อนแออย่างไม่ยุติธรรม แต่กลับเกรงกลัวคนที่แข็งแกร่ง

คราวนี้เธอรู้ว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่พอจะทัดเทียมกันได้

วีล่าเป็นคนเอาจริงอย่างแน่นอน ซึ่งมาเดลีนไม่สามารถเปรียบเทียบกับเธอได้เลย

ระหว่างทางกลับบ้าน ภายในรถกลับเงียบสนิทผิดปกติ

มาเดลีนมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นทิวทัศน์ภายนอกที่เปลี่ยนไป สายตาของเธอดูอ้างว้าง

เธอจำถนนสายนี้ได้ เธอจำได้ว่าเขาบีบคอเธออย่างโหดร้ายเพียงเพื่อปกป้องเมเรดิธ เขาทั้งตักเตือนเธอและระแวงในตัวเธอ

แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอเพื่ออยากจะเรียกร้องความเชื่อใจจากเขาสักครั้ง แต่สุดท้ายเธอกลับยังถูกไล่ออกจากรถด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ในวันนั้นมีลมแรงมากและฝนก็ตกอย่างโหมกระหน่ำ

เธอต้องอดทนกับความเจ็บปวดในร่างกายและทรุดตัวลงกับพื้นน้ำแข็ง

ถ้าไม่ใช่เพราะเฟลิเป้ เธออาจถูกรถชนและเสียชีวิตกลางถนนไปแล้ว บางทีเธออาจจะตายจากความเจ็บปวดแล้วก็ได้

‘เหอะ’

‘ในความทรงจำของฉัน นายมอบให้ฉันแต่ความเจ็บปวดเท่านั้น’