บทที่ 717 ผลงานเลียนแบบ / บทที่ 718 คิดว่าตัวเองเป็นใคร

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 717 ผลงานเลียนแบบ

มู่เหวินซิงส่ายหน้า เอ่ยว่า “ยังห่างชั้นกับมู่ฝานอีกเยอะ…”

กรรมการผู้บริหารเจิ้งรู้ว่าประธานของตนชื่นชมรองประธานคนใหม่มาก จึงรีบเอ่ย “แน่นอนอยู่แล้วครับ แค่สไตล์คล้ายกัน แต่ว่าไร้เดียงสากว่าเยอะ!”

มู่เหวินชิงได้ยินก็มองที่นั่งว่างเปล่าด้านข้างแวบหนึ่ง “มู่ฝานล่ะ? ทำไมยังไม่มาอีก”

“เห็นว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ กำลังจัดการอยู่ครับ จะมาช้านิดหน่อย”

“อะไรกัน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์?” มู่เหวินชิงพลันขมวดคิ้ว

กรรมการผู้บริหารเจิ้งรีบบอก “ท่านประธานไม่ต้องกังวลครับ คนน่ะไม่เป็นไร แค่รถถลอกนิดหน่อย ผมกำลังจะไปรับที่ประตูพอดี!”

การออกไปชั่วคราวของกรรมการผู้บริหารเจิ้งไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร

เฉินเมิ่งฉีเพิ่งปรากฏตัวบนเวที ด้านล่างก็มีเสียงชมเชย ตอนนี้ผู้คนพากันปรบมือ

“สมกับเป็นผลงานระดับสุดยอดของผู้อำนวยการเหอ ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

“ความสร้างสรรค์และแหวกแนวแบบนี้ คนธรรมดาคิดไม่ได้แน่!”

“เมื่อกี้แม้แต่ประธานมู่ยังพยักหน้าเลย!”

เหอจวิ้นเฉิงรับคำชมทั้งหมดด้วยความยินดี “ทุกท่านชมกันเกินไปแล้ว ความสามารถเล็กน้อยแบบนี้ไม่เหมาะจะได้รับคำชมหรอกครับ!”

ตอนนั้นเอง…

ในเสียงชมเชยพลันมีคนโพล่งขึ้นมา

“เหอะ ทำไมมาตรฐานของสมาคมแฟชั่นถึงตกต่ำขนาดนี้แล้ว? แม้แต่คนไร้ความยางอายที่ขโมยผลงานของคนอื่นแบบนี้ก็ยังเอาขึ้นเวทีซะยิ่งใหญ่ แล้วรับคำชมของผู้คนเหรอ?”

เสียงเรียบเรื่อยของผู้ชายฟังดูไม่สนใจโลก เต็มไปด้วยความรังเกียจ

เป็นเพราะเสียงแสดงความสงสัยที่โพล่งขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ฝูงชนจึงเงียบไปหนึ่งวินาทีอย่างประหลาดใจ

ความได้ใจบนใบหน้าของเหอจวิ้นเฉิงชะงัก มองไปด้านข้างด้วยสีหน้าน่ากลัวสุดขีด

เห็นเยี่ยมู่ฝานยังคงผมยุ่ง สวมเสื้อมีรอยเปื้อน มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ยืนอยู่ที่นั่นอย่างไม่สะทกสะท้าน

เยี่ยมู่ฝาน!

มันถึงกับกล้ามาจริง!

ดี ดีมาก…

ไม่จำเป็นต้องให้เหอจวิ้นเฉิงเอ่ยปากด้วยตัวเอง ก็มีคนสบถด่า “นักเลงจากไหนกัน กล้ามาดูถูกสมาคมแฟชั่น แถมยังบอกอีกว่าสไตลิสต์ในสมาคมเราเป็นขโมย!”

คนโดยรอบที่เคยเห็นหน้าตาจริงๆ ของเฟลิกซ์มีอยู่ไม่กี่คน บวกกับเห็นสารรูปไม่เรียบร้อยของเยี่ยมู่ฝาน จึงไม่เห็นเขาในสายตา

“คนคนนี้เป็นใคร ทำไมดูหน้าคุ้นๆ จัง?”

“พวกคุณไม่รู้เหรอ เขาคือคุณชายแห่งเยี่ยกรุ๊ปและคุณชายแห่งหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เยี่ยมู่ฝาน!”

“อะไรนะ! คุณชายไม่ได้ความนั่นน่ะเหรอ เขามาที่นี่ทำไมกัน?”

“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เขาทำงานจิปาถะให้เหอจวิ้นเฉิงที่จวี๋ซิง ต่อมาถูกไล่ออก คงจะรู้สึกแค้นก็เลยมาก่อเรื่อง”

“หน้าไม่อายเกินไปแล้วมั้ง?”

รอทุกคนด่าได้พอประมาณแล้ว เหอจวิ้นเฉิงก็ลุกขึ้น พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “คุณชายเยี่ย ตอนแรกเห็นนายถูกไล่ออกจากบ้าน อาศัยนอนข้างทาง คุณหนูพวกเราเห็นนายน่าสงสารเลยรับไว้ ให้นายทำงานอยู่ข้างตัว

แต่เป็นเพราะนายไร้พรสวรรค์จริงๆ แล้วยังไม่ยอมทำงานดีๆ ฉันก็เลยได้แต่ไล่นายออกเพื่อความยุติธรรม ถึงยังไงบริษัทก็ต้องทำกำไร จะไม่เลี้ยงคนอู้งาน

แต่ว่านอกจากนายจะไม่สำนึกตัวแล้ว ยังมาใส่ร้ายฉันอีก เฮ้อ…”

เหอจวิ้นเฉิงทำหน้าเจ็บปวดใจ เยี่ยมู่ฝานเองก็ไม่พูดอะไร เพียงมองเขาโกหกพกลมเงียบๆ “อ้อ? ฉันไม่มีพรสวรรค์? งั้นใครมีพรสวรรค์ สไตลิสต์เหอที่ใช้ผลงานของคนอื่นน่ะเหรอ?”

เหอจวิ้นเฉิงรอเขาพูดประโยคนี้อยู่ จึงหัวเราะเหอะๆ “คุณชายเยี่ย นายบอกฉันโขมยผลงานของคนอื่น ไหนลองบอกหน่อยว่าที่ฉันขโมยมาเป็นผลงานของใคร”

—————————————————

บทที่ 718 คิดว่าตัวเองเป็นใคร

เยี่ยมู่ฝานกอดอก ขี้เกียจจะพูด “ก็ของฉันน่ะสิ!”

“อุ๊บฮ่าฮ่า…เจ้าคนไร้ประโยชน์นี่พูดอะไรอยู่น่ะ?”

เสียงของเยี่ยมู่ฝานเพิ่งจบลง นักออกแบบที่อยู่รอบๆ เหอจวิ้นเฉิงหลายคนก็ส่งเสียงหัวเราะ

“เยี่ยมู่ฝาน แกบ้าไปแล้วเหรอไง ผอ.เหอของพวกเราขโมยผลงานแกเหรอ นึกว่าตัวเองเป็นใคร?”

“โอ้โห ผู้อำนวยการของจวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ของเราขโมยผลงานนักการอย่างแกเนี่ยนะ หลงตัวเองชะมัด!”

เหอจวิ้นเฉิงไม่ต้องลงมือด้วยตัวเอง แต่ละคนรอบๆ ก็ถ่มน้ำลายออกมาท่วมอีกฝ่ายให้ตายได้

“นี่! ร.ภ.ป.ล่ะ? ทำไมไม่ทำงาน มีคนไม่ได้รับเชิญปะปนเข้ามายังไม่รู้อีก! แถมยังปล่อยให้มาก่อเรื่องแบบนี้ด้วย!”

“ใช่แล้ว! ยังไม่รีบไล่ออกไปอีก!”

ความวุ่นวายทางนี้ใหญ่โตมาก ไม่ทันไรก็มีเจ้าหน้าที่มา

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ” หญิงสาวสวมชุดทางการคนหนึ่งลนลานเข้ามา หลังจากเห็นเยี่ยมู่ฝานแล้ว ตาก็พลันเป็นประกาย “กรรมการบริหารเจิ้งกำลังตามหา…”

เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกสไตลิสต์ผมยาวคนหนึ่งด้านข้างตัดบท “คนคนนี้ไม่มีบัตรเชิญแต่ปะปนเข้ามาก่อความวุ่นวาย เพราะอิจฉาผอ.เหอของพวกเรา แถมยังใส่ร้ายว่าเขาขโมยผลงานด้วย! พวกคุณทำงานกันยังไงเนี่ย เอาใจใส่กันหน่อยสิ”

คนไม่รู้เรื่องซึ่งอยู่รอบๆ ต่างมองดูความวุ่นวายนี้ เอียงศีรษะกระซิบกระซาบกัน

“อะ…อะไรกัน…เขาปะปนเข้ามาก่อความวุ่นวาย…อิจฉาผู้อำนวยการเหอ…” เจ้าหน้าที่มีสีหน้าสับสน ไม่รู้ว่าเลยเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ชายหนุ่มทำสีหน้าแน่วแน่ กล่าวเสียงเด็ดขาด “ถูกแล้ว! ไม่เชื่อก็ลองดูสิว่ามันมีบัตรเชิญรึเปล่า!”

“เฮ้อ ช่างเถอะ…” เหอจวิ้นเฉิงทำสีหน้าใจกว้าง

หนุ่มผมยาวทำหน้าผดุงคุณธรรมเพื่อประจบเหอจวิ้นเฉิง “จะช่างได้ยังไงกันครับ ไอ้ขี้แพ้ในโลกแฟชั่นแบบนี้กล้าเข้ามาในสมาคมแฟชั่นของเรา! นี่เป็นการสร้างความแปดเปื้อนให้มาตรฐานพวกเราจริงๆ!”

เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ยากจะบรรยาย ท่าทางที่มองพวกเหอจวิ้นเฉิงเหมือนมองตัวประหลาด “คุณผู้ชายคนนี้ไม่มีบัตรเชิญจริงๆ ค่ะ…”

ชายผมยาวได้ยินก็พลันเล่นใหญ่กว่าเดิม พูดอย่างได้ใจ “ก็บอกแล้วไง เขาทำอะไรให้พวกคุณล่ะ พวกคุณถึงได้แอบปล่อยเขาเข้ามา”

เจ้าหน้าที่เกิดความโมโหเพราะท่าทีไล่ต้อนคนของคนคนนี้ จึงกวาดมองพวกเหอจวิ้นเฉิงอย่างเย็นชา จากนั้นเอ่ยทีละคำ “คุณผู้ชายคนนี้เป็นรองประธานสมาคมแฟชั่นของพวกเรา เป็นเจ้าภาพและสปอนเซอร์หลักของงานแฟชั่นอวอร์ดครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญ ทุกท่านมีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ไหมคะ?”

พริบตาที่สิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ บริเวณรอบๆ เงียบสงัด

ความยโสบนใบหน้าของชายผมยาวชะงักค้าง ม่านตาของเหอจวิ้นเฉิงพลันหดตัวลง เงยหน้าขึ้นจ้องเยี่ยมู่ฝานเขม็ง…

ร่างของเฉินเมิ่งฉีที่มองดูความวุ่นวายอยู่บนเวทีอย่างไม่สะทกสะท้านแข็งทื่อในพริบตา ใบหน้าสวยซีดขาว มองเยี่ยมู่ฝานอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นพูด…พูดอะไรนะ?

รองประธานสมาคมแฟชั่น…

เยี่ยมู่ฝาน?

ในตอนนี้ เหอจวิ้นเฉิงที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้สติกลับมากล่าวอย่างยากลำบาก “เมื่อ…เมื่อกี้…คุณว่าอะไรนะ? คุณบอกว่าเขาเป็นใครนะ?”

เจ้าหน้าที่กลอกตาใส่ “รองประธานคนใหม่ของสมาคมแฟชั่น คุณเฟลิกซ์ค่ะ คนที่เมื่อครู่พวกคุณบอกว่าไม่มีบัตรเชิญแต่ปะปนเข้ามา และสร้างความแปดเปื้อนให้มาตรฐานของสมาคมแฟชั่นนั่นแหละค่ะ”

ทุกคนอึ้งค้าง

………………………………………..