เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 393 เครื่องปรับอากาศ
”แมรี่ หนูจะไปที่ทำงานนะ” แอเรียนกล่าวก่อนจะออกไป ถ้าเธออยู่ต่อไปเธอจะต้องเป้นบ้าแน่ ๆ
เมื่อแมรี่ได้ยินว่าแอเรียนจะไปที่ทำงาน เธอเข้าใจว่าแอเรียนจะไปที่บริษัทของเอริก “ร้อนขนาดนี้แต่สิ่งเดียวที่เธอนึกถึงก็คือการไปหารายได้อย่างนั้นเหรอ? นายท่านขี้เหนียวกับเธอเหรอ? ไม่มีทาง!”
แอเรียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หนูจะไปหา มาร์ค เทรมอนต์ นายท่านของคุณไง! ไม่ใช่ไปทำงาน อีกอย่าง หนูคิดว่าหนูคงไม่กลับไปทำงานที่บริษัทของเอริกแล้ว” เธอคิดที่จะทำอย่างอื่น เธอรู้สึกเบื่อหลังจากทำงานในอุตสาหกรรมการออกแบบมานาน
เมื่อได้ยินดังนั้นในที่สุดแมรี่ก็ยอมจำนน “เอาสิ ให้เฮนรี่ไปส่งสิ อากาศร้อนมาก”
…
เฮนรี่ไปส่งแอเรียนที่ตึก เทรมอนต์ ทาวเวอร์ และแอเรียนก็ขึ้นไปถึงที่ชั้น 46 อย่างปลอดภัย เอลลี่รู้ว่าแอเรียนไม่ชอบทำตามกฏของมาร์คในการเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะเธอจึงไม่ได้เสนอมันให้กับแอเรียนและเพียงทักทายเธอว่า “นายหญิง”
แอเรียนพยักหน้าตอบรับและเปิดประตูหลังจากที่เคาะมัน ทันทีที่เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เธอก็เดือดปุด ๆ ด้วยความสุข “ไม่ต้องสนใจฉันนะ ฉันมาที่นี่เพื่อตากแอร์”
มาร์คหยิบรีโมตแอร์มาเพื่อเพิ่มองศาของเครื่องปรับอากาศ “แมรี่โทรมาให้ฉันเพิ่มองศาของแอร์ มาที่นี่เพียงเพื่อแอร์มันไม่ลำบากไปหน่อยเหรอ?”
แอเรียนกิ่วในทันที “อย่าทำแบบนี้กับฉัน! ฉันเอาเสื้อกันหนาวมาด้วย ฉันทนความร้อนไม่ไหวแล้ว…”
มาร์คมองเธอและพูดว่า “ใส่เสื้อก่อนแล้วฉันจะลดอุณหภูมิให้”
เธอใส่เสื้ออย่างเชื่อฟังก่อนที่จะหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าของเธอ เธอเตรียมมันมาล่วงหน้าเพื่อฆ่าเวเลา
มาร์คที่ชินอยู่กับความสันโดษไม่สามารถจดจ่อกับงานของเขาได้ในตอนนี้เนื่องจากมีบุคคลอื่นเพิ่มเข้ามาในห้องทำงาน เขายอมแพ้ในการทำงาน “มาที่นี่ เพียงเพื่อแอร์ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่กลัวฉันแล้วล่ะสิ?”
แอเรียนตอบอย่างเปิดเผย “กลัวสิ แต่ฉันกลัวความร้อนมากกว่า แมรี่เข้มงวดกับฉันเกินไปเมื่อคุณไม่อยู่ที่บ้าน ฉันหวังเขาจะรักษาคำพูดของเขาและจะเลิกทรมานฉันหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป”
มาร์คไม่ตอบกลับ หลังจากนั้นหนึ่งเดือนหมายความว่าเป็นเวลาหนึ่งเดือนนับตั้งแต่การแท้งบุตร เมื่อพูดถึงเด็กทารก ทั้งสองคนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราวกับว่าเธอรู้ตัว แอเรียนจึงจดจ่ออยู่กับหนังสือของเธอโดยไม่ส่งเสียงอะไรอีก
เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวพวกเขาจึงไม่ได้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันและเลือกที่จะสั่งอาหารมาทานแทน หลังจากทานอาหารเสร็จแอเรียนก็ถามมาร์คว่า “คุณบริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมืองใช่ไหม? หาเวลาไปเยี่ยมเด็ก ๆ กันดีไหม?”
“และรับเลี้ยงคนนึง?” มาร์คยกคิ้วของเขา
“ไม่ ฉันแค่อยากไปดู” แอเรียนส่ายหน้า
มาร์คพยักหน้า “เสาร์อาทิตย์นี้แล้วกัน”
แอเรียนยิ้มให้เขาและกลับไปอ่านหนังสือต่อ ที่นี้เธอทำได้เพียงอ่านหนังสืออย่างเงียบ ๆ เพราะไม่มีอย่างอื่นให้ทำเลย ไม่อย่างนั้นเธออาจจะถูกไล่ออกไป เธอรวบรวมความกล้าที่จะมาที่สำนักงานของเขาเพราะเธอทนความร้อนไม่ไหวจริง ๆ เมื่อคืนที่มาร์คเปิดใจกับเธอก็เป็นสาเหตุหนึ่งเช่นกัน ตั้งแต่เธอยังเด็กเธอใช้ชีวิตโดยปรับตัวให้เข้ากับอารมณ์ของเขา เธอจะถอยออกมาเมื่อเขาอารมณ์ไม่ดีและพยายามรุกล้ำเส้นถ้าเขาอารมณ์ดี
เมื่อช่วงบ่ายมาร์คเอาแต่มองนาฬิกาของเขา เมื่อเดาได้ว่าเขามีเรื่องที่ต้องไปจัดการ แอเรียนล่าวว่า“คุณมีอะไรต้องจัดการเรียนไหม? ฉันทำให้คุณไม่สะดวกหรือเปล่า?”
เขาเสียสมาธิ “ไม่ ฉันต้องไปที่ชั้นอื่นเพื่อทำอย่างอื่นในภายหลัง เธอสามารถอยู่ที่นี่ได้”
“โอ้” แอเรียนไม่สนว่าเขาจะอยู่ด้วยหรือไม่ตราบใดที่เครื่องปรับอากาศเปิดอยู่
เมื่อถึงเวลา มาร์คก็ลุกออกไปจากห้องทำงานเขาและลงไปที่บริเวณที่นั่งเล่นที่ชั้นล่าง ลิเลียนรออยู่ที่นั้นพร้อมเอกสารอยู่แล้ว “มาร์ค ฉันทำตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว เราเซ็นสัญญาตอนนี้เลยได้ไหม?”
มาร์คพยักหน้าและยื่นสัญญาให้เธอดู “อ่านก่อนสิ ถ้าไม่ติดอะไรก็เซ็นเลย”
ลิเลียนระมัดระวังทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเงินดังนั้นเธอจึงทำตามข้อตกลงอย่างระมัดระวังและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะเซ็นชื่อให้ คุณเป็นคนใจกว้างจริง ๆ ฉันไม่ได้คาดหวังว่าราคาจะสูงกว่าที่ฉันคิดไว้”
มาร์คเอาแต่เงียบ หลังจากเซ็นสัญญาแล้วเขาก็โทรหาฝ่ายการเงินและพูดว่า “เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณอย่างช้าที่สุดภายในวันพรุ่งนี้”
ในตอนนั้นลิเลียนรู้สึกเหมือนว่าในที่สุดเธอก็สามารถเดินได้โดยยกศีรษะขึ้นสูง “ได้สิ แน่นอนถ้าอย่างงั้น ฉันจะไม่รบกวนคุณต่อ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณที่มา” เขาพยักหน้าอย่างแข็งกร้าวด้วยรอยยิ้ม
มาร์คดึงกระเป๋าเอกสารที่เขาไม่ค่อยได้ใช้และยัดสัญญาไว้ข้างในโดยไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเขากลับมาที่ห้องทำงาน ถ้าแอเรียนรู้ว่าเขาซื้อที่ดินและมอบให้อีธานเธออาจจะทะเลาะกับเขา
เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ แอเรียนจึงถามอย่างสบาย ๆ ว่า “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ ฉันยังต้องออกไปข้างนอกอีก เราค่อยกลับบ้านตอนที่ฉันกลับมา”
เธอพยักหน้าและอ่านหนังสือต่อไป
มาร์คถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอกแล้วเดินออกจากห้องทำงานอีกครั้ง เขาโทรหาอีธานหลังจากที่เขาออกจากอาคารและเข้าไปในรถของเขา “ฉันซื้อที่ดินมาแล้ว มาหาฉันตอนนี้ เราจะพบกันที่บุค บริตจ์ คาเฟ่”
หลังจากที่เขาวางสายเขาก็ชกพวงมาลัย เขารู้ดีว่าที่ดินแปลงนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น จุดจบยังอยู่ห่างไกลจากสายตา ความต้องการต่อไปของอีธานจะเป็นอะไร?
หลังจากที่มาร์คไปถึงที่ บุค บริตจ์ คาเฟ่ เขาก็รอเกือบสิบห้านาทีก่อนที่อีธานจะโผล่มา
ตรงกันข้ามกับการแสดงออกที่บูดเบี้ยวของมาร์ค อีธานยิ้มกว้างราวกับว่าเขากำลังพบกับเพื่อนเก่าหรือบางทีอาจจะเป็นพี่ชายที่เขาแบ่งปันความสัมพันธ์ที่ดีด้วย