หวังหลิงจ่าวหัวหน้าสำนักหนานหัวคนปัจจุบันโดยปกติแล้วแบบเวลานี้เขาคงกำลังจัดการกับเรื่องราวต่างๆ อยู่ในหอเทียนหัวหรือไม่ก็ฝึกฝนวิชาอยู่ในห้องส่วนตัวของเขา
อย่างไรก็ตามวันนี้เขาได้เดินทางออกจากสำนักพร้อมกับอาจารย์ซีชิและอาจารย์ผู้อาวุโสไร้ตัวตน เมื่อเทียบกับเขาแล้วมีผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนที่มีตำแหน่งสูงแบบนี้
“เฮ้มันคืออะไรทำไมพวกเจ้าถึงอยากให้ข้าเห็นด้วยตัวเอง? มันไม่สามารถนำกลับมาให้ดูหรือ?” ผู้อาวุโสผมขาวถามด้วยความสงสัย
“มีเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์ทางจิตวิญญาณของกลุ่มอี้เมยค้นพบวัตถุทางจิตวิญญาณ แถมยังมีปีศาจทรงพลังที่มีนามว่าหยูกวน”
“ข้าได้ยินว่ามันเป็นแค่ร้านเล็กๆ”
“จะเป็นร้านเล็กๆ ได้อย่างไร? ด้วยตารางงานที่แน่นของฉันทำไมฉันต้องไปเสียเวลาเยี่ยมร้านเล็กๆ ด้วย มันเป็นถ้ำเลือดโบราณและมีปีศาจอยู่ในนั้นตั้งหาก!”
“ข้าได้ยินมาว่ามีสมบัติล้ำค่าบางอย่างเช่นกระจกสวรรค์และดาบอมตะ”
เมื่อพวกเขาสนทนากันอย่างเข้าใจแล้ว อาจารย์ซีชิและอาจารย์ผู้อาวุโสไร้ตัวตนถึงกับมองหน้ากันและส่ายหัวด้วยความอับอาย
“ผู้นำสำนักควรต้องออกมาสัมผัสกับโลกใบนั้นจริงๆ ..” อาจารย์อาวุโสผู้ไร้ตัวจนพึมพำ
หากพวกเขาไม่ได้ทดลองด้วยตัวเองคนในสำนักคงจะไม่รู้เลยว่าร้านต้นกำเนิดคาเฟ่อินเตอร์เน็ตนี้มีความอัศจรรย์แค่ไหน นอกจากคอมพิวเตอร์หนังและเกมแล้วยังมีเทคนิคต่างๆ อีก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างละเอียดในช่วงสั้นๆ เพราะมีความแตกต่างและคำจำกัดความเกินกว่าเหล่าท่านผู้นำจะเข้าใจ
.. นี่แหละความจริงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามอาจารย์ซีชิและอาจารย์อาวุโสผู้ไร้ตัวตนไม่ได้สนใจว่าเหล่าผู้นำจะเข้าใจหรือไม่ในตอนนี้เพียงแต่พวกเขาอยากพาให้ไปเห็นกับตาตัวเองมากกว่า
…
ขณะเดียวกันในสถานที่ต้อง ณ ภูเขาหลังสำนักหนานหัว
“คนพวกนั้นพบวัตถุโบราณขนาดใหญ่! ไม่ .. หรืออาจจะมีของสิ่งอื่นมากกว่าที่เห็น” ชายผมขาวคนหนึ่งที่มีออร่าเย็นยะเยือกพูดขึ้นพลางนึกถึงนางฟ้าแห่งสวรรค์ของกลุ่มหนานหัวคนก่อน
ชุยเซียนหยันหนี่ตาพลางเอ่ย “คนเหล่านี้ช่างโชคดีที่ได้พบกับวัตถุโบราณ ..ดูเหมือนมันจะมีค่า”
“ท่านพบอะไรหรือ?”
“อืม ..” ซุยเซียนหยันหัวเราะและตอบว่า “มันเป็นเรื่องบังเอิญดูเหมือนว่าปัญหาล่าสุดที่เรากำลังเจอนั้นเกิดจากแรงควบคุมของกลุ่ม เราล่อลวงสาวกจำนวนมากแต่มีเพียงไม่กี่คนที่มีความแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นมีหนึ่งคนที่ถูกเราควบคุมนั้นหลุดไปที่นั่น”
“เช่นนี้ .. มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือ? พวกเขากำลังสรรหาผู้คนและแทรกแซงธุรกิจของเรา”
ชุบเซียนหยันกล่าว “ข้าก็กลัวจะเป็นเช่นนั้น”
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงนั้นหัวเราะอย่างดุเดือด “มันก็แค่เรื่องตลกพลังของมนุษย์นั้นเหมือนกับพลังมด ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทของข้า ข้าคงไม่ถูกขังไว้ที่นี่หลังจากถูกพวกขี้ขลาดโจมตี!”
“ตอนนี้พวกขี้ขลาดเหล่านั้นเสียชีวิตเนื่องจากบาดเจ็บสาหัส แต่พลังของข้าก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง!” เสียงของเขาบ่งบอกถึงความแค้นและเกลียดชัง “เมื่อข้าออกมาได้ข้าจะกดขี่เหล่าสาวกและผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนและกำจัดผู้คนที่ไม่เชื่อฟังข้า!”
“ขอแสดงความยินดีสำหรับการเติบโตทางอำนาจของท่าน” รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฎขึ้นบนใบหน้าของชุยเซียนหยัน
…
เวลาเดียวกันขณะที่ผู้อาวุโสของกลุ่มต่างๆ กำลังเริ่มดูกระบี่เทพสังหารและศึกเทพยุทธภูผาซู บางคนถึงกลับต้องย้อนกลับไปดูเซียนกระบี่เทพพิชิตมารเพื่อทำความเข้าใจ ส่วนบางคนก็เลือกที่จะเล่นเกม GTA5 และดูแฮร์รี่พอร์ตเตอร์เพื่อเปิดหูเปิดตาให้ตัวเองได้เห็นถึงโลกใหม่
ผู้เล่นส่วนมากในเมืองครึ่งนั้นเป็นผู้ฝึกฝนจากต่างเมือง ตอนนี้ผู้เล่นเหล่านั้นเริ่มเติบโตหากเทียบกับตอนแรก
ในพื้นที่นั่งเล่นของร้านค้าอาจารย์และผู้อาวุโสของกลุ่มต่างๆ นั่งปักหลักกันหลังจากดูหนังและเล่นเกมจบพวกเขากำลังเพลินเพลิดกับขนมแท่งรสเผ็ด
ในฐานะหัวหน้าคณะหวังหลิงจ่าวเขาหมุนคอช้าๆ คลายความเมื่อยล้า “ในตอนแรกโลกนั้นเต็มไปด้วยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปกปิดแสงสว่าง ขอบเขตของสวรรค์และโลกจากนั้นก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างความปั่นป่วนเริ่มก่อขึ้น .. เนื้อหาของหนังสือสวรรค์ช่างลึกซึ้งจริงๆ ข้าจำคำศัพท์ได้แต่ความหมายชั่งยากต่อการเข้าใจ!”
“มันไม่ยากอย่างนั้น” นักบวชเต๋าผู้ที่นั่งข้างๆ เขาพูดขึ้น “มันสามารถอธิบายออกมาเป็นผลประกอบการได้ทั้งรูปและนามรวมกันคล้ายกับหยินหยางช่วยเหลือซึ่งกันและกันดาบสายฟ้าและดาบไฟหนานหมิงลี่”
“ท่านนักบวชเตียนจู้ข้ากำลังพูดถึงหนังสือสวรรค์ในกระบี่เทพสังหารใบท่านลากไปเกี่ยวข้องกับศึกเทพยุทธภูผาซูได้ ก็แน่สิทั้งสองดาบก็ต้องคู่กันไม่งั้นจะกำจัดเหล่าปีศาจได้หรือ”
“บ้า!” เขาทำหน้าเหว๋อเล็กน้อย “การผสมผสานของดาบคู่นั้นเขากันคล้ายกับหยินหยางไงละ”
.. คนที่นั่งใกล้พวกเขาคือชายวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเฮารัน “หนังเรื่องนี้พูดถึงการแยกของกลุ่มแต่ละกลุ่มอย่างกลุ่มออโทด็อกเปรียบเหมือนระหว่างท้องฟ้าและโลก” พวกเขากำลังโต้เถียงกันถึงความยิ่งใหญ่ของหนัง
ใกล้ๆ กันนั้นผู้ฝึกฝนที่มีนามว่าต้นเองก็กล่าวเสริมว่า “อืม .. หากกลุ่มเฮารันของเราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคนิคของออโทด็อกได้บ้างก็คงจะดี มันคงจะเป็นพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้เลย!”
“ท่านกำลังพูดถึงอะไร?” อาจารย์จากวังยี่มุถือเปลวไฟสีส้มในมือ “หากข้าไม่รู้สึกถึงพลังของดาบไฟหนานหมิงลี่ข้าก็คงจะติดอยู่กับไฟที่แท้จริงของยี่มุในระดับเก้าต่อไป ข้าไม่เคยรู้สึกถึงพลังในอาวุธอื่นๆ เลยดาบไฟหนานหมิงลี่นั้นทรงพลังที่สุด!”
“ศิษย์น้องนั่นเจ้ากำลังพูดถึงอะไร!?” เตียนจู้ทำหน้าโกรธที่ศิษย์น้องเขากำลังยืนอยู่กับผู้คนนอกกลุ่ม
“ดาบสายฟ้าแห่งสวรรค์นั้นยอดเยี่ยมที่สุดตั้งหาก ดาบไฟหนานหมิงลี่? มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งเหมือนกับดาบอมตะนั้นแหละ” พวกเขาเริ่มเถียงกัน
“หึ!” หวังหลิงจ่าวหึในลำคอด้วยความไม่พอใจ “ดาบอมตะจะไปเทียบกับดาบไฟได้ยังไง!?”
แฟนๆ กระบี่เทพสังหารเริ่มไม่พอใจ “ทำไมพวกท่านถึงดูถูกดาบอมตะของเรา? ข้าสามารถระเบิดกลุ่มอี้เมยด้วยการโจมตีด้วยดาบเพียงครั้งเดียว!”
“เจ้าจะระเบิดกลุ่มอี้เมยได้อย่างไรด้วยการโจมตีด้วยดาบเพียงครั้งเดียว?” แฟนๆ ของเทพยุทธภูผาซูโกรธ “เจ้าคิดว่าดาบคู่สวรรค์ของเราเป็นง่อยหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าลูกค้าเก่าหลายคนเป็นแฟนคลับของกระบี่เทพสังหารและนักบวชเต๋าปีกแดงก็คือหนึ่งในนั้น “ถ้าเจ้าแข็งแกร่งจงมาต่อสู้กับข้า ข้าจะแสดงให้เห็นถึงเวทย์มนตร์ทางจิตวิญญาณที่ข้าได้พัฒนาขึ้นหลังจากอ่านหนังสือสวรรค์!”
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรอ?”
อีกด้านหนึ่งเตียนจู้โพล่งขึ้น “เจ้าได้รับแรงบรรดาลใจ แล้วเจ้าคิดว่าข้าไม่ได้รับอะไรบ้างเลยงั้นสิ?”
“ออกไปข้างนอกหากพวกท่านต้องการต่อสู้กัน” ฟางฉีพูดเสียงเรียบ
“งั้นออกไปข้างนอก! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีอะไรที่ทรงพลังมากกว่าดาบคู่สวรรค์!”
กลุ่มคนเริ่มเดินออกไปข้างนอกและเตรียมพร้อมที่จะประลองยุทธกัน