“เจ้าบัดซบ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าสังหารผู้พิทักษ์ลำดับที่ห้า พวกเรากำจัดเจ้าอาชญากรคนนี้!”

“บัดซบ ประมาทไปเพียงแค่ชั่วครู่เดียว ไม่คาดคิดว่าผู้พิทักษ์ลำดับห้าจะพลาดท่าไปได้”

“นึกเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไป พวกเราทำได้เพียงแค่ล้างแค้นให้กับเขาเท่านั้น”

“อย่าปล่อยให้เขาได้สร้างความสูญเสียให้กับพวกเราอีกต่อไป จะต้องสังหารเขา สังหารเขาทันที!”

ผู้พิทักษ์ทั้งเก้า ไม่สิ ควรจะเป็นผู้พิทักษ์ทั้งแปด ผู้พิทักษ์เหล่านี้ต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อเห็นจิตสังหารในแววตาของแต่ละคนนั้น พวกเขาก็ไม่หลงเหลือความลังเลอีกต่อไป

อย่างรวดเร็ว ผู้พิทักษ์ทั้งแปดก็ได้เคลื่อนไหวออกมา แสดงพลังอำนาจของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ตนเองออกมา

“ความสามารถศักดิ์สิทธิ์กรงเล็บกระดูกหยิน!”

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งได้ตะโกนเสียงดังออกมา บนอากาศเหมือนกับว่ามีกรงเล็บสีขาวคู่หนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา เหมือนกับว่าจะโผล่ออกมาจากขุมนรก มีพลังฉีหยินที่ชั่วร้ายแผ่ออกมา นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

การที่คิดจะบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้นั้น จะต้องรวบรวมออร่าชั่วร้ายเก้าอย่างและอาบทั่วทั้งร่างกายด้วยออร่าที่ชั่วร้ายเหล่านี้ อีกทั้งยังต้องบ่มเพาะเป็นระยะเวลาที่นานถึง49ปี มันจะรู้สึกเหมือนกับถูกมดนับหมื่นกัดกินตลอดเวลา มันเป็นเหมือนกับความเจ็บปวดทรมานจากขุมนรกก็ว่าได้ สิ่งที่กล่าวมานี้ก็คือเงื่อนไขในการบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ให้สำเร็จ

เพราะว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้มีความยากลำบากอย่างมากในการที่จะบ่มเพาะจนสำเร็จนั้น มันจึงส่งผลให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้มีพลังอำนาจที่ไร้ที่สิ้นสุด เมื่อใดที่แสดงออกมา จะสามารถกำราบทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่การป้องกันพลังฉีก็สามารถที่จะเจาะทะลวงผ่านไปได้

ทันทีที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ได้แสดงออกมา อุณหภูมิในพื้นที่ระยะนับสิบกิโลเมตรก็ได้ลดฮวบลงไปหลายสิบองศา มีน้ำแข็งที่จับตัวอยู่ที่พื้น เต็มไปด้วยพลังฉีหยินชั่วร้ายทุกหนแห่ง ทำให้ผู้คนหนาวเหน็บจนสั่นเทา

“หอกมังกรเปลวไฟ!”

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งก็ได้ยกหอกยาวขึ้นมา นี่คือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำ มีพลังอำนาจของมังกรเปลวไฟ หอกที่แทงออกไปนั้น เหมือนกับว่าพลังอำนาจเปลวไฟภายในหอกได้ปะทุออกมาและเปลี่ยนกลายเป็นมังกรเปลวไฟที่พุ่งออกไป คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง

สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนี้มีความน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก เมื่อใดที่ผู้พิทักษ์คนนี้ได้ใช้หอกมังกรเปลวไฟนั้น เปลวไฟที่ยิ่งใหญ่จะลุกลามออกไปรอบๆ แผดเผาเมืองที่มีประชากรกว่าร้อยล้านคนได้อย่างง่ายดาย เปลวไฟจะไม่หายไปในระยะเวลาอันสั้น ทว่าแผดเผาอยู่นานถึงสามวันสามคืน เปลี่ยนพื้นที่บริเวณนั้นให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

“ตะขอเกี่ยววิญญาณ!”

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งได้นำตะขอเกี่ยววิญญาณออกมา นี่คือสิ่งประดิษฐ์เดม่อน มีพลังอำนาจของเดม่อนที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ ตะขอที่พุ่งออกไป มีความลึกลับซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก

หากถูกตะขอนี้แทงเข้าไป ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่จะถูกเจาะทะลุ แม้แต่จิตวิญญาณเองก็จะต้องถูกเกี่ยวออกมาเช่นกัน ผู้พิทักษ์คนนี้เป็นที่ล่วงรู้กันดีว่าคือผู้เก็บเกี่ยววิญญาณ ทำให้ผู้คนภายในเมืองคริสตัลหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อของเขา

“ตราผนึกภูเขาเปล่าเปลี่ยว!”

ซูเหลียงอินก็ได้นำตราผนึกสีทองออกมาจากร่างกาย มันเป็นเหมือนกับตราผนึกของจักรพรรดิก็ว่าได้ ผนึกนี้ที่ได้กระแทกออกไป มันจะดูเหมือนกับเป็นภูเขาไท่ซานที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ไม่สามารถที่จะรับมือกับความหนักหน่วงของมันได้

ตราผนึกภูเขาเปล่าเปลี่ยวนี้ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นต่ำ ว่ากันว่าสร้างขึ้นมาโดยยอดปรมาจารย์นักหล่อหลอม ทำการหล่อหลอมเข้ากับภูเขาและเพิ่มแร่ที่ล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็จารึกค่ายกลแรงโน้มถ่วงเข้าไปเช่นกัน

เมื่อใดที่ตราผนึกนี้กระแทกเข้าไป แม้แต่เมืองทั้งเมืองก็จะต้องเปลี่ยนกลายเป็นผุยผง ตกลงมาเหมือนกับอุกกาบาต มีพลังอำนาจที่จะสามารถทำลายสวรรค์และโค่นล้างแผ่นดิน น่าสะพรึงกลัวอย่างไร้ขีดจำกัด

ผู้พิทักษ์คนอื่นๆก็ได้แสดงความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมาเช่นกัน ไม่ได้ยืนดูอยู่เฉยๆเหมือนกับก่อนหน้านี้ ความตายของผู้พิทักษ์คนนั้นได้ย้ำเตือนพวกเขา การที่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าปีศาจร้ายนี่โดยที่ไม่ทุ่มสุดตัวนั้น มันเป็นเหมือนกับการรนหาที่ตายก็ว่าได้

วิชาการป้องกันนรกกลืนกิน!

ทันใดนั้น เซี่ยปิงก็ได้แสดงวิชาการป้องกันนรกกลืนกินออกมา ภายในร่างกายของเขามีค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นมาทันที กระตุ้นพลังอำนาจของสวรรค์และโลก พลังเวทมนตร์ในส่วนลึกกำลังหมักหมมและเปลี่ยนกลายเป็นอสูรโบราณ

สนามพลังงานได้ก่อตัวขึ้นมาทันทีโดยที่มีร่างกายของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง มันเป็นเหมือนกับกระดองเต่าโบราณก็ว่าได้ ชั้นแต่ชั้นปรากฏขึ้นมา พลังงานเป็นเหมือนกับกระแสน้ำที่กำลังไหลเวียน

เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!

ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนได้ระเบิดใส่ร่างกายของเซี่ยปิง ทำให้เกิดเสียงที่ดังสนั่นขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของเครื่องดนตรีในสมัยโบราณ เหมือนกับเป็นเสียงระฆังในวัดโบราณก็ว่าได้

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนต่างก็ช็อกไปตามๆกัน พวกเขาค้นพบว่าการโจมตีของตนเองที่ระเบิดใส่พลังงานที่ปกคลุมฝ่ายตรงข้ามนั้น มันดูเหมือนว่าจะถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างหมดจดและถ่ายทอดออกไปในอากาศรอบๆ

กลืนกินพลังอำนาจทั้งหมดของพวกเขาเข้าไปเหมือนกับอสูรโบราณ เหมือนกับเป็นร่างกายที่มีภูมิต้านทานต่อกฎทุกอย่างก็ว่าได้

“อันที่จริงนี่มันคือทักษะการป้องกันอะไรกัน?”

ซูเหลียงอินจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาคิดว่าตราผนึกภูเขาเปล่าเปลี่ยวนั้นจะสามารถบดขยี้เจ้าบุคคลที่ยโสโอหังคนนี้ได้อย่างง่ายดาย ใครจะไปคิดกันว่าเมื่อตราผนึกนี้ได้กระแทกลงไปที่ฝ่ายตรงข้ามนั้น มันกลับไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น

ภาพที่เห็นนี้ได้ทำลายความมั่นใจของเขาไปอย่างสมบูรณ์

“ท่าไม่ดีแล้ว ล่าถอยเร็ว!”

ผู้พิทักษ์คนหนึ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะเขาค้นพบว่าหลังจากที่การโจมตีล้มเหลวนั้น เจ้าเด็กนี่ก็โจมตีสอบกลับออกมาอย่างกะทันหัน ประเคนหมัดออกมาสู่เขา มีพลังอำนาจของดวงดาวอยู่

“ไม่นะ! ไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะควบแน่นร่างดวงดาวได้! นี่มันตลกสิ้นดี นี่คือหนึ่งในร่างพิเศษของจักรวาล เจ้าผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจผู้นี้มาจากที่ใดกัน?” เหยี๋ยนหยงก็จ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่แตกตื่น

ผู้พิทักษ์จำนวนมากก็มองออกไปและค้นพบว่าในตอนนี้ร่างกายของเซี่ยปิงเหมือนกับเปลี่ยนกลายเป็นดวงดาว ดึงดูดพลังอำนาจของดวงดาวเข้ามา พื้นที่บริเวณนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นความมืดมิด บนท้องฟ้ามีดวงดาวนับไม่ถ้วนที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ เหมือนกับกำลังจะตกลงมาจากอาณาเขตรอบนอก

ในขณะที่เซี่ยปิงเคลื่อนไหว ก็เหมือนกับกลุ่มของดวงดาวเหล่านี้กำลังร่ายรำ แสงดวงดาวแต่ละจุดได้พุ่งลงมา เหมือนกับเป็นหอกของเทพเจ้าก็ว่าได้ เมื่อใดที่สัมผัสเข้ากับร่างกายของพวกเขา จะต้องถูกแสงดาวนี้เจาะทะลวงในทันที

ซูเหลียงอินก็ล่วงรู้ในทันทีว่าครั้งนี้พวกเขาเผชิญกับตอแข็งแล้ว ไม่ว่านักบ่มเพาะคนใดที่สามารถควบแน่นร่างดวงดาวซึ่งร่างที่พิเศษเช่นนี้ได้นั้น ผู้นั้นย่อมที่จะมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเซนต์ อยู่ในระดับที่ไร้เทียมทาน

ต่อให้แกนพลังฉีของเขาจะสูงกว่าอู๋ไท่โต่วหนึ่งขั้น ทว่าด้วยพลังการต่อสู้นี้ พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน

“ไม่ประหลาดใจว่าทำไมถึงเรียกตนเองว่าอู๋ไท่โต่ว คิดว่าตนเองเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่และน่านับถือภายในโลกวิทยายุทธอย่างนั้นหรือ?”

ซูเหลียงอิงเหมือนกับจะรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานที่เร่าร้อนจากชื่อของเจ้าเด็กนี่

“กรงเล็บกระดูกหยิน!”

ผู้พิทักษ์คนนั้นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเป็นผู้ที่อยู่ใกล้เซี่ยปิงที่สุด เมื่อค้นพบว่าการโจมตีนี้มุ่งเป้ามาที่เขา เขาก็ได้กระตุ้นพลังเวทมนตร์ทั้งหมดในร่างกายของตนเองทันที แสดงการโจมตีเต็มกำลังออกมา พยายามต้านทานการโจมตีของเซี่ยปิงไว้

เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง เขาเหมือนกับกำลังรังแกฝ่ายตรงข้ามก็ว่าได้ เหมือนกับว่าหมัดนี้มีค่ายกลดวงดาวที่ปรากฏขึ้นมา แสงดาวระยิบระยับนับไม่ถ้วนเข้ามาบรรจบกัน

“อ๊าก!” เสียงร้องที่น่าสมเพชได้ดังขึ้นมา

ทันใดนั้นกรงเล็บกระดูกหยินก็ถูกบดทำลายไปอย่างกะทันหัน สิ่งที่เรียกว่าพลังฉีหยินชั่วร้ายนั้นถูกลบล้างไปโดยพลังอำนาจของดวงดาวในทันที ในขณะเดียวกันผู้พิทักษ์คนนี้ก็กระเด็นปลิวออกไป ถูกอัดจนกระเด็นปลิวไปไกลกว่าสิบกิโลเมตร

ร่างกายของเขาได้กระแทกเข้ากับตึกขนาดใหญ่นับสิบ ทำให้ตึกจำนวนมากถล่มลงมา เศษหินแตกกระจายไปทั่ว

“อู๋ไท่โต่ว ตายไปซะเถอะ อ๊าก!”

ผู้พิทักษ์ทั้งห้าคนได้เคลื่อนไหวออกมา พวกเขาได้ห้อมล้อมเซี่ยปิงไว้ ต้องการที่จะโจมตีจากทุกทิศทาง

ทักษะดึงดาว—แรงโน้มถ่วงที่ไร้ขอบเขต!

เซี่ยปิงตบฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นแรงโน้มถ่วงในพื้นที่ระยะสิบกิโลเมตรรอบตัวเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เพิ่มขึ้นมานับพันเท่า กดลงไปที่ร่างกายของผู้พิทักษ์ทั้งห้าคน

โดยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้านั้น การโจมตีของพวกเขาก็หยุดชะงักไป ทั่วทั้งร่างกายเหมือนจะถูกกระแทกโดยอุกกาบาต

ตึบ ตึบ ตึบ!!!

เซี่ยปิงประเคนหมัดออกไปอย่างกะทันหัน พลังหมัดนี้ได้ทะลวงออกไป อากาศสั่นสะท้าน ราวกับว่าเป็นพระเจ้า ดูเหมือนว่าแม้แต่ภูเขาก็ต้องระเบิดออกมาหากเผชิญกับพลังหมัดนี้

ผู้พิทักษ์ทั้งห้าคนส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างน่าสมเพช การป้องกันพลังฉีของพวกเขาต่างก็ถูกทำลายโดยพลังหมัดนี้ ปัง ถูกอัดลงไปที่พื้นโดยตรง ทำให้ที่พื้นปรากฏเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ห้าหลุม

ตึกและอาคารอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่ระยะสิบกิโลเมตรต่างก็ราบเป็นหน้ากลอง ถูกพลังงานฉีที่ทรงอำนาจนี้บดทำลายจนกลายเป็นผุยผง ทันใดนั้นก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพัง