[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 540 : ในคืนที่หลิงหยุนตาย!
“ถ้า.. ถ้าคุณกล้าฆ่าฉัน ตำรวจจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
หลัวเอ้อเฟิงนั้นไม่ได้สนใจสามีที่ตายเป็นผีไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอเป็นห่วงก็คือเรื่องเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีของหวังเล่ยเท่านั้น หากเธอพูดออกไปว่ามันคือเงินค่าจ้างในการจ้างวานฆ่า เธอก็อาจจะไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้น
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมตายเพื่อผู้ชาย และปล่อยให้แร้งจิกกินซากศพ..
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับถอนใจเล็กน้อย เขามองหลัวเอ้อเฟิงด้วยความสมเพช
“คุณลองคิดดูให้ดี.. คุณถูกกักตัวไว้กว่าหนึ่งเดือน มีตำรวจที่ใหนออกตามหาตัวคุณ? อ่อ.. ผมลืมบอกไป คุณกับหลี่กังเป็นเพื่อนกันใช่มั๊ย? ตำรวจกำลังจะพาตัวเขามาให้ผมที่นี่!”
หลัวเอ้อเฟิงได้ฟังถึงกับอึ้งไป ใบหน้าของเธอซีดขาวกว่าเดิม และรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งตัว ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำเธอมากขึ้น
หลิงหยุนผายมือออกพร้อมกับพูดต่อว่า “ต่อให้คุณไม่พูด.. ผมเชื่อว่าหลี่กังก็จะพูดเรื่องนี้ออกมาจนหมดอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะต้องตาย! คุณเลือกเอาเองว่า.. จะเลือกบอกความจริงกับผมแล้วกลับไปมีชีวิตต่อ หรือว่าจะเลือกจบชีวิตตัวเอง ผมจะไม่บังคับ..”
หลิงหยุนบอกหลัวเอ้อเฟิงด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ หลัวเอ้อเฟิงไม่มีทางเลือกอื่น เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกมาอย่างหวาดกลัว..
“คุณ.. แล้วคุณจะยึดเงินของฉันมั๊ย?”
ประกายตาของหลิงหยุนวูบขึ้นมาเล็กน้อย เขายกมือขึ้นชี้ไปที่เพดานพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณคิดว่าบ้านของผมราคาเท่าไหร่? คุณคิดว่าคนอย่างผมอยากได้เศษเงินของคุณงั้นเหรอ?”
แต่ความจริงแล้ว.. ด้วยอุปนิสัยของหลิงหยุน หากคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ชาย หลิงหยุนคงไม่ลังเลที่จะบีบบังคับเอาเงินในบัญชีมาอย่างแน่นอน
หลัวเอ้อเฟิงได้ประสบความทุกข์จากการสูญเสียสามีไปแล้ว หลิงหยุนจึงไม่ต้องการที่จะบีบบังคับเอาเงินจากหญิงหม้ายผู้นี้
หลัวเอ้อเฟิงเงยหน้าขึ้นมองตามนิ้วของหลิงหยุน จากนั้นจึงตอบไปว่า “ได้.. ฉันยอมเล่าแล้ว!”
“ค่อยๆเล่า.. เล่าให้ละเอียดที่สุดเท่าที่คุณรู้ หลังจากเล่าจบ คุณก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้”
หลิงหยุนผายมือไปที่โซฟาตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญให้หลัวเอ้อเฟิงนั่งลงแล้วค่อยเล่า แต่หลัวเอ้อเฟิงกลับไม่ยอมนั่ง และเลือกที่จะยืนเล่าอยู่อย่างนั้น
ปรากฏว่าหวังเล่ยเป็นพนักงานขับรถส่งของจริงๆ แต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้เขาได้กลายเป็นผีพนัน.
เนื่องจากหวังเล่ยติดการพนันอย่างหนัก เขาเข้ามาทำงานในเมืองกว่าสิบปีแล้ว ไม่เพียงไม่สามารถเก็บเงินได้แม้แต่หยวนเดียว แต่ยังสูญเสียทรัพทย์สินที่เคยมี และเป็นหนี้อีกกว่าหนึ่งแสนหยวน
เจ้าหนี้บีบบังคับให้เขาชำระหนี้อยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่หวังเล่ยก็ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ เขาจึงถูกลากไปซ้อมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ จู่ๆก็มีคนมาหาเขาพร้อมกับเสนอเงินค่าจ้างห้าล้านหยวนให้เขาทำงานบางอย่าง และทันทีที่เขาตอบตกลง เขาก็จะได้รับเงินก้อนแรกเป็นจำนวนหนึ่งล้านหยวนทันที
สำหรับหวังเล่ยแล้ว.. เงินจำนวนนี้ไม่ต่างจากเนื้อชิ้นใหญ่ และเขาก็รู้ดีว่างานที่เขาต้องทำแลกกับเงินค่าจ้างนั้นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่เพราะหวังเล่ยร้อนเงินมากในเวลานั้น และจำนวนเงินค่าจ้างที่มากมายนี้ ก็จะสามารถช่วยชีวิตของเขาไว้ได้ หวังเล่ยจึงรับปากทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด
และก็เป็นอย่างที่หวังเล่ยคิดไว้จริงๆ ทันทีที่เขาตอบตกลงรับงาน ชายผู้นั้นก็สั่งให้เขาลงมือฆ่าเด็กนักเรียนมัธยมคนหนึ่งซึ่งก็คือหลิงหยุนนั่นเอง!
เมื่อหวังเล่ยได้ยินว่าเขาต้องไปฆ่าคน.. ถึงแม้ในใจจะค่อนข้างหวาดกลัว แต่ก็ยากที่จะต้านทานความต้องการเงินจำนวนห้าล้านได้ อีกทั้งผู้จ้างวานนั้นก็ได้บอกกับเขาว่า หากถูกจับได้ ก็ให้บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ และให้เขามอบเงินชดเชยแก่ครอบครัวผู้ตายไปหนึ่งล้าน และตัวเขาเองก็จะยังเหลือค่าจ้างอีกถึงสี่ล้านหยวน
หวังเล่ยไม่ลังเลอีกต่อไป เขารีบตอบบตกลงทันที และในวันรุ่งขึ้นก็มีเงินโอนเข้ามาในบัญชีของเขาหนึ่งล้านหยวน
หวังเล่ยรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เขาได้แต่คิดว่าเหตุใดจึงหาเงินได้ง่ายดายเช่นนี้ หวังเล่ยรีบถอนเงินจำนวนสองแสนไปใช้หนี้ทันที และได้มอบให้หลี่กังห้าหมื่นเป็นค่าจ้างสำหรับช่วยเขาในการลงมือฆ่า
หลังจากที่วางแผนทุกอย่างแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการลงมือทำ!
ตามแผนการที่วางไว้นั้น.. หวังเล่ยตั้งใจจะลงมือฆ่าหลิงหยุนในคืนวันที่ 26 มีนาคม แต่โชคร้ายที่คืนนั้นหลิงหยุนอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ตลอดทั้งคืน และหลี่กังเองก็ต้องนั่งอยู่ที่ร้านนั่นแทบทั้งคืนเช่นกัน
ในเมื่อหลิงหยุนไม่ออกมาจากร้าน หวังเล่ยก็ไม่สามารถลงมือได้ ดังนั้นฆาตกรทั้งสองคนจึงได้แต่รอคอยโอกาสต่อไป..
แต่พวกเขาก็ไม่ต้องรอนานมากนัก เพราะในที่สุดคืนถัดไปหลิงหยุนก็ออกจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เพื่อกลับไปที่โรงเรียนกลางดึก หลี่กังจึงรีบไปจ่ายเงิน และเดินตามหลิงหยุนไปห่างๆ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หวังเล่ยเองก็ได้จอดรถพ่วงขนหินรอหลิงหยุนอยู่ที่ข้างถนนแล้ว
ระหว่างที่หลิงหยุนขับรถจักรยานไปจนเกือบถึงสี่แยกนั้น หลี่กังก็ได้โทรหาหวังเล่ยและบอกกับเขาว่า
“มันออกไปแล้ว.. ลงมือได้เลย!”
เมื่อนึกถึงเงินจำนวนสี่ล้านที่จะได้รับ เลือดในตัวหวังเล่ยก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาโยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัว และจัดการสตาร์ทรถพ่วงแล้วขับออกไปทันที หวังเล่ยเร่งเครื่องเต็มที่ก่อนจะพุ่งชนหลิงหยุนที่ขี่จักรยานอยู่จนลอยละลิ่วขึ้นไปกลางอากาศ และกระเด็นออกไปไกลถึงสิบเมตร จากนั้นเขาก็ขับรถพ่วงจนหายลับไปจากบริเวณที่เกิดเหตุ
และนี่คือจุดเริ่มต้น! หวังเล่ยเป็นเพียงแค่ฟันเฟืองเล็กๆชิ้นหนึ่งเท่านั้น เฉินเซินที่ชื่นชอบและสนุกกับการฆ่า ได้สั่งให้หวังเล่ยขับตามไปบดขยี้ร่างของหลิงหยุนให้เละกว่านี้ แต่หวังเล่ยไม่ยอมทำตาม
ไม่เช่นนั้น.. หลิงหยุนคงต้องไม่ต่างจากดินโคลนหลังจากถูกรถพ่วงบดขยี้อย่างแน่นอน แทบไม่ต้องพูดถึงหลิงหยุน ต่อให้ร่างทำจากทองคำก็ยากที่จะมีชีวิตรอดออกมาได้
หลังจากนั้น.. หวังเล่ยก็ขับรถไปจอดอยู่แถวชานเมือง และจัดการทำความสะอาดคราบเลือดที่ติดอยู่ด้านหน้าออกจนหมด แล้วส่งรถกลับคืนบริษัทอย่างไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่หวังเล่ยขับรถชนหลิงหยุนแล้ว เขาก็ไปตามสถานที่ที่นัดกันไว้เพื่อรับเงินค่างจ้างที่เหลืออีกสี่ล้าน
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า.. ไม่เพียงเขาจะไม่ได้รับค่าจ้างที่เหลือ แต่ยังถูกอีกฝ่ายรัดคอจนตาย และจับเขาโยนลงไปในคูน้ำ ร่างของหวังเล่ยจมอยู่ในคูน้ำกว่าสามอาทิตย์ แต่ก็ถูกกู้ขึ้นมาได้โดยไม่ตั้งใจ
ในคืนวันที่ 27 มีนาคม หลังจากหวังเล่ยฆ่าหลิงหยุน เขาก็ถูกฆ่าปิดปากอีกที!
หลิงห่าวใช้เงินไปกว่ายี่สิบล้านในการจ้างเฉินเซินสังหารหลิงหยุน แต่เฉินเซินใช้เงินเพียงแค่หนึ่งล้านในการปิดชีวิตหลิงหยุน และจากนั้นทุกอย่างก็ถูกจัดการได้อย่างเรียบร้อย และมั่นใจว่าไม่มีใครสาวถึงตัวเขาได้อย่างแน่นอน
แต่ช่างโชคร้าย.. ที่โลกนี้ยังมีความยุติธรรมเหลืออยู่บ้าง! หลิงหยุนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล และเขาก็เพิ่งได้เห็นจากข่าว ด้วยอุปนิสัยของหลิงหยุน มีหรือที่เขาจะไม่สืบสาวหาความจริง!
“คุณรู้มั๊ยว่าสามีของคุณทำอะไรก่อนที่เขาจะหายตัวไป?”
หลิงหยุนฟังหลัวเอ้อเฟิงเล่าก็ได้แต่ถามขึ้นมาในจุดที่เขารู้สึกสงสัย
“รู้.. เขาโทรมาบอกกับฉันว่ากำลังจะเดินทางไปรับเงินค่าจ้างที่ฆ่าเด็กนักเรียนนั่น”
หลัวเอ้อเฟิงไม่กล้าปิดบังอะไรอีก เธอจึงเล่าทุกอย่างให้หลิงหยุนฟังจนหมด..
“ในเมื่อรู้ว่าเขาจะลงมือฆ่าคน แล้วทำไมคุณถึงไม่ห้าม?” หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับถามเสียงเบา
“ใครบอกว่าฉันไม่ห้าม! การฆ่าคนตายเป็นเรื่องใหญ่แล้วก็เลวร้ายมาก! ฉันห้ามจนไม่รู้ว่าจะห้ามยังไง? แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง! แล้ววันที่ได้รับเงินจำนวนหนึ่งล้านมาจริงๆ ฉันกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง?” หลัวเอ้อเฟิงเล่าอย่างตื่นตระหนก
“แล้วคุณเคยเห็นหน้าคนที่มาจ้างสามีของคุณบ้างมั๊ยว่ามีรูปร่างหน้าตายังไง?”
หากหลัวเอ้อเฟิงเคยพบ ก็จะเป็นอีกหนึ่งเบาะแสที่ทำให้หลิงหยุนสืบหาศัตรูได้ง่ายขึ้น แต่ช่างโชคร้ายที่หลัวเอ้อเฟิงกลับส่ายหน้า..
“แล้วทำไมหลี่กังถึงได้หนีไปจากเมืองจิงฉู?”
“หวังเล่ยไม่กลับมาบ้านตลอดทั้งคืน หลี่กังเองก็รู้เห็นเรื่องอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วย รุ่งเช้าเขาก็เลยไปสอบถามข่าวคราวที่โรงเรียน แต่กลับได้ข่าวว่าเด็กนั่นยังไม่ตาย เขาก็เลยหวาดกลัวจนต้องหนีไป..”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่หนี?”
“ก็ในเมื่อเด็กนั่นไม่ตาย.. สามีของฉันก็ไม่ใช่ฆาตกร แต่กลับกลายเป็นว่าสามีของฉันหายตัวไปแทน แล้วทำไมฉันต้องหนี?”
หลิงหยุนยิ้มให้หลัวเอ้อเฟิงเล็กน้อย..
หลิงหยุนมองหลัวเอ้อเฟิงอย่างพินิจพิจารณา เขาไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเลยจากการสอบสวนเธอ เพียงแต่ได้มั่นใจว่าเจ้าของร่างนี้ได้ตายจากการถูกฆาตกรรมจริงๆเท่านั้น!
ความหวังของหลิงหยุนฝากไว้ที่หลี่กังเพียงคนเดียวเท่านั้น ในเวลานั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหลิงหยุนก็ดังขึ้น ถังเมิ่งโทรเข้ามาบอกว่าหลี่กังมาถึงแล้วตอนนี้อยู่นอกรั้วบ้าน
หลิงหยุนสั่งให้ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋นำตัวหลี่กังเข้ามาแล้วจึงวางสายไป จากนั้นก็หันไปพูดกับหลัวเอ้อเฟิงพร้อมกับชี้นิ้วไปทางห้องฟิตเนส
“คุณเข้าไปรอผมอยู่ในห้องนั้นก่อน แล้วห้ามส่งเสียง ถ้าผมไม่สั่งให้ออกมา คุณก็ห้ามออกมาโดยเด็ดขาด!”
เมื่อหลัวเอ้อเฟิงได้ยินว่าหลี่กังถูกจับตัวกลับมา เธอก็ถึงกับตกใจและหวาดผวาในอำนาจอิทธิพลของหลิงหยุน จึงได้แต่พยักหน้า และเดินเข้าไปในห้องฟิตเนสอย่างเชื่อฟัง
หลัวเอ้อเฟิงเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องฟิตเนสแล้ว ตี้เสี่ยวอู๋ก็พาตัวหลี่กังเดินเข้ามา และตามมาด้วยถังเมิ่ง
“พี่หยุน.. เขาคือหลี่กัง!”
ถังเมิ่งเดินตามเข้าไปพร้อมกับชี้นิ้วไปทางหลี่กังที่อยู่ในมือของตี้เสี่ยวอู๋
“โยนมันลงที่พื้น แล้วพวกนายสองคนก็ออกไปข้างนอก..” หลิงหยุนสั่งพร้อมกับโบบกมือให้ทั้งคู่ออกไป
“เข้าไป!” ตี้เสี่ยวอู๋ผลักหลี่กังล้มลงบนพื้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับถังเมิ่ง
หลี่กังเป็นชายร่างเล็กอายุสามสิบสี่ปี ดวงตาเล็ก และมีเบ้าตาที่ลึก สภาพของเขาตอนนี้ดูไม่ดีนัก
ตี้เสี่ยวอู๋จับหลี่กังโยนลงไปอย่างแรง เขาได้แต่ร้องออกมา และลุกแทบไม่ขึ้น
หลิงหยุนไม่ได้ปราณีหลี่กังเท่ากับหลัวเอ้อเฟิง เขาขี้เกียจที่จะพูดจาโยกโย้กับหลี่กัง จึงยกมือขึ้นพร้อมกับฝังเข็มสองเล่มลงไปที่น่องของหลี่กัง
“โอ๊ย!” หลี่กังกรีดร้องออกมาเสียงดัง และเสียงร้องของเขาก็โหยหวนเจ็บปวดยิ่งกว่าหมูที่ถูกเชือดเสียอีก
เข็มเล่มใหญ่ที่ฝังลงไปนั้น ทำให้หลี่กังเจ็บปวดอย่างที่สุดจนถึงกับต้องลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้น หลิงหยุนได้แต่บอกเขาเสียงเบาว่า
“อดทนหน่อย.. ถ้าขืนแกยังแหกปากร้องเสียงดัง ฉันจะเพิ่มเข็มให้แกเป็นรางวัลอีกสี่เล่ม!”
“เล่ามา.. แกกับหวังเล่ยร่วมมือกันทำอะไรบ้าง? เล่ามาตั้งแต่ต้นจนจบ! เล่ามาให้ละเอียดอย่าให้ขาดไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกตายทรมานอย่างช้าๆ!”
“ฉันเล่า.. ฉันจะเล่าทุกอย่าง!”
หลี่กังนอนขดเป็นกุ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด เขาหายใจอย่างแรง แต่ก็ไม่กล้ากรีดร้องออกไป
ก่อนหน้านี้หลี่กังถูกตำรวจจับตัวนำกลับมาที่เมืองจิงฉู แต่ก็ไม่รู้ว่าตำรวจจับเขามาทำไม?
หลี่กังเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลิงหยุนฟัง และก็ไม่แตกต่างไปจากที่หลัวเอ้อเฟิงเพิ่งเล่าไปนัก หลิงหยุนเปรียบบเทียบคำบอกเล่าของทั้งคู่ และมั่นใจว่าไม่มีฝ่ายใหนพูดโกหก
“เอาล่ะ.. คราวนี้ตอบคำถามของฉันมา!”
หลิงหยุนรู้ดีว่าหากเขาต้องการหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ คงต้องเริ่มจากหลี่กัง..