[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 541 : เบาะแสใหม่!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลี่กังที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดจนฟันกระทบกันนั้น ก็ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความปวดร้าวอย่างแสนสาหัส
แค่หนามตำมือก็รู้สึกเจ็บปวดแล้ว จึงแทบไม่ต้องพูดถึงการที่ถูกเข็มเล่มใหญ่สองเล่มปักอยู่ที่น่อง!
หลิงหยุนจ้องมองหลี่กังด้วยแววตาเย็นชา และไม่ได้รู้สึกสงสารเขาเลยแม้แต่น้อย เขาพูดกับหลี่กังด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“แกลองใคร่ครวญดูให้ดีว่าในคืนนั้นยังมีใครที่น่าสงสัยอีก?”
หลี่กังแตกต่างจากหลัวเอ้อเฟิง หลัวเอ้อเฟิงเป็นเพียงแค่คนที่รู้เรื่องราวเท่านั้น แต่หลี่กังจัดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เพราะก่อนที่หวังเล่ยจะขับรถพ่วงชนหลิงหยุนนั้น หลี่กังเป็นผู้ที่สะกดรอยตามเขาทุกฝีก้าว จนกระทั่งส่งเขาเข้าสู่ล้อรถพ่วงของหวังเล่ย
หลิงหยุนรู้ดีว่าก่อนที่หวังเล่ยจะลงมือเชือดหลิงหยุนนั้น ทุกเหตุการณ์ล้วนอยู่ในสายตาของหลี่กังทั้งสิ้น และเขาก็นับว่าเป็นผู้ที่รู้ข้อมูลดีที่สุดคนหนึ่ง
หลี่กังไม่ทำให้หลิงหยุนผิดหวังจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องมีความทรงจำที่พิเศษแต่อย่างใด เขาพยักหน้าและตอบกลับไปทันที
“มี..”
หลิงหยุนสั่งหลี่กังด้วยท่าทีสงบเช่นเคย “เล่ามา..”
ในขณะที่กำลังรื้อฟื้นความทรงจำของตนเองอยู่นั้น หลี่กังก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับพึมพำเบาๆ “ในคืนนั้นมีคนที่น่าสงสัยอยู่สองคน แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสงสัยเกิดขึ้นด้วย..”
หนึ่งวันก่อนที่หลิงหยุนจะถูกรถชนนั้น หลี่กังได้รับเงินจากหวังเล่ยเป็นค่าจ้างให้เขามาทำหน้าที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของหลิงหยุน และจากข้อมูลที่ผู้จ้างวานฆ่าให้มานั้น หลี่กังจึงได้ไปเฝ้าหลิงหยุนอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่ง
ช่วงนี้.. ธุริกิจร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่นับว่าได้รับความนิยมอย่างมาก หลิงหยุนจึงไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่ง โดยทำหน้าที่เป็นทั้งพนักงานทั่วไป และแคชเชียร์
นอกเหนือจากไปเฝ้าหลิงหยุนที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หลี่กังก็มีไปด้อมๆมองๆหลิงหยุนอยู่ที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง
หลิงหยุนนั้นเป็นเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนต่ำสุดของโรงเรียนมัธยมจิงฉู ในเวลานั้นจึงไม่ได้รับความสนใจจากใครเท่าไหร่ เว้นแต่เด็กนักเรียนหญิงซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง 6 ที่ชื่อเกาเฉินเฉินเท่านั้น
สถานะของเกาเฉินเฉินนั้น ไม่มีนักเรียนคนใหนในห้องที่จะเทียบกับเธอได้เลยแม้แต่คนเดียว และหากเปรียบเทียบเกาเฉินเฉินกับนักเรียนคนอื่นๆในห้อง ทุกคนก็ไม่ต่างจากมดตัวเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น และวันหนึ่งที่ทุกคนเรียนจบและแยกย้ายกันไปมีชีวิต ก็ยากที่ทุกคนจะมีโอกาสเวียนมาพบเจอเกาเฉินเฉินได้อีก
ดังนั้น.. เกาเฉินเฉินจึงปฏิบัติต่อเพื่อนนักเรียนทุกคนในห้องอย่างเสมอภาคกันในฐานะของหัวหน้าห้อง และแน่นอนว่าเพื่อนนักเรียนในห้องย่อมรวมถึงหลิงหยุนด้วย
การที่หลิงหยุนมีผลการเรียนไม่ดีนั้น เกาเฉินเฉินไม่ได้สนใจ! แต่การที่หลิงหยุนไม่เข้าเรียนแทบทุกวัน และนับวันก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นต่างหาก ที่ทำให้สาวสวยอย่างเกาเฉินเฉินเริ่มไม่พอใจอย่างมาก
เกาเฉินเฉินขอให้ฉางหลิงช่วยอีกแรง ด้วยการให้ฉางตง และไฉฮั่นหลินส่งข่าวบอกหลิงหยุนผ่านหมายเลขในเพจ Q ที่หลิงหยุนได้สมัครไว้ และทั้งคู่ก็ได้แจ้งหลิงหยุนไปว่าให้รีบกลับมาเรียน เพราะเกาเฉินเฉินไม่พอใจอย่างมากแล้ว
ในเวลานั้น.. หลิงหยุนที่แอบหลงรักเกาเฉินเฉิน เมื่อได้ข่าวว่าเทพธิดาในดวงใจของเขาเริ่มไม่พอใจ หลิงหยุนจึงได้ขออนุญาตซูปิงหยานซึ่งเป็นเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่หยุดงานสักสองสามวันเพื่อกลับไปเรียน
ช่วงเวลากลางวัน.. หลิงหยุนก็อยู่ที่โรงเรียน แต่หลังเลิกเรียนเขาก็จะหมกตัวอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ตลอดทั้งคืน และจะกลับไปที่โรงเรียนอีกครั้งในตอนเช้า
และในเย็นวันที่ 27 มีนาคม.. หลังจากเลิกเรียน หลิงหยุนก็ตรงไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เหมือนเช่นเคย เขาทำงานหาเงินและเล่นเกม โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนแปลกหน้าสามคนกำลังจับตามองเขาอยู่ในร้าน
หนึ่งในสามคนนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหลี่กัง และนับว่าเป็นคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในการฆาตกรรมหลิงหยุนครั้งนี้
แต่ก็ยังมีชายแปลกหน้าอีกสองคนที่จับตามองหลิงหยุนอยู่เป็นเวลานานเช่นกัน คนหนึ่งคือคนที่คุณชายหลิงห่าวแห่งตระกูลหลิงเป็นผู้ส่งมา และเขาได้แอบถ่ายรูปของหลิงหยุนส่งให้กับหลิงห่าวด้วย
ส่วนอีกคนเป็นคนที่คุณชายเฉินเซินแห่งตระกูลเฉินเป็นผู้ส่งมา เฉินเซินเป็นผู้รับงานสังหารหลิงหยุน เขาจึงต้องมั่นใจว่าหลิงหยุนนั้นตายแน่ จึงได้ส่งคนมาคอยจับตามองเช่นกัน
ในคืนนั้นหลิงหยุน หลี่กัง คนของหลิงห่าว และคนของเฉินเซิน ต่างก็อยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ด้วยกัน เพียงแต่ต่างคนต่างก็ไม่รู้จักกัน และต่างก็ไม่รู้ว่าใครมีจุดประสงค์อะไร นี่คงเป็นเรื่องของโชคชะตา!
และตัวหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านั้น!
ในเย็นวันที่ 26 มีนาคมนั้น ทุกคนต่างก็เฝ้าหลิงหยุนอยู่ที่ร้านเช่นกัน แต่เพราะหลิงหยุนอยู่ที่ร้านตลอดทั้งคืน และออกจากร้านไปโรงเรียนในเช้าวันที่ 27
แน่นอนว่า.. การฆาตกรรมไม่สามารถลงมือในเวลากลางวันแสกๆได้ พวกเขาจึงต้องรอให้ถึงกลางดึกเสียก่อน
ความจริงแล้ว.. ในคืนวันที่ 27 มีนาคมนั้น หลิงหยุนเองก็ไม่ได้คิดจะกลับไปที่โรงเรียน เขาตั้งใจจะค้างคืนที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เช่นเคย แต่จู่ๆ หลิงหยุนก็คล้ายกันนึกอะไรขึ้นมาได้
หลิงหยุนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า.. อาทิตย์นี้เขาต้องกลับบ้านพร้อมกับน้องสาว – หนิงหลิงยู่
ฉินจิวยื่อและหนิงหลิงยู่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของหลิงหยุน หลิงหยุนจึงไม่เคยกล้าละเลยต่อสองคนนี้เลยสักครั้ง
หลิงหยุนไม่ต้องการกลับบ้านในสภาพที่มีสีหน้าหมองคล้ำอย่างคนอดหลับอดนอน เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ค้างคืนที่ร้าน แต่จะกลับไปนอนพักที่หอพักในโรงเรียนแทน
กลางดึกหลังเที่ยงคืน.. หลิงหยุนจึงเดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลี่กัง และคนของเฉินเซินก็รีบไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ และเดินตามหลิงหยุนออกไปทันที
การจ่ายเงินและเดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องปกติ และในเวลานั้นหลี่กังเองก็เอาแต่จับตาดูหลิงหยุนจนไม่ทันได้คิดอะไร แต่หลังจากหวังเล่ยเสียชีวิต หลี่กังจึงกลับไปนั่งครุ่นคิด และใคร่ครวญเหตุการณ์ดูอีกครั้ง และเริ่มรู้สึกว่ามันผิดปกติ..
“คืนนั้นมีอยู่คนหนึ่ง.. ที่มีพฤติกรรมคล้ายๆกับฉัน แล้วยังนั่งอยู่ไม่ห่างกันมากด้วย อาจเป็นเพราะต่างก็คอยจับตามองหลิงหยุน ก็เลยนั่งใกล้ๆกัน..”
หลี่กังยืนยันอย่างมั่นใจในความคิดของตนเอง แววตาของเขาเป็นประกายและพูดต่อว่า
“ต้องใช่แน่ๆ ฉันจำได้ว่าตอนนั้น.. ฉันอยู่ในร้าน เขาก็อยู่ในร้าน แต่พอหลิงหยุนออกจากร้าน เขาก็ตามออกไปติดๆเหมือนกัน..”
สองเดือนก่อนหน้านี้ หลิงหยุนยังเป็นเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่มีน้ำหนักเป็นร้อยๆกิโลกรัม แต่ตอนนี้น้ำหนักของเขาเหลือไม่ถึงร้อยกิโลกรัม อีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็ดูหล่อเหลา แม้แต่หลี่กังยังจำไม่ได้ว่าคนที่อยู่หน้าเขานั้นคือหลิงหยุน!
หลิงหยุนไม่ขัดจังหวะในการเล่าของหลี่กัง เขาเพียงแค่ขมวดคิ้ว และพยามรื้อฟื้นความทรงจำในวันนั้นของตนเอง แต่ช่างโชคร้ายที่ดูเหมือนมันจะเลือนลางอยู่มากจนถึงขั้นจำอะไรไม่ได้เลย..
แม้แต่หน้าตาของเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่ชื่อซูปิงหยานหลิงหยุนยังจำไม่ได้ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นๆ
แต่เบาะแสใหม่ที่ได้จากหลี่กังนั้นก็นับว่าเป็นข่าวดีมากสำหรับหลิงหยุน!
“แล้วอีกคนล่ะ?” หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามเสียงเบา
หลี่กังยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลออกตามหน้าผากด้วยหลังมือพร้อมกับตอบไปว่า
“อีกคนดูไม่น่าสงสัยอะไร แต่ที่ฉันคิดว่าน่าสงสัยก็เพราะเขามาที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ แต่กลับไม่เล่นเกม เอาแต่นั่งเปิดเวปไซด์ดู แต่สายตาก็คอยจับจ้องมองหลิงหยุนอยู่เป็นครั้งคราว..”
อีกคนที่หลี่กังพูดถึงนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่หลิงห่าวส่งมาจับตามองหลิงหยุนนั่นเอง
หลิงหยุนไม่รอให้หลี่กังพูดจบ เขาขยับตัวพร้อมกับคิดว่าคนนี้ต่างหากที่น่าสงสัยที่สุด และดูน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
“แล้วสองคนนั้นมีรูปร่างหน้าตายังไง? และบุคลิกท่าทางเป็นอย่างไร?” หลิงหยุนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
หลี่กังตอบตามความจริง “คนหนึ่งดูแข็งแรงมาก ตัดผมสั้น หน้าตาเย็นชา สวมเสื้อสูทสีฟ้า..”
“ส่วนคนหลัง ดูเป็นคนธรรมดาๆ สูงปานกลาง และดูท่าทางสบายๆ ไม่โดดเด่นอะไร เรียกได้ว่าถ้าอยู่กลางฝูงชนก็ไม่มีอะไรสะดุดตา.. อ่อ.. แต่หน้าตาของเขาดูดุร้าย และดูเหมือนจะสูบบุหรี่จัดมาก เพราะนิ้วที่คีบบุหรี่นั้นเหลืองไปหมด!”
“แกทำดีมาก!”
หลิงหยุนเอ่ยชมหลี่กังพร้อมกับถามต่อว่า “แล้วเรื่องอะไรที่แกบอกว่าน่าสงสัย!?”
หลี่กังเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่สำคัญกับหลิงหยุนมาก และมีประโยชน์กับเขาอย่างที่สุด หลิงหยุนกำลังรอฟังคำตอบของหลี่กังอย่างใจจดใจจ่อ..
หลี่กังไม่รอให้หลิงหยุนพูดจบ เขารีบตอบกลับไปเพื่อหวังให้หลิงหยุนพอใจ และไว้ชีวิตเขา
“หวังเล่ยโทรหาฉัน และในโทรศัพท์ ฉันก็ได้ยินเขาพูดถึงแต่รถ Audi Q7 สีดำ..”
“งั้นรึ?” หลิงหยุนเริ่มสนใจ
“แล้วหวังเล่ยเคยบอกหมายเลขทะเบียนรถคันนั้นบ้างมั๊ย?” หลิงหยุนถามทันที
คนที่น่าสงสัยสองคน หมายเลขบัญชีนาคาร และหมายเลขทะเบียนรถ ด้วยเบาะแสทั้งหมดนี้ หลิงหยุนจะไม่สามารถสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้เชียวหรือ!
เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง!
หลี่กังส่ายหน้าพร้อมกับตอบว่า “เขาไม่ได้บอก..”
หลิงหยุนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังคงฟังหลี่กังพูดต่อ
“แต่ฉันก็ได้เห็นรถคันนั้นด้วยตาตัวเอง..”
หลี่กังเองก็ตามไปที่สี่แยกเช่นกัน เขาเห็นรถ Audi Q7 สีดำ เขาเห็นหวังเล่ยขับรถชนหลิงหยุนกับตา และนี่คือการฆาตกรรม! เขามั่นใจว่าเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน!
“แกจำเลขทะเบียนรถคันนั้นได้มั๊ย?! พูดมา!” หลิงหยุนลุกขึ้นจากโซฟา
“จำได้.. ดูเหมือนจะเป็นตัว A..”
“ยังไม่รีบพูดอีก..” หลิงหยุนตะโกนสั่ง..
หลี่กังที่เพิ่งได้รับความเจ็บปวดรีบระล่ำระลักตอบทันที “หลังจากหวังเล่ยขับรถพุ่งชนเด็กคนนั้น ไม่ถึงสองนาทีรถ Audi Q7 คันนั้นก็เข้ามาจอดทันที จากนั้นก็ขับหายไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่ฉันจำได้ว่าทะเบียนรถมีคำว่า ปักกิ่ง A..”
“เยี่ยมมาก! แกแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดโกหก?” หลิงหยุนถามต่อ
“ฉันจะกล้าโกหกได้ยังไง ฉันก็กลัวตายเหมือนกัน!” หลี่กังรีบตอบทันที
เบาะแสทุกอย่างอยู่ตรงนี้แล้ว หลิงหยุนนับว่าได้ข้อมูลมาไม่น้อย เขาผิวปากพร้อมกับตะโกนเรียกถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ที่อยู่หน้าประตู
“ถังเมิ่ง.. เสี่ยวอู๋.. เข้ามาข้างใน!”
หลังจากนั้น.. หลิงหยุนก็เดินเข้าไปหาหลี่กัง และก้มลงจับคางหลี่กังเงยขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พูดเหนื่อยหรือยัง? ได้เวลาพพักผ่อนแล้ว..”
ตอนนี้.. สิ่งที่หลิงหยุนต้องการทำก็คือไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งนั้น!