2/5

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.426 – การกลับมาของเผ่ากริม

 

แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกทหารรับจ้างเฟิงหลีก็คือ หลังจากพวกเขาขับฮอลศึกออกมาได้แค่ 10 นาที ก็ปรากฏฮอลอีกลำหนึ่งบนเส้นขอบฟ้า

 

“นั่นเมฆคราม”

 

“เป็นหัวหน้า!”

 

“หัวหน้าส่งสัญญาณมา ว่าให้ลงจอดก่อน”

 

กองทหารรับจ้างลงจอด ฉินเฟิงออกจากเมฆคราม ฝูงชนเข้ามารายล้อม

 

แน่นอน เป็นเพราะฉินเฟิงถูกออกหมายจับ ดังนั้นทุกคนเลยเก็บอุปกรณ์สื่อสารของตนไว้ในพื้นที่มิติ

 

เมื่อถูกออกหมายจับ ย่อมไม่อาจปล่อยให้เกิดการแจ้งเตือน หากอุปกรณ์สื่อสารจับสัญญาณชีวิตของฉินเฟิงได้ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล และตำแหน่งของฉินเฟิงจะถูกเปิดเผยทันที

 

จากนั้นก็จะมีผู้คนมากมายเข้ามาสร้างปัญหาให้แก่ฉินเฟิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกวงเว่ย ที่ไม่แน่ว่าอาจยังไม่ยอมละความตั้งใจสังหารเขา

 

“หัวหน้า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคุณถึงถูกออกหมายจับ” สมาชิกคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยท่าทีหวาดกลัวและวิตกกังวล

 

เพราะพวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงไม่คิดปกปิดความจริง บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไป

 

ใบหน้าของทุกคน แปรเปลี่ยนกลับกลาย

 

“ไม่คิดมาก่อนเลย ว่ากวงเว่ยมันจะเป็นคนแบบนี้”

 

“ว่าแล้วมันแปลกๆ เขาร่วมมือกับเล่ยหยิงจริงๆสินะ!”

 

“ไอ้ชาติชั่ว ฉันจะรายงานเรื่องนี้ต่อกลุ่มพันธมิตรมนุษย์!” แม้เจิ้งเฉียนจะเป็นคนแรกที่เห็นเหตุการณ์ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นมันสามารถคาดเดาไปได้หลายทิศทาง ทว่าพอได้ยินคำพูดของฉินเฟิง เธออดโกรธไม่ได้จริงๆ

 

กวงเว่ยช่างเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย!

 

ทุกคนต่างรู้ดี ว่าสงครามที่เกิดขึ้น ฉินเฟิงสามารถสร้างผลงานได้เป็นอันดับหนึ่ง! แต่สุดท้ายพันธมิตรมนุษย์ไม่เพียงไม่ยอมมอบรางวัลพิเศษให้เขา แต่ยังบีบบังคับฉินเฟิงให้มอบแส้มิติและจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินกว่า 5 ล้านล้าน!

 

–ไม่ต่างจากวลี ‘เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล’ เลย!

 

สารเลวจริงๆ

 

สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉย “ไม่ใช่ทั้งพันธมิตรมนุษย์หรอก แต่เป็นแค่ความละโมบส่วนตัว ในส่วนของกวงเว่ย ดูเหมือนเขาจะหมายตาแส้มิติ เพราะเขาเป็นผู้ใช้อบิลิตี้น้ำแข็ง ธาตุนี้ไม่เชี่ยวชาญด้านการไล่ล่าหรือเคลื่อนไหวระดับสูง ดังนั้นถ้าได้แส้มิติมาคงช่วยได้มาก ”

 

“ส่วนเล่ยหยิง เป็นเพราะผมแก้วิกฤตในทะเลทรายทะเลเหนือ และพัฒนาจนสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ ดังนั้นเขาเลยต้องการกำจัดผม เพื่อเข้ายึดครองอำนาจทั้งหมดมาไว้ในกำมือตัวเอง”

 

“เราจะยอมให้พวกมันทำแบบนี้ไม่ได้ พันธมิตรมนุษยชาติ ไม่มีกฏหมายอะไรเลยหรือ?”

 

แน่นอน พันธมิตรมนุษย์มีกฏอยู่มากมาย แต่กฏหมายเหล่านั้น บางครั้งมันก็เป็นแค่สิ่งสวยหรูไร้ประโยชน์!

 

มีเฉพาะคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะสามารถเอ่ยและใช้ประโยชน์จากกฏหมายได้!

 

ฉินเฟิงไม่ได้อธิบายสิ่งเหล่านี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “อย่าทำให้เรื่องมันยาวเลย ผมไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก ใครจะรู้ บางทีกวงเว่ยอาจยังไม่ยอมแพ้และแอบไล่ตามพวกคุณมาก็ได้ ดังนั้นผมจะขอสรุปสั้นๆว่าพวกคุณควรทำยังไงต่อไป”

 

ทุกคนหุบปากเงียบทันที เฝ้ามองฉินเฟิงอย่างจริงจัง

 

“เมื่อครู่ ก่อนที่อุปกรณ์สื่อสารของผมจะถูกระงับการใช้งาน ผมได้ส่งตำแหน่งหัวหน้าทหารรับจ้างเฟิงหลี มอบให้กับโจวฮ่าวที่เติบโตมาด้วยกันเป็นคนดูแลแล้ว ความแข็งแกร่งของเขา เพิ่งมาถึงแค่เลเวล E เท่านั้น เขาเทียบกับพวกคุณไม่ได้ ฉะนั้นช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่ ทุกคนมีอิสระที่จะตัดสินใจ สามารถจากไปได้ตามต้องการ เพราะผมไม่ต้องการให้เรื่องของผมเพียงคนเดียว สร้างปัญหาให้แก่ทุกคน”

 

สิ้นเสียงของฉินเฟิง ฝูงชนก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา

 

“หัวหน้า คุณพูดเรื่องอะไรกัน พวกเราจะจากไปได้อย่างไร!”

 

“ใช่ พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้ก็คิดซะว่ากองทหารรับจ้างเฟิงหลีพักร้อนชั่วคราวก็แล้วกัน”

 

“หัวหน้า เราติดตามคุณเพราะต้องการให้ช่วยชำระแค้นแก่หัวหน้าเกา ตั้งแต่ที่ตัดสินใจแล้ว นอกเหนือไปจากคุณ พวกเราก็ไม่คิดติดตามใครอีก!”

 

แน่นอน ถึงส่วนใหญ่จะคิดแบบนี้ แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่ง ที่เกิดความคิดฉีกไปอีกทาง

 

เกาลี่คือหนึ่งในนั้น เขาก้าวออกมาข้างหน้า เอ่ยตามตรง “หัวหน้า ตอนนี้คุณตั้งใจจะทำอะไรต่อไป? ในเมื่อพันธมิตรมนุษยประกาศจับคุณ ฉะนั้น ตัวเลือกที่เหลือ คงมีแค่เดินทางไปพึ่งพิงพันธมิตรองค์กรมืดเป็นการชั่วคราวแล้ว!”

 

ในโลกใบนี้ มีหยินย่อมมีหยาง มีขาวย่อมมีดำ พันธมิตรมนุษยชาติแข็งแกร่งก็จริง แต่พันธมิตรองค์กรมืดก็มีอำนาจมากเช่นกัน!

 

เพียงแต่สภาพแวดล้อมทางฝั่งพวกเขาเต็มไปด้วยความรุนแรง มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด

 

“หัวหน้า คุณสนใจจะไปเมืองหลวงปีศาจรึเปล่า?”

 

สถานที่ดังกล่าว คือดินแดนแห่งตำนานเช่นเดียวกับเมืองหลวงมังกร

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเฟิงก็หายไป เปิดปากกล่าว “ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของผม จะกล้าไปยังเมืองหลวงปีศาจได้ยังไง!”

 

เมืองหลวงปีศาจและเมืองหลวงมังกร มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเลเวล S เต็มไปด้วยพยัคฆ์และอสรพิษ น่าหวาดหวั่นยำเกรง!

 

เว้นแต่ว่าฉินเฟิงจะก้าวขึ้นสู่เลเวล B เท่านั้น เขาถึงจะมีความกล้าย่างกรายเข้าไปที่นั่น

 

“ยังไงก็ตาม ตัวเลือกหันไปพึ่งพิงองค์กรมืดก็น่าสนใจ ผมเลยคิดว่าจะไปยัง ‘เมืองหวัง’ (เมืองสาบสูญ)  ”

 

ที่นั่นไม่ใช่เมืองหลวง แต่มันคือเมืองแห่งการหลบหนี!

 

มันตั้งอยู่ในดินแดนชั่วร้าย มีผู้ลี้ภัยจากพันธมิตรมนุษยชาติมากมายไปที่นั่น ดังนั้นจึงมักจะมีคนจากพันธมิตรมนุษย์ ออกไปล่าคนในสถานที่แห่งนั้นอยู่เสมอๆ

 

และที่สำคัญก็คือ ตัวตนทรงพลังอันดับต้นๆของเมืองหวัง มีความแข็งแกร่งอยู่แค่เลเวล B เท่านั้น

 

ค่อนข้างเหมาะสมสำหรับฉินเฟิง

 

“หัวหน้า งั้นพาพวกเราไปด้วยเถอะ ถ้าไม่มีคุณ ใครจะรู้ ทางพันธมิตรมนุษย์อาจผิดสัญญาก็ได้!” เกาลี่ตะโกน

 

ความคิดของเกาลี่เรียบง่ายมาก เพราะตัวเขาในตอนนี้ ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป

 

แม้จะเป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ไม่เกิดอะไรผิดปกติ แต่อย่างไรสถานะของเกาลี่ก็ยังเป็นมนุษย์กลายพันธุ์!

 

ดังนั้น ความรู้สึกภักดีที่มีต่อพันธมิตรมนุษย์ จึงไม่เข้มข้นเหมือนเดิมอีกต่อไป

 

ท่าทีการแสดงออกของฉินเฟิงเปลี่ยนเป็นมืดมน กล่าวเสียงจม “เกาลี่ คุณกำลังคิดว่าผมจะไม่มีโอกาสกลับมาแล้วงั้นหรอ?”

 

เกาหลีตระหนักว่าฉินเฟิงโกรธ เขาหุบปากลงทันใด ชั่วขณะนั้น ทุกสรรพเสียงรอบกายพลันเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดอีก

 

ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น “วันนี้พวกเขาขับไล่ผมได้แล้วมันทำไม? ในวันข้างหน้า ผมจะหาวิธีเอาคืนพวกเขาเอง!”

 

ฉินเฟิงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ทันที ว่าการสังหารเล่ยหยิง มันคงเป็นการเมตตามากเกินไป!

 

ฉะนั้น ฉินเฟิงจะปล่อยให้เล่ยหยิงกลายเป็นคนไร้ค่า กลายเป็นหมูหมาที่ทุกคนเห็นต้องร้องยี้ นี่สิถึงจะเหมาะสมกับความเลวของเล่ยหยิง

 

เป็นการแก้แค้นที่สาสมใจที่สุด!

 

“ถ้าพวกคุณไม่คิดออกจากกองทหารรับจ้างจริงๆ งั้นตอนนี้ขอให้แยกย้ายกระจายตัวกันออกไป และค่อยๆตั้งใจฝึกฝน ผมจะกลับมาอีกครั้งอย่างช้าที่สุดคือครึ่งปี เมื่อถึงเวลานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของผม ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาพรากมันไปอีกเด็ดขาด!”

 

“น้อมรับคำสั่ง!”

 

ทุกคน ณ ที่นี้ ต่างมองฉินเฟิงเป็นสายตาเดียว แม้พวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าฉินเฟิงยังเด็ก แต่ก็ยังรู้สึกได้ ว่าชายเบื้องหน้าพวกเขา มีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด

 

“เอาล่ะ งั้นตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน แต่จำไว้ให้ดี อย่ากลับไปยังสถานชุมชนที่ 3 และห้ามเข้าร่วมปฏิบัติการทางกองทัพเด็ดขาด เข้าใจไหม” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเย็น

 

“เข้าใจแล้วท่านหัวหน้า”

 

ผู้คนคิดว่าฉินเฟิงคงเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกตน เพราะท้ายที่สุดแล้ว กวงเว่ยไม่อาจไว้ใจ และหากพวกตนตัดสินใจพลาด มันอาจกลายเป็นภาระของฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงกับไป๋หลีขึ้นเมฆครามและจากไป

 

ส่วนพวกที่เหลือ ก็เตรียมออกเดินทางเช่นกัน

 

เมื่อคิดว่าฉินเฟิงน่าจะไปได้ไกลแล้ว บางคนจึงหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา ติ๊ง! ข่าวเด้งเตือนขึ้นมาในทันที เมื่อก้มลงมองเขาถึงกับช็อค!

 

“ทุกคน เปิดดูนี่เร็ว เป็นข่าวล่าสุดจากทางภูมิภาคหลงฉวน”

 

ผู้คนเริ่มนำอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา เกิดเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นตามมาติดๆ ว่าสถานชุมชนที่ 3 กำลังตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้ยังมีวิดีโอนิดๆหน่อยถูกส่งเข้ามา

 

–เป็นภาพของเมืองลอยฟ้าอันน่าสะพรึง หยุดอยู่เหนือสถานชุมชนที่ 3 !

 

นอกจากวิดีโอแล้ว ทางเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา ยังได้ส่งข้อความถ่ายทอดออกมาด้วยพลังสมาธิ ใจความว่า

 

【จงยอมศิโรราบต่อพวกเรากริม!】

 

พวกเขาไม่รู้ว่า ‘กริม’ ในที่นี้หมายถึงชื่อของเผ่าพันธุ์ หรือเป็นชื่อของประเทศ แต่นาม ‘กริม’ ในตอนนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งพันธมิตรมนุษยชาติแล้ว

 

เนื่องจากกองทัพของพวกมัน มหาศาลเกินไป

 

มีนับแสนตน!

 

ช่วงเวลานี้ เจิ้งเฉียนกับเฉินเซี่ยงหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ สลับมองแจ้งเตือนฉุกเฉินบนอุปกรณ์สื่อสาร

 

“คุณคิดว่าหัวหน้ารู้เรื่องนี้มาก่อนรึเปล่า”

 

“น่าจะบังเอิญนะ”

 

“พวกเราไม่ต้องกลับไปจริงๆใช่ไหม?”

 

เพราะปัญหา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงลุกลามใหญ่โต