บทที่ 122 ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายก็ดีทั้งนั้น

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็น่าเหลือเชื่อเกินไป

ตัวเลขตั้งเยอะแยะ แต่กลับเลือกเลข 1225 มาใช้ แล้วจะไม่ให้สงสัยได้ยังไงล่ะ

ในตอนนั้นเอง สิ่งที่เธอมั่นใจได้แน่ๆ คือรหัสที่เขาตั้งมาจากเลขวันเกิดของหยาดฝน

เธอมองไข่ทอดสีเหลืองนวลและขาวสวยขาวสดใสที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่มีอารมณ์อยากอาหาร เพียงแค่ส่งเสียงตอบรับเรียบๆ คำหนึ่งยากที่จะคาดเดาอารมณ์ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

พอเห็นเขาโมโหเพราะไม่พอใจที่เธอไม่ยืมเงิน หัวใจของเธอก็เริ่มกระตุกเพราะเริ่มใจอ่อน

การที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ยอมใช้เงินของเขา แสดงว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องใส่ใจผู้หญิงคนนั้นมากพอสมควร

เป็นเรื่องที่น่าหัวเราะมากที่ตอนนี้เธอกลับเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นอีกในหัวดื้อๆ

เมื่อก่อนเธอไม่ยอมใช้บัตรเอทีเอ็มของเขา เป็นเพราะว่าคำพูดประโยคนั้นของเขา

ส่วนตอนนี้เธอจะไม่ยอมใช้บัตรเอทีเอ็มอีกครั้งเพราะหยาดฝน

เธอก้มหัวลงทำให้มองไม่เห็นสีหน้าและแววตาของเธอ สิ่งเดียวที่มองเห็นได้ในตอนนี้คือลำคอขาวที่ยาวระหงของเธอ

ผิวของเธอเดิมทีก็ขาวเปล่งประกายอยู่แล้ว และเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ยิ่งขับให้ผิวของเธอขาวนวล ราวกับไข่ไก่ที่เพิ่งฟักออกมา

ลำคอของออกัสขยับ สายตาของเขาหม่นลงเมื่อนึกถึงผิวลื่นละมุน อบอุ่นและเปล่งปลั่ง

เชอร์รีนรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เธอที่ยิ่งแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้น และนั่งกินข้าวไปเรื่อยๆ

“ตอนบ่ายมีแผนไปไหนรึเปล่า” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ร่างกายสูงโปร่งของออกัสโน้มตัวเข้ามา เขาใช้นิ้วชี้ของเขาปัดผมที่ติดอยู่ที่ปากของเธอออก

“ว่าจะกลับบ้านหน่อย……” มืออุ่นๆ ของเขาสัมผัสโดนคอของเธอโดยบังเอิญ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าจากร่างกายของเขาส่งผ่านไปที่ตัวของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอสั่นเบาๆ

ดวงตาของเขาหม่น ลำคอและร่างกายของเขาเริ่มเกร็งแน่น แม้แต่น้ำเสียงของเขาที่เปล่งออกมายังแหบแห้ง “คุณหญิงเชอร์รีนอย่ายั่วฉันนะ ไม่งั้น ฉันจะจัดการเธอบนโต๊ะกินข้าวตอนนี้เลย……”

เชอร์รีนเบี่ยงตัวออกไปด้านขวา พยายามหลบมือของเขา “ฉันไม่ได้ยั่วคุณสักหน่อย ตอนบ่ายคุณไม่ได้จะเข้าบริษัทเหรอ”

“แสดงว่าตอนนี้คุณกำลังไล่ผมอยู่งั้นเหรอ คุณหญิงเชอร์รีน” คิ้วได้รูปของเขาเลิกสูง เขาเริ่มอารมณ์เสียและไม่พอใจอีกแล้ว

“ไม่ได้ไล่ค่ะ แต่ฉันต่างหากที่จะไป ตอนนี้บ่ายสามเข้าไปแล้ว” ระหว่างที่พูด เธอก็ดันเก้าอี้ออกและลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปเก็บของ

ออกัสจ้องแผ่นหลังผอมบางของเธอ “ฉันจะไปส่งเธอ……”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันนักแท็กซี่ไปเองก็ได้ ในเมื่อคุณว่าง งั้นก็ช่วยล้างจานพวกนี้ซะนะคะ ฉันกลับมาตอนดึกไม่อยากแตะต้องจานพวกนี้แล้ว” เชอร์รีนเอ่ย

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขากะพริบปริบๆ จ้องไปยังจานพวกนั้นที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง

แต่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องจัดการมากมายนัก เมื่อเธอเดินออกไปแล้ว ในห้องอาหารก็ไม่มีเงาของเขาปรากฏอยู่ด้วยเช่นกัน แต่มีเสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องครัวแทน

เธอเบี่ยงตัวไปมองจึงเห็นร่างกายสูงโปร่ง มือของเขาใส่ถุงมือยางอยู่ ฟองสบู่ลอยเกาะอยู่ที่มือและตามถ้วยชาม การเคลื่อนไหวของเขาเงอะงะและงุ่มง่าม เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาไม่เคยทำงานเช่นนี้มาก่อน

เชอร์รีนมองอยู่สักพัก ก่อนจะเบนสายตากลับมาแล้วถือกระเป๋าเดินออกไป

“คุณหญิงเชอร์รีน ฉันล้างจานหมดแล้วนะ จะมาตรวจผลงานผมหน่อยไหมล่ะ” เขาถอดถุงมือยางพลางเดินออกมาด้านนอก น้ำเสียงอู้อี้แต่แฝงเสน่ห์ของเขาแสดงถึงความพอใจและภูมิใจ

แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาจึงเห็นว่าเธอไม่อยู่ในห้องแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบ

แต่แม้ว่าเธอจะเพิ่งออกไปได้ไม่นาน เขากลับรู้สึกว่าในห้องคล้ายมีบางอย่างหายไป ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชิน

แต่เขากลับไม่สนใจความรู้สึกแปลกประหลาดที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้น และไม่พยายามค้นหาคำตอบ

……

ยังไม่ทันจะได้เห็นรูปเห็นร่างลูกของทับทิม กนกอรกลับรีบร้อนถักเสื้อผ้าฝ้าย รองเท้าผ้าฝ้ายของเด็กและผ้าคลุมหน้าอกเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

“แม่ ของพวกนี้ไปซื้อเอาก็ได้ไม่เห็นต้องทำเองเลย” ทับทิมเอนตัวพิงเก้าอี้และกินผลไม้อย่างเกียจคล้าน

“ไปซื้อเขาก็อาจจะได้ของดีอยู่ แต่ทำเองมันแสดงถึงความใส่ใจมากกว่า เวลาใส่จะได้รู้สึกถึงความอบอุ่น” กนกอรยิ้ม

เชอร์รีนที่กำลังเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเข้าจึงเอ่ยปากออกมาว่า “แม่ เธอไม่อยากได้ก็ดีเลย เอามาให้หนูหมดนั่นได้เลยค่ะ”

“น้องสาวคนนี้มาถึงก็มาฉกของกันไปดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอ ใครบอกว่าฉันไม่อยากได้ล่ะ อีกอย่างลูกของเธอจะได้ใช้ของพวกนี้เหรอ ถึงตอนนั้นคงมีคนส่งของมาให้เยอะแยะ คงไม่ทันได้ใช้ของพวกนี้หรอก” ทับทิมย้อนถาม

เชอร์รีนไม่สนใจ เธอนั่งลงบนโซฟาจึงเห็นผ้าคลุมอกสีแดงปักลายห่านไว้อย่างสวยงาม

“จริงสิ พี่เขยไม่มาเหรอ” ทับทิมมองไปยังประตูด้วยความคาดหวัง

“เขาจะมาหรือไม่มามันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ” เชอร์รีนหันไปมองหล่อน โดยแอบสงสัยว่าในใจของหล่อนคิดแผนการอะไรเอาไว้อีก

ทับทิมกลับตอบออกมาด้วยอาการปกติ “เพราะว่าเธอมากี่ครั้งก็มามือเปล่าไงล่ะ แต่เวลาที่พี่เขยมาชอบหิ้วของขวัญมาด้วย คราวที่แล้วที่เขามาก็เอาน้ำหอมมาฝาก ฉันลองให้เพื่อนหาดูแล้ว ขวดนึงราคาเป็นหมื่นแน่ะ ตอนนี้ใช้ใกล้จะหมดแล้ว”

พอได้ยินแบบนั้น เชอร์รีนเพียงเบือนหน้าหนีไปเฉยๆ แล้วมองไปทางกนกอร “แม่คะ ช่วยเย็บผ้าคลุมอกให้ด้วยสิคะ”

“ได้แน่นอน ครึ่งหนึ่งเป็นของหนู อีกครึ่งหนึ่งเป็นของพี่สะใภ้ ตอนนี้ลูกก็ท้องได้สี่เดือนแล้ว ไม่ลองไปให้หมอตรวจดูหน่อยล่ะว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” กนกอรที่กำลังเย็บผ้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง

“ยังเลยค่ะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า ถึงเวลาคลอดออกมาเดี๋ยวก็รู้เอง” เธอไม่ได้สนใจเรื่องเพศของลูกมากนัก ขอเพียงเป็นลูกของเธอ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เธอก็รักทั้งนั้น

“ฉันคิดว่าดีที่สุดควรจะเป็นลูกผู้ชาย คนระดับตระกูลสิริไพบูรณ์ต้องชอบลูกชายอยู่แล้ว ถ้าเชอร์รีนต้องการรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้ให้มั่นคงต้องคลอดลูกชายเท่านั้น” ทับทิมกล่าวเสริม

กนกอรออกความคิดเห็นแบบส่งๆ “ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ขอแค่คลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยก็พอ ถึงบ้านนู้นไม่ชอบ แต่แม่ชอบ”

“แต่ว่าเธอต้องอยู่ร่วมกับแม่สามีและสามีนะ ไม่ได้มาอยู่กับแม่สักหน่อย”

ทั้งสองคนเถียงกันไปมา แต่เชอร์รีนกลับไม่ได้แสดงความเห็นอะไรออกมา เพียงดื่มน้ำในมือไปเรื่อยๆ อารมณ์ของเธอในตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่เข้าใจ

อีกฝั่งหนึ่ง ณ บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์

เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนการขอออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว สุนันท์ก็กลับถึงบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ พอคุณหญิงราตรีรู้ข่าวก็แวะมานั่งคุยกับเธออยู่ในห้องทันที

ตอนแรกคุณหญิงราตรีก็แค่แวะมาไต่ถามอาการป่วย แต่พอคุยไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดบทสนทนาจึงวกเข้ามาถึงเรื่องลูกสะใภ้ของตนเองได้