บทที่ 1133 ไดอารี่ซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ความจริงหลังจากที่ถามจบ หลิงม่อก็ตระหนักได้แล้ว…

เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว เดาว่าเธอคงจำทุกอย่างที่จะสามารถจำได้แล้ว กระทั่งแม้แต่เรื่องที่เขาลืมเลือนไปแล้ว ก็อาจถูกรื้อฟื้นขึ้นมาในสมองของเย่เลี่ยนก็ได้

ด้านประสบการณ์และเรื่องราวที่เคยผ่านเจอ เย่เลี่ยนตอนนี้และเย่เลี่ยนคนก่อนไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดไม่ใช่ร่างกายที่กลายพันธุ์ไปของเธอเช่นกัน แต่เป็น…อารมณ์และความรู้สึกของเธอ…

ซอมบี้ใช่ว่าไร้ซึ่งความรู้สึกโดยสิ้นเชิง…พวกมันมีความปรารถนา และเคียดแค้นเป็น แต่เทียบกับมนุษย์ อารมณ์และความรู้สึกของซอมบี้ราวกับเป็นคนละเรื่องไปเลย ยกตัวอย่างเช่น พวกมันซื่อสัตย์กับคู่ครองของตัวเองมาก ทว่าสิ่งที่หลิงม่อต้องการ กลับไม่ใช่ความซื่อสัตย์แบบนั้น…แต่เป็น…

“ฉันรู้…ว่าพี่จะถามอะไร…” เย่เลี่ยนจ้องหน้าหลิงม่อตาไม่กระพริบ พลันเปิดปากพูดขึ้น

เดิมหลิงม่อยิ้มกลบเกลื่อน หมายจะโบกมือและบอกว่าไม่มีอะไรหรอก ทว่าพอได้ยินอย่างนั้นเขาก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง

เธอรู้?

“แล้วฉัน…ก็สงสัยมากเหมือนกัน…” เย่เลี่ยนพูดด้วยเสียงติดๆ ขัดๆ

ดวงตาของเย่เลี่ยนพลันเปลี่ยนไปทันที กลิ่นอายดุดันจางลง แทนที่ด้วยความสงสัยที่เพิ่มขึ้นมา “พะ…พวกเรา…เป็นอะไรกันแน่?”

“หื้ม?” คำถามของเธอกลับเหนือความคาดหมายของหลิงม่อไปมาก…ซอมบี้สาวที่ดูซื่อๆ ตัวนี้ กลับกำลังแอบครุ่นคิดถึงปัญหานี้คนเดียวอย่างนั้นหรอ?

“พวกเรา…เป็นตัวอะไร…กันแน่?” เย่เลี่ยนถามอีกครั้ง ทว่าแทนที่จะบอกว่าตั้งคำถาม กลับเหมือนว่าเธอกำลังพึมพำกับตัวเองมากกว่า

“ถ้าหาก…เพื่อเข้ามาแทนที่มนุษย์…ถ้าอย่างนั้น…ตอนนี้พวกเราทำสำเร็จแล้วสินะ?”

หลิงม่อสะท้านวาบในใจ

ถูกอย่างที่เธอพูดจริงๆ…ถ้าหากเพียงเพื่อเข้ามาแทนที่อย่างเดียว ตอนนี้ซอมบี้ก็บรรลุเป้าหมายนั้นแล้วจริงๆ ถึงแม้มนุษย์ยังไม่สูญสิ้น แต่ก็ทำได้เพียงหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตามซอกมุมเท่านั้น

“พวกเราครองโลกได้แล้ว…แต่ว่า…พวกเราก็ยังเข่นฆ่ากัน…” สายตาของเย่เลี่ยนละออกจากตัวหลิงม่อ และทอดมองไปยังกำแพงเบื้องหลังเขา พลางพูดติดๆ ขัดๆ ต่อว่า “ยังวิวัฒนาการ…และสิ่งมีชีวิตที่แยกประเภทออกมา…ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…”

เย่เลี่ยนค่อนข้างพูดจับใจความไม่ได้ แต่หลิงม่อกลับเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อ

หลังจากที่ซอมบี้เข้ามาแทนที่มนุษย์ ก็มีซอมบี้กลายร่างโผล่ขึ้นมา จากนั้นก็มีอสุรกายนรกปรากฏตัวขึ้นมาอีก…

ซอมบี้กลายร่างอาจพูดได้ว่าเป็นซอมบี้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางด้าน แต่อสุรกายนรกนั้นกลับเป็นร่างรวมที่เกิดขึ้นจากซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์

สิ่งมีชีวิตซึ่งมีอิทธิพลมากที่สุดที่พวกเขาค้นพบในตอนนี้ ก็น่าจะเป็นสามประเภทนี้…

ทว่าการปรากฏตัวของพวกมันมีจุดประสงค์อะไรกันล่ะ?

เพื่อทำให้การเข่นฆ่าดุเดือดยิ่งขึ้นงั้นหรือ…

พอคิดอย่างนี้ หลิงม่อก็พลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

หรือว่า…ซอมบี้ก็จะถูกกำจัดเหมือนกับที่มนุษย์โดน…

แต่…เย่เลี่ยนคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

พอเห็นหลิงม่อตวัดสายตามองมาที่ตัวเอง เย่เลี่ยนขยับข้อมือ ยื่นสมุดบันทึกเล่มหนึ่งมาตรงหน้าหลิงม่อ “พี่อ่าน…อันนี้ดูสิ…”

สมุดบันทึกเล่มนั้น!

หลิงม่ออยากรู้มาตลอดว่าสมุดบันทึกเล่มนี้เขียนอะไรไว้บ้าง เขามองหน้าเย่เลี่ยนอย่างมีความหมาย จากนั้นก็ยื่นมือไปรับ

“พี่ค่อยๆ…อ่านก็ได้” เย่เลี่ยนเดินไปยืนด้านหนึ่ง แล้วบอก

“แต่ว่า…เธอกำลังวิวัฒนาการอยู่ไม่ใช่หรอ?” หลิงม่อถาม

เย่เลี่ยนเอียงคอ แล้วตอบว่า “ข้างในของฉันกำลังเปลี่ยนแปลง พี่มองไม่เห็น…”

“ก็ได้ เข้าใจแล้ว…”

ถ้ามองไม่เห็นก็แสดงว่าเจ็บมากน่ะสิ…

ถ้าหากเป็นพวกซย่าน่า เดาว่าคงมองออกตั้งแต่แวบแรกแล้วว่าในร่างกายของเย่เลี่ยนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอยู่

แต่หลิงม่อนั้นนอกจากสัมผัสได้ว่าเย่เลี่ยนทั้งคุ้นเคยและอันตรายในเวลาเดียวกันแล้ว เขาก็สัมผัสสิ่งอื่นไม่ค่อยได้มากนัก

หากเขาจะใช้สายสัมพันธ์ทางจิตเพื่อสัมผัสรู้ดูก็ย่อมได้ แต่เวลาที่ซอมบี้กำลังอยู่ในขั้นตอนก้าวข้าม สัญชาตญาณการขัดขืนล้วนเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด สิ่งที่หลิงม่อทำได้ ก็มีเพียงต้องรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตเอาไว้ให้ได้เท่านั้น…ทว่าตอนนี้ หลิงม่อไม่ได้ใช้สายสัมพันธ์ทางจิตเป็นเครื่องมือพันธนาการอีกแล้ว…

แต่เมื่อพวกเธออัพเกรดขึ้นอีกหนึ่งขั้น หลิงม่อกลับรู้สึกได้รางๆ ว่าถ้าหากไม่มีสายสัมพันธ์ทางจิตนี้ บางที…

“ช่างเถอะ ไม่คิดดีกว่า…ไหนดูซิว่าเย่เลี่ยนซ่อนความลับอะไรไว้บ้าง”

หลิงม่อพ่นลมหายใจเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดสมุดบันทึก

มันเป็นสมุดไดอารี่…

ทันทีที่เห็นลายมือ หลิงม่อก็อึ้งงันไปเล็กน้อย

“นี่มัน…ลายมือเย่เลี่ยน…”

เขาจ้องมองอักษรเหล่านั้นอยู่นาน แต่ความจริงแล้ว เขากลับยังไม่ได้อ่านเลยว่าอักษรเหล่านั้นเขียนถึงเรื่องใดบ้าง…

ไม่คิดเลย…ลายมือยังเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเพี้ยน…

เพียงมองอักษรเหล่านี้ หลิงม่อก็นิ่งเงียบไปอย่างไม่รู้ตัว

เขาอดยกมือขึ้นมาและไล้นิ้วมือไปตามอักษรเหล่านั้นเบาๆ ไม่ได้

คิดถึงจัง…

คิดว่าจะไม่ได้เห็นลายมือแบบนี้อีกซะแล้ว…

ไม่คิดเลย ว่าจะได้มาเห็นอีกครั้งในตอนที่ไม่คาดฝันแบบนี้…

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ สายตาของหลิงม่อก็ค่อยๆ จับโฟกัส

ทว่า ไม่นานเขาก็เข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

“นี่มัน…เพราะอะไร? ถึงแม้จะค่อยๆ ได้ความทรงจำของเมื่อก่อนกลับคืนมา…แต่นิสัยและความเคยชินเดิมกลับไม่หลงเหลือเลยซักนิดสินะ? อย่างเช่นนิสัยการกิน…และวิธีการพูด…แต่ทำไมลายมือยัง…”

หลิงม่อหัวใจเต้นโครมคราม พลันรีบพลิกหน้ากระดาษอ่านอย่างละเอียด

ถ้าหาก…ถ้าหากว่าไม่ใช่แค่ลายมือล่ะ!

ถ้าหากเป็นอย่างนั้น…

หลิงม่ออารมณ์พลุ่งพล่าน แต่เขายังคงพยายามข่มกลั้นไว้อย่างสุดกำลัง

“วันนี้ ฉันเรียนรู้วิธีทำอาหารได้อีกอย่างแล้ว ถึงแม้ระหว่างทำจะโดนน้ำมันกระเด็นใส่หลายที แต่ก็ถือว่าทำสำเร็จล่ะนะ! เมนูแปลกใหม่แบบนี้ แน่นอนว่าต้องให้ตาทึ่มคนนั้นชิมก่อนอยู่แล้ว แต่ตาทึ่มคนนั้นก็ช่างน่ารำคาญนัก ฉันทำอาหารแบบใหม่ให้เขากินตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมเขาไม่เคยดูออกเลยซักครั้ง! อย่างน้อยก็น่าจะพูดว่า ‘ว้าว ทำไมฉันไม่เคยเห็นเมนูนี้มาก่อนเลยล่ะ’ อะไรทำนองนี้บ้างสิ!”

“เหอะ เพื่อเป็นการทำโทษพี่ ฉันจะใส่เกลือเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า! ใส่เพิ่มแค่นิดเดียว ลิ้นอันด้านชาของเขาคงไม่รู้สึกอะไรหรอกมั้ง…เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่อยากสิ้นเปลืองเกลืออันมีค่าของฉันเพื่อเขาหรอกนะ…”

“นี่…ไม่สิ…นี่มัน…” หลังจากอ่านจบอย่างตกตะลึง หลิงม่อก็รีบพลิกไปอีกหน้าหนึ่งทันที

ปรากฏว่าในหน้าที่สองกลับเขียนขึ้นด้วยสำเนียงการพูดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวที่บันทึกไว้ก็เช่นกัน…

“น่าแปลก ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วยล่ะ? หลังจากทำอาหารที่ต้องทนเจ็บปวดเสร็จ กลับดูเหมือนมีความสุขมาก…แต่ตอนนั้นเราอยากให้พี่หลิงกินหรือเปล่ากันแน่? ถ้าหากไม่อยากให้กิน ทำไมต้องบ่นที่พี่หลิงดูไม่ออกล่ะ? แล้วคำว่า ‘ทำโทษ’ นั่นอีก ตอนนี้ฉันไม่เข้าใจ…”

“นี่…”

หลิงม่ออึ้งงันไปอีกครั้ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พลิกหน้ากระดาษติดต่อกันหลายครั้ง…

ไม่ต่างกันเลย บันทึกเหล่านี้ล้วนเขียนขึ้นโดยอิงจากความทรงจำเมื่อก่อน สิ่งที่บันทึกไว้ ล้วนเป็นความคิดและชีวิตของเย่เลี่ยนในสมัยก่อน และตั้งแต่หน้าที่สองเป็นต้นไปของไดอารี่เล่มนี้ ล้วนเป็นคำถามที่ซอมบี้เย่เลี่ยนตั้งขึ้นกับตัวเองทั้งนั้น…

ถึงแม้ดูจากคำถามเหล่านี้ ซอมบี้เย่เลี่ยนยังคงมีวิธีคิดแบบซอมบี้อยู่ แต่ว่า…

“เด็กโง่!” หลิงม่อเงยหน้าอย่างตื่นเต้น พลางบอกว่า “ที่เธอเริ่มเปรียบเทียบเรื่องเหล่านี้เป็น ก็แสดงว่าเธอไม่ใช่ซอมบี้ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว!”

—————————————————————————–