ตอนที่ 357

Black Tech Internet Cafe System

เวลานี้เหล่าหัวหน้าและอาจารย์ของหลายกลุ่มสำคัญๆ ในดินแดนทะเลดวงดาวกำลังปะลองกำลังกันสถานที่หน้าร้านในตอนนี้ได้กลายเป็นที่ฝึกฝซ้อมสำหรับเหล่าสาวกและผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์

 

ผู้ฝึกฝนจำนวนหลายคนเติบโตขึ้นมากหลังจากได้ดูหนังเรื่องศึกเทพยุทธภูผาซูและกระบี่เทพสังหาร พวกเขารวมตัวกันที่หน้าร้านเพื่อถกเถียงและปะลองวิชา

 

เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคการบินด้วยดาบของกลุ่มอี้เมยและกลุ่มเมฆเขียวแล้วทั้งสองมีขีดจำกัดกว่าของภูเขาซู แต่กระบวนการเรียนรู้นั้นง่ายกว่า

 

หากต้องการเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบของกลุ่มภูเขาซูพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ดาบที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงเลยเพียงใช้ดาบธรรมดาทั่วไปก็ได้แม้แต่ดาบไม้ธรรมดาก็สามารถใช้ได้ เพียงแต่ว่าเทคนิคนี้ต้องใช้พลังภายในและการควบคุมลมปรานขั้นสูง

 

อย่างไรก็ตามเพื่อเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบของกลุ่มอี้เมยและเมฆเขียวแล้วนั้นก่อนอื่นใดหากต้องการตัวช่วยเราควรจะต้องมีดาบทางจิตวิญญาณหรือดาบที่มีร่องรอยการสลักเพื่อเพิ่มคุณสมบัติผสานเข้ากันกับดาบ

 

เพื่อสนับสนุนเหล่าสาวกชั้นยอดให้ได้รับการฝึกฝนเทคนิคการควบคุมดาบกองกำลังจึงต้องมีทรัพยากรมากมายตัวอย่างเช่น หลิวหนิงหยุนที่กำลังยืนเหยียบบนดาบ ดาบของเธอมีออร่าเปล่งประกายสีฟ้าแวววาวอ่อนๆ ซึ่งมันทำจากหยกลึกลับใต้ท้องทะเลลึกซึ้งมีมูลค่ามาก

 

ขณะนี้เธอกำลังบินออกจากหน้าร้านดาบเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วขณะที่มันเคลื่อนที่แสงดาบสีเงินที่ลอยอยู่บนอากาศเป็นภาพที่สวยงามมาก

 

กลุ่มสาวกหญิงและโมเซียนมองด้วยสายตาอิจฉา “เมื่อไรพวกเราจะทำได้แบบศิษย์น้องหลิว?”

 

หลายคนเองก็กำลังฝึกฝนการบินด้วยดาบอยู่หน้าร้านเห็นได้ชัดว่าพวกเธอยืนมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ท้ายที่สุดแล้วขณะที่ยืนอยู่บนดาบทุกคนต้องใช้น้ำหนักและการทรงตัวเพื่อไม่ให้ล้มขณะที่ดาบกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ส่วนการใช้เทคนิคการควบคุมดาบเพื่อต่อสู้นั้นก็จัดว่าต้องใช้ความชำนาญเช่นกัน แต่ระดับความยากของทั้งสองทักษะนั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

 

 

ณ กลุ่มพันธมิตรวู่เว้ย

 

“ท่านอาจารย์!” ในห้องประดิษฐ์หลี่เฮารันยืนอยู่กับเหล่าอาจารย์นักประดิษฐ์วัยกลางคนสองคนพวกเขาต่างถือผ้าคลุมผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ “เมื่อเลียนแบบกระจกสวรรค์ในที่สุดเราก็เลือกวัสดุที่มีค่าสามอย่างสำหรับส่วนประกอบ”

 

เขาดึงผ้าออกเผยให้เห็นกล่องหยกสี่เหลี่ยมเมื่อเปิดกล่องหยก เมื่อเปิดกล่องออกมาแสงคริสตัลเปล่งประกายสะท้อนตาในทันที ข้างในคือคริสตัลสีขาวโปร่งแสงขนาดเท่าเม็ดข้าว

 

จากนั้นเขาเปิดผ้าอีกผืนในถาดมีหินสีขาวเรียบปรากฎขึ้น เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นว่ารูปแบบทางจิตวิญญาณจางๆ อันลึกลับรายล้อมรอบอยู่

 

ส่วนในถาดสุดท้ายเผยให้เห็นกล่องสี่เหลี่ยมหนึ่งกล่องข้างในเป็นวัตถุทรงแบนขนาดเท่าฝ่ามือ มันดูไม่เหมือนทองคำหรือหยกสักเท่าไร เหมือนกับว่ามันสร้างขึ้นจากกระดูก

 

“กล่องนี้มีคริสตัลลึกลับอายุราวๆ ห้าพันปี ส่วนนี้คือหินอุกาบาจและกระดูกจากยุคก่อนประวัติศษสตร์ที่มีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่ดีมาก”

 

จุนหยางชีพยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักของพวกท่าน ข้ารู้สึกประหลาดใจมากที่เราสามารถหาวัสดุชั้นดีเช่นนี้เพื่อสร้างเลียนแบบกระจกสวรรค์ด้วยพลังของพันธมิตรวู่เว้ยทั้งหมด อืม .. กระดูกนี้ดูดีพร้อมไปด้วยสาระทางจิตวิญญาณที่มากมาย”

 

“กระดูกนี้มาจากดินแดนหยุนเตียนระดับสูง” หลี่เฮารันกล่าวว่า “พวกเขาขอเข้าร่วมโครงการกับเรา”

 

“พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่?” อาจารย์หลายคนที่อยู่ตรงนั้นทำหน้าไม่พอใจ “พวกเขาไม่ใช่สมุนของนักบวชทั้งสามใช่มั้ย? ตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่าพันธมิตรของเรานั้นเจริญรุ่งเรืองพวกเขาต้องการผลประโยชน์ใช่มั้ย?”

 

จุนหยางชียิ้ม “พวกเขายังไม่ได้เจรจาเรื่องค่าชดเชย รายงานจากในวังของให้พวกเขานำกระดูกนี้มาเป็นค่าชดเชบยสำหรับพวกเขาที่เข้าร่วมโครงการ ..”

 

“เราสามารถอนุญาติให้หนึ่งในนั้นเข้าร่วมได้ เราควรใช้โอกาศนี้เพื่อหาจุดประสงค์ของพวกเขา”

 

“จะเป็นอะไรไปได้” ต้วนบูยี่กล่าวด้วยความไม่พอใจ “จุดประสงค์ของพวกเขาคือขโมยความรู้จากเราหลังจากรู้ว่าเราเริ่มวิจัยพวกเขาก็คงจะเร่งพัฒนาให้เร็วกว่า”

 

“ไม่ต้องกังวลกับสิ่งนั้น” จุนหยางชีกล่าว “เมื่อร้านของเจ้าของยังอยู่ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องมีการเริ่มต้น เราสามารถใช้โอกาศนี้เพื่อเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์จากพวกเขาเช่นกัน”

 

“นอกจากนี้ข้ายังรู้สึกว่านักบวชทั้งสามกำลังวางแผนบางอย่างแม้ว่าวิกฤตของเราจะสิ้นสุดลงกองกำลังขนาดใหญาหลายกองกำลังจ้องมองเราด้วยความไม่ปกติ” จุนหยางชีกล่าวต่อ “เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนเราควรชักชวนดินแดนหยุนเตียนเพื่อเป็นไม้กันให้เราได้”

 

“ที่เจ้าพูดก็ถูก!”

 

 

นอกเหนือจากพันธมิตรวู่เว้ยแล้วกองกำลังหลักของดินแดนทะเลดวงดาวก็กำลังยุ่งอยู่กับการวิจัยเกี่ยวกับการเลียนแบบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งประดิษฐ์กำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันสูงสุดของสายอาชีพ เนื่องจากพวกเขาได้ใช้เวลาไปกับการศึกษาสมบัติที่ยอดเยี่ยมและมีพลังอันน่ากลัวที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้วิธีที่แปลกประหลาดออกไป

 

“เจ้าของร้าน .. ร้านการในร้านของท่านนั้นทรงพลังจริงๆ หรอ?” หนิงไป่ถามขณะควบคุมจอยสติ๊ก

 

“ไม่แน่” ฟางฉีตอบขณะที่กำลังควบคุมโลริยากามิ “สิ่งที่อยู่ในร้านข้าส่วนเป็นขยะ!”

 

หนิ่งไป่กล่าว “ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าไม่กลัวหรอหากมีใครกำลังคิดจะปล้นร้านของเจ้า”

 

“ข้า .. ท่านช่วยปกป้องข้าได้มั้ย?” ฟางฉีตอบขณะที่เพิ่งฆ่าตัวละครของหนิงไป่ หนิงไป่มองเขาด้วยสายตาสับสนเธอไม่เคยเห็นใครที่พูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เช่นนี้เลย

 

“แล้วขณะที่ข้าไม่ได้อยู่กับเจ้า เจ้าจะให้ข้าปกป้องเจ้าได้อย่างไร”

 

ฟางฉียังคงจัดการกับตัวละครในเกมของหนิงไป่อย่างไม่ใยดี

 

ฟางฉีจุดบุหรี่และตอบว่า “ท่านต้องคล่องแคล่วและฉลาดในการเล่นกว่านี้ หากเล่นอย่างนี้ต่อไปท่านจะพ่ายแพ้แน่นอนและอย่างนี้จะปลุดล็อคโอโรชิได้อย่างไร”

 

“เอาละพรุ่งนี้มาเริ่มใหม่!” เธอนั่งพัก

 

ฟางฉีเกาหัว “หืม? เราควรมีช่วงเวลาที่ดีบ้างถูกมั้ย?”

 

 

เวลาเดียวกันสิ่งต่างๆ ยังคงก่อตัวในสถานที่ต้องห้ามภูเขาหลังกลุ่มหนานหัว

 

เสียงที่น่าหดหู่น้ำเสียงดูเกลียดชังที่ถูกกักไว้นานหลายปี “เร็วเข้า! บอกผู้คนในตระกูลเฟงให้เร็วขึ้น ข้าอยากจะแยกตัวออกจากที่กักกันนี้จนเต็มแก่แล้ว!”