ตอนที่ 467 แคมป์ (3) / ตอนที่ 468 แคมป์ (4)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 467 แคมป์ (3)

อันซย่าซย่ามองไปทางหลีชั่นซิงด้วยความโมโห “หลีชั่นซิง เธอทำเกินไปแล้วนะ!”

ซูเสี่ยวโม่พุ่งไปคว้าคอเสื้อหลีชั่นซิง “เธอเป็นอัลไซเมอร์หรือไง! ปากเบี้ยวตาเอียงมือสั่นงั้นเหรอ?

ซ่าา หลีชั่นซิงยังไม่ทันได้แก้ตัวสักประโยคก็ถูกน้ำเย็นเข้ากระดูกรดจนหนาวจับใจ

เธอหันกลับไปมองด้วยตัวที่แข็งทื่อ ฉีเหยียนซีผิวปากโดยที่มือถือกะละมังพลาสติกที่ไม่รู้เอามาจากไหน เขาหัวเราะคิกคัก “โทษทีนะหลีชั่นซิง โอ๊ะ~ ฉันแก่แล้วน่ะ เรี่ยวแรงก็ไม่ได้ดั่งใจ มือนี่ก็สั่นแรงไปหน่อย…”

หลีชั่นซิงปากขาวซีด เนื่องจากโกรธจนพูดไม่ออก เธอจึงชี้ฉีเหยียนซีแล้วพูดว่า “นาย” อยู่ตั้งนาน

เธอวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างน่าเวทนาโดยมีฉีเหยียนซีตะโกนตามหลัง “ลืมบอกเธอไปน่ะ น้ำนั่นฉันใช้ล้างตีนแล้วนะ”

หลีชั่นซิงเดินโงนเงนอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อคุณครูทั้งสองได้ยินความเคลื่อนไหวก็รีบวิ่งเข้ามา “เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไรครับ…ไม่ทันระวังน้ำก็เลยหกน่ะ…” ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเพื่อไม่ให้ครูรับรู้ถึงเรื่องวุ่นๆ นั้น

ไป่จื่อเยว์ถอนหายใจแล้วมองไปยังหลีชั่นซิงที่มีสภาพจนตรอกที่อยู่ไกลออกไป ใจก็อดไม่ได้จึงเรียกเด็กผู้ชายสองคนไปช่วยเธอกางเต็นท์

เซิ่งอี่เจ๋อที่ไม่รู้มาจากไหนก็หยิบเอาผ้าขนหนูออกมาและจับอันซย่าซย่าเช็ดผมให้แห้ง

ฉีเหยียนซีเขวี้ยงกะละมังไปอย่างลวกๆ พลางมองไปที่อันซย่าซย่าและหัวเราะเบาๆ “ยัยทึ่มซย่าซย่า? รู้สึกดีไหม? เซิ่งอี่เจ๋อเป็นคนไปเอาน้ำมาเองแหละ”

ดวงตาของอันซย่าซย่าเบิกกว้าง เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะเป็นคนทำอะไรแบบนี้ได้

“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่” เขาพูดเบาๆ สักพักหัวใจอันซย่าซย่าก็ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกปลอดภัย

ซูเสี่ยวโม่มองคนทั้งสองที่มีบับเบิ้ลสีชมพูลอยฟูฟ่องพลันรู้สึกเหมือนโดนอาหารหมาอัดหน้า

“ฉันตั้งเต็นท์ให้พวกเธอเสร็จแล้ว” เสียงอ่อนโยนดังมาจากด้านข้าง เธอตกใจจนขาอ่อนยวบอีกนิดเดียวก็เกือบล้ม

เหอจยาอวี๋ความรู้สึกไวจึงเข้าไปพยุงเธอด้วยท่าทีสุขุม ซูเสี่ยวโม่ชนเข้าที่อ้อมกอดหนาของเขาพลางได้ยินเสียงพูดแกมหัวเราะที่อ่อนโยน “ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้ล่ะ?”

เขาลูบหน้าผากเธอ ซูเสี่ยวโม่อายหน้าแดงก่ำจนควันแทบจะลอยอยู่กลางศีรษะ

“ขอบคุณ…” เธอปัดมือใหญ่ของเขาและวิ่งหนีไป

เหอจยาอวี๋มองไปยังแผ่นหลังของเธอพลางยิ้มมุมปาก

ตอนเที่ยงกินอาหารปิ้งย่าง ตอนเย็นจัดปาร์ตี้กองไฟ จากนั้นทุกคนก็เข้าเต็นท์แล้วผล็อยหลับไป

เซิ่งอี่เจ๋อเรียกอันซย่าซย่าออกไปดูดาว ภายในเต็นท์จึงเหลือแค่ซูเสี่ยวโม่คนเดียวที่ ‘เฝ้าตามลำพัง’

ในขณะที่เธอเปิดอ่านหนังสือการ์ตูนด้วยความคับแค้นใจก็มีเสียงใสแจ๋วดังมาจากข้างนอกเต็นท์ “ซูเสี่ยวโม่?”

เสียงที่คุ้นเคยทำให้ซูเสี่ยวโม่สะดุ้ง เธอรีบจัดแจงเสื้อผ้า พอเปิดม่านออกก็เห็นเหอจยาอวี๋ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาว ภายใต้แสงดาวระยิบระยับ หล่อจนไม่อาจทำให้คนละสายตาไปได้

ใจเต้นตึกตักตึกตักและเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันใด

ซูเสี่ยวโม่กุมหัวใจแล้วพยายามแสร้งทำเป็นสงบ “มีอะไร?”

เหอจยาอวี๋ถอนหายใจด้วยความขุ่นเคือง “เซิ่งอี่เจ๋อบอกว่าจะแลกเต็นท์น่ะสิ เขาจะนอนกับซย่าซย่า ฉันไม่มีที่ไปแล้ว”

มีการจัดเต็นท์ล่วงหน้าไว้แล้ว สองคนต่อหนึ่งหลัง ซึ่งเดิมทีซูเสี่ยวโม่อยู่เต็นท์เดียวกับอันซย่าซย่า เหอจยาอวี๋อยู่กับเซิ่งอี่เจ๋อ ส่วนฉือหยวนเฟิงก็ไปออกงานเดี่ยวจึงไม่ได้มาเข้าแคมป์ในครั้งนี้

ซูเสี่ยวโม่หน้าแดง เธอพูดลิ้นพันกัน “นาย อะไรของนาย หมายถึง…”

“ฉันก็เลยทำได้แค่มานอนกับเธอ” เหอจยาอวี๋กะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา

ตอนที่ 468 แคมป์ (4)

ปุงปัง——

ทันใดนั้นก็เหมือนมีช่อดอกไม้ไฟเป็นกลุ่มๆ ในหัวระเบิดดวงดาวหลากหลายสีสัน

ซูเสี่ยวโม่พยายามเก็บอารมณ์ช็อกและไม่พูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน

เหอจยาอวี๋ยังยืนตระหง่าน สายลมภูเขายามค่ำคืนที่เย็นสบายพัดเข้ามา เสื้อของเขาพองตัวจนทำให้ร่างกายของเขาดูผ่ายผอม

ซูเสี่ยวโม่จับพลัดจับผลูพูดออกมา “ได้สิ”

ก่อนที่เธอจะนึกเสียใจ เหอจยาอวี๋ก็คล้อยตามเข้ามาข้างใน

ภายในเต็นท์มีมากกว่าหนึ่งคน ซูเสี่ยวโม่รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิสูงขึ้นในทันใด จมูกของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสะอาดของสบู่จากตัวเขา เธอเดินไปที่มุมด้วยหน้าแดงๆ และใจที่เต้นรัว

เหอจยาอวี๋เบียดอยู่ข้างๆ เธอพลางถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เธออ่านหนังสืออะไร? ฉันอ่านด้วยได้ไหม?”

“NO!” เธอปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเก็บหนังสือเฮ็นไตของตัวเอง

แงๆ! น่าอายชะมัด!

เหอจยาอวี๋พูดเพียง “อ้อ” อย่างหงอยเหงา ขนตาหลุบลง เขาดูน่าสงสารกว่าเด็กผู้หญิงอย่างเธอเสียอีก

ซูเสี่ยวโม่โดนรูปลักษณ์ของเขาล้างสมอง เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “นายอยากอ่านจริงๆ เหรอ?”

“อื้อ”

แม่งเอ๊ย! อ่านก็อ่านไปสิ! ทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วจะกลัวอะไร?

ซูเสี่ยวโม่ล้างสมองตัวเองแล้วกางหนังสือการ์ตูนวายเล่มนั้น เหอจยาอวี๋อ่านด้วยความตั้งใจและถามเป็นครั้งคราว “เด็กผู้ชายคนนี้โดนกดไว้ใต้ร่างแล้วทำไมไม่ต่อต้านล่ะ?”

“……”

“นี่มันท่าอะไร?”

“……”

“ทำไมเขาถึงร้องอยู่ตลอดเวลา?”

” ……”

“อันนี้…”

“หุบปาก!” ซูเสี่ยวโม่สุดจะทน

เหอจยาอวี๋กะพริบตาปริบๆ ด้วยหน้าตาไร้เดียงสา

ซูเสี่ยวโม่น้ำตาตกใน เธอยัดหนังสือเข้ามุมอย่างรุนแรงแล้วคลุมผ้าห่ม “นอน นอน!”

“อ้อ…”

หลังจากเงียบไปไม่กี่นาที เหอจยาอวี๋ก็พูดว่า “มีผ้าห่มผืนเดียวเหรอ?”

“ใช่!” ซูเสี่ยวโม่ตอบอย่างเหี้ยมโหด

“ฉันหนาว” เสียงของเหอจยาอวี๋นั้นอบอุ่นและนุ่มนวล ซูเสี่ยวโม่ที่ได้ยินแทบจะไร้เรี่ยวแรง

“นายหนาวแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?” ซูเสี่ยวโม่พึมพำ

เหอจยาอวี๋พูดด้วยความลังเล “งั้นเธอห่มผ้าแล้วฉันกอดเธอได้ไหม?”

ปัง——

ดอกไม้ไฟในหัวเริ่มระเบิดอีกครั้ง ซูเสี่ยวโม่สงสัยว่าตัวเองอาจจะโดนไหม้จนเลอะเลือน เธอจึงเอาผ้าห่มให้เหอจยาอวี๋ที่อยู่ข้างๆ คลุมจนแล้วเสร็จ จากนั้นก็พูดอย่างอายๆ “รีบนอนได้แล้ว! ไม่ต้องพูด!”

เสียงหัวเราะเบาๆ ของเด็กหนุ่มในผ้าห่มลอยขึ้นมาปลุกปั่นหัวใจอันหยาบกะด้างของเธอ

อีกด้านหนึ่ง อันซย่าซย่าที่อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนเซิ่งอี่เจ๋อส่งเสียงเรียกเหมือนแมวร้อง “เซิ่งอี่เจ๋อ…”

“มีอะไร?”

“เหอจยาอวี๋ชอบโม่โม่จริงๆ เหรอ? นายคงไม่ได้โกหกฉันหรอกนะ?” อันซย่าซย่าถามด้วยความสงสัย

“ถ้าไม่ชอบ เขาจะไปหาซูเสี่ยวโม่ทำไม? ถ้าซูเสี่ยวโม่ไม่ยอม เขาก็คงกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” เซิ่งอี่เจ๋อให้คำตอบอย่างงดงาม

อันซย่าซย่าลืมตาขึ้นโดยไม่มีความง่วงนอนพลางดึงชายเสื้อของเขา “นายกำลังหมายความว่าพวกเขาสองคนก็นอนด้วยกันเหมือนพวกเรางั้นเหรอ?”

เซิ่งอี่เจ๋อกระตุกมุมปาก “ถึงความจริงจะเป็นแบบนั้น แต่เธอก็ไม่ต้องใช้คำขยายความที่ดูทะลึ่งขนาดนั้นได้ไหม…”

อันซย่าซย่าหัวเราะเพราะดีใจแทนซูเสี่ยวโม่จริงๆ

มีเสียงน้ำหยดลอยเข้ามาเต็นท์ อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว อันซย่าซย่าแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดเซิ่งอี่เจ๋อและพึมพำ “อะไรน่ะ ฝนตกเหรอ?”

เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้วและกอดเธอแน่นขึ้น “สภาพอากาศบนภูเขาไม่แน่นอน หลับเถอะ”

อย่างไรก็ตามเสียงฝนก็ดังขึ้นเรื่อย หลังจากฝนตกต่อเนื่องหลายชั่วโมง เสียงหวาดกลัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ดังก้องไปทั่วทั้งค่าย “แย่แล้ว! น้ำป่าทะลัก!”