ราชันภูตผีเมื่อทะยานออกจากน้ำ ส่งผลให้เหล่าราชันยุทธ์สะท้าน
ราชันภูตผีจำนวนมหาศาลเหล่านี้ มีกันนับร้อยตัว
เพียงชั่วอึดใจที่เหล่าราชันยุทธ์อึ้งเพราะความหวาดกลัว ฉินหยุนพุ่งทะยานเข้าหาประตู พร้อมแบกร่างสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อที่ถูกล่ามโซ่ไว้
บรรดาราชันยุทธ์พอได้เห็นราชันภูตผีเข้ามากใกล้ พวกเขาล้วนมีโทสะต่อฉินหยุน คิดอยากสังหารอีกฝ่ายจนตายตก แต่พอตระหนักได้อีกที ร่างอีกฝ่ายก็ทะลุทะลวงผ่านประตูหายไปแล้ว!
ไม่มีผู้ใดคิด ว่าเด็กหน้าโง่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิง แท้จริงจะครอบครองความสามารถแปลกประหลาด สามารถทะลุทะลวงสรรพสิ่งได้ตามใจชอบ
หงหยิงขณะนี้วางใจลงได้มาก หากเกิดเรื่องกับสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อจริง เขาคงรู้สึกผิดไปอีกนาน อย่างไรแล้ว เขาก็ยังไม่อาจวางใจต่อสถานการณ์ เพราะที่นี้ยังเหลือแม่เฒ่าตู้และคณะ
“เร่งรีบไปจากที่นี่!” หงหยิงไม่คิดเข้าสู่หลุมฝังเซียนอีก เพียงแต่เร่งรีบหลบหนีออกไป
ราชันภูตผีพุ่งเข้ามาแล้ว ราชันยุทธ์หลายสิบคนเข้าต้านทานไว้ จากนั้น ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำจึงทำการเปิดประตู
ฉินหยุนพาสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อพุ่งผ่านประตู หลังทำได้สำเร็จ เขาเร่งรีบนำเม็ดยาลึกล้ำฟื้นฟูออกมา กินมันเพื่อฟื้นฟู จากนั้นค่อยช่วงพวกนางทำลายห่วงโซ่
เมื่อครู่ เขาใช้พลังงานไปอย่างมหาศาลเพราะต้องใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงอย่างต่อเนื่อง
หลังจากได้กินเม็ดยาลึกล้ำฟื้นฟู เขาค่อยเรียกคืนพลังกลับสู่แก่นเต่าได้รวดเร็ว
เม็ดยาลึกล้ำฟื้นฟูส่งผลได้เพียงหนึ่งแก่น ดังนั้นจึงมีหนึ่งแก่นเต๋าที่ขณะนี้มีพลังเปี่ยมล้น
ฉินหยุนครอบครองสาม ดังนั้นเรียกได้ว่าฟื้นฟูพลังมาได้ราวสามในสิบ
กระนั้น นี่ก็ไม่นับว่าแย่ เพราะเมื่อครู่เขาแทบใช้พลังงานจนหมดสิ้นจริง
“ประตูกำลังเคลื่อนไหว… พวกมันคิดเข้ามาแล้ว!” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบร้องตะโกน
นางและสุ่ยเทียนสื่อเชื่อ ว่าเมื่อครู่สมควรจบสิ้นกันแล้ว ที่ไม่คาดคิด คือฉินหยุนพุ่งทะยานเข้ามา สังหารมิโนทอร์ตัวนั้น และยังทะลวงผ่านเข้ามาในหลุมฝังเซียน
ฉินหยุนช่วยพวกนางเอาไว้อีกครั้งหนึ่งแล้ว!
สุ่ยเทียนสื่อทราบ ว่าฉินหยุนใช้พลังไปมหาศาล นางเร่งรีบช่วยสนับสนุนเอ่ยคำเสียงเบา “พักก่อน ตรงนี้ให้ชิงเฉิงและข้ารับมือ!”
ภายในหลุมฝังศพแห่งนี้ดำสนิท กระนั้น ฉินหยุนก็พอบอกได้โดยคร่าวว่าเป็นโถงทางเดินโดยใช้พลังจิต
ที่ผนังซ้ายและขวามีประตูเก้าบาน นี่คล้ายจะเป็นโถงขนาดใหญ่ ประตูแต่ละบานอยู่ค่อนข้างไกลกัน ไม่ทราบว่าพวกมันนำไปสู่ที่ใดบ้าง
“สุ่มเลือกประตูสักบาน!” สื่อชิงเฉิงนำอาวุธออกมา เป็นตะขอคู่ นางรับหน้าที่นำหน้า
ขณะที่สุ่ยเทียนสื่อช่วยสนับสนุนฉินหยุน นางโคจรพลังถ่ายเทสู่ร่างกายของเขา ช่วยให้สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
เสียงจากทางประตูยิ่งมายิ่งดัง ราวกับมันสามารถเปิดออกได้ทุกชั่วขณะ
สื่อชิงเฉิงเร่งรีบก้าวเดินไปยังประตูบานหนึ่ง คิดเปิดมันออก ออร่าชั่วร้ายแห่งความตายพลันล้นทะลักจากภายใน บีบบังคับให้นางต้องถอยกลับ
“นี่สมควรเป็นสถานที่อันตรายล้นพ้น พวกเราควรเข้าไปหรือ?” สื่อชิงเฉิงขณะนี้ใจร้อนรุ่มเคร่งเครียด สายตายังจับจ้องที่ประตูใหญ่
หากประตูเปิดออก กลุ่มราชันยุทธ์และราชันภูตผีย่อมต้องเข้ามา
“ไป!” ฉินหยุนตะโกน
สื่อชิงเฉิงเดินไปที่ด้านหน้า สุ่ยเทียนสื่อช่วยพยุงกายฉินหยุน ทั้งสามกำลังเข้าไปใกล้ประตู
เมื่อทุกคนเข้ามาแล้ว สื่อชิงเฉิงเร่งรีบเปิดประตูหิน ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีผู้ใดทราบว่าพวกเขาเข้าประตูบานใดไป
ตู้ม!
เพียงไม่นานหลังเข้ามา ประตูใหญ่สีแดงด้านนอกถูกเป่ากระจุย
คลื่นอากาศโหมรุนแรงเพราะแรงดันที่แตกต่าง ภายนอก ราชันยุทธ์และราชันภูตผีกำลังพัวพันการต่อสู้ตึงเครียด
ทางด้านกลุ่มขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและวิญญาณ ขณะนี้เร่งรีบเข้ามา
พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บ บางคนกระทั่งสูญเสียอวัยวะ
ที่ภายนอกมีร่างศพ เหล่านั้นถูกสังหารโดยราชันภูตผี
พวกเขาขณะนี้ล้วนเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างเปี่ยมล้น!
ราชันยุทธ์ค่อยเข้ามาในห้องโถงดำมืดทีละคน ทางด้านราชันภูตผี พวกมันไม่ได้ตามเข้ามา
ทุกคนพอเข้ามาแล้วค่อยถอนหายใจโล่งอก
ทางด้านเหล่าราชันยุทธ์ หัวใจพวกเขายังคงเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวขณะมองราชันภูตผีที่ด้านนอก
เมื่อครู่นี้ มีราชันยุทธ์สองคนที่เสียชีวิต!
“มู่เฟิง ทั้งหมดเป็นความผิดเจ้า เหตุใดไม่จับไอ้หน้าโง่นั่นไว้ให้ดี!” ราชันยุทธ์ผู้หนึ่ง มองทางมู่เฟิงพร้อมกล่าวต่อว่า
“ข้าจะทำอะไรได้? เด็กโง่คนนั้นทะลวงผ่านร่างพวกท่านด้วยซ้ำ นั่นสมควรเป็นความสามารถเทวะแล้ว” มู่เฟิงตอบกลับเย็นชา “เรื่องนี้คงได้แต่กล่าวโทษตนเอง เพื่อเปิดประตู กลับเลือกเสียสละหญิงสาวอ่อนแอสองคน ดังนั้นจึงเป็นการยั่วยุโทสะเด็กคนนั้น!”
“พวกเราหารือกันให้ดีกว่านี้! หากพวกเราจัดการมิโนทอร์นั่น ตราบเท่าที่มันไม่ตาย ราชันภูตผีย่อมไม่ปรากฏตัวออกมา!”
“แต่แล้ว พวกท่านกลับเชื่อคำโง่งมของหวังเทียนซือ มันว่าอะไรล้วนคล้อยตาม! นี่จึงเป็นความผิดพลาด! เป็นพวกท่านยอมให้หญิงสาวสองคนนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จนกระทั่งเกิดเรื่อง ล้วนโง่เขลากันทั้งสิ้น”
บรรดาราชันยุทธ์ล้วนมีโทสะ พวกเขาคิดอยากทุบตีมู่เฟิงที่ตรงนี้ ทว่าภายนอกไม่อาจกระทำ
ผู้คนของตำหนักจารึกเทวะ ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถต่อกร ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของมู่เฟิงยังมีสถานะสูงล้ำ
ขณะนี้ มีคนนำหินเรืองแสงออกมาสาดส่องในห้องโถง จึงได้เห็นประตูเก้าบานที่ทั้งสองฟากข้างของห้องโถงนี้
“ไอ้พวกหน้าโง่นั่น! พวกมันต้องผ่านประตูไปบานหนึ่ง พวกเราต้องไล่ตามพวกมันไป มอบความตายอันโหดร้ายแก่พวกมัน!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น เป็นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง
“รวมทั้งหมดมีประตูสิบแปดบาน พวกเราจะแบ่งกันเป็นสิบแปดกลุ่มแล้วค่อยเข้าไป!” ราชันยุทธ์สายเลือดกล่าวขึ้น
มู่เฟิงคิ้วขมวด “ข้าไม่ทราบว่าภายในมีอันตรายใด พวกเราควรอยู่รวมกัน ไม่ใช่แยกออกจากกัน ไม่เช่นนั้น หากพบเจออันตรายและไม่มีกำลังต่อกรกลับ ก็มีแต่ความตายที่รอคอยแล้ว!”
“กระทั่งราชันภูตผียังไม่กล้าเข้ามา หมายความว่าด้านในนี้สมควรปลอดภัย!”
“ใช่ หากกลัวตาย เช่นนั้นก็รอที่นี่!”
“มู่เฟิง เจ้าเกรงว่าพวกเราจะสังหารไอ้หน้าโง่นั่นใช่หรือไม่? ไอ้หน้าโง่นั่นหลอกลวงพวกเรา ทำให้เจ้าได้รับไปหลายหมื่นล้านเหรียญม่วง! เจ้าคิดวางแผนผูกมิตรกับมันในภายหน้า คิดฉ้อฉลเอาเหรียญม่วงผู้อื่นหรือไม่ใช่?”
“ไอ้อ้วนบัดซบ ตำหนักจารึกเทวะเจ้าช่างหน้าไม่อายนัก!”
ราชันยุทธ์หลายคนขณะนี้ล้วนต่อว่าหยามเหยียดต่อเขา
มู่เฟิงกล่าวตอบ “วาจาที่ไร้สาระ! ย่อมได้ คิดอยากทำอะไรล้วนทำกันไป ในทางกลับกัน ข้าย่อมไม่ไป ข้าหวาดเกรงความตายจนแทบแย่แล้ว!”
มู่เฟิงตัดสินใจไม่ไปต่อ กระทั่งนำเอาชุดเก้าอี้หินที่น่าจะดูนั่งสบายออกมานั่งแล้ว
ไม่นานจากนั้น พวกเขาแบ่งกันออกเป็นสิบแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีแปดถึงเก้าคน ประกอบด้วยราชันยุทธ์อย่างน้อยสองคน ที่เหลืออยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและวิญญาณ
พวกเขาเข้าผ่านประตูหินทั้งสองฟากข้างของห้องโถง
มู่เฟิงได้แต่คาดหวัง ว่าฉินหยุนจะสามารถหลบหนีเภทภัยครั้งนี้ได้!
หลังจากพวกเขาเข้าผ่านประตูกันมาแล้ว สื่อชิงเฉิงและคณะได้แต่มุ่งหน้าไปต่อ
ฉินหยุนปลดปล่อยหุ่นเชิดมนุษย์ที่หลอมเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เขาไม่มีอักขระโทเทมเฉพาะทางด้านนี้ แต่ก็สามารถขัดเกลาพวกมันขึ้นได้ด้วยอักขระดวงดาวหุ่นเชิดระดับลึกล้ำ
เขาสร้างยันต์หุ่นเชิดขึ้นมา แปดไว้ที่แผ่นหลังมนุษย์เหล็ก ทำให้หุ่นเชิดมนุษย์สามารถวิ่งได้
หุ่นเชิดมนุษย์เหล็กออกวิ่งด้านหน้า หากมีอันตรายใด อย่างน้อยก็จะเป็นการบ่งบอกต่อพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง
เส้นทางนี้ยาวยิ่ง เขาไม่ทราบว่ามันนำไปสู่ที่ใด
ฉินหยุนและคณะไม่ได้รุกคืบด้วยความเร็วสูง ตลอดทางล้วนมีแต่ความกังวล ทว่าไม่มีคำพูดใดกล่าวออก
ผ่านไปสามชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาค่อยออกพ้นทางเดิน
หลังออกจากเส้นทางดำมืด พวกเขามาถึงห้องหินกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
สุ่ยเทียนสื่อนำเอาหินเรืองแสงออกมาสาดส่องห้อง นางคิ้วขมวดกล่าวคำ “ไม่มีประตู เป็นทางตัน!”
ฉินหยุนสำรวจมองห้องหินก่อนพูดขึ้น “ทางด้านนั้นมีค่ายอาคม!”
ห้องหินสร้างขึ้นด้วยอิฐหินสีดำสนิท ผนังล้วนเป็นสีดำสนิท เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่ามีอาคมอยู่ที่ตรงนี้
ทว่า ฉินหยุนสามารถรับรู้ถึงได้
เขาเร่งรีบเดินเข้าไป กดมือลงกับพื้น ถ่ายเทพลังจิตเข้าสู่ตัวห้อง รับรู้ได้ว่าสามารถควบคุมค่ายอาคม ดังนั้นจึงเร่งรีบสั่งการให้มันทำงาน
วงกลมสีขาวพลันปรากฏที่พื้นในห้องหิน
“ไป!” ฉินหยุนตะโกนอย่างเร่งรีบ
สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบเดินไปยังค่ายอาคม
“นี่เป็นอาคมเคลื่อนย้าย!” คำพอกล่าวจบ ฉินหยุนจึงสั่งการให้ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงาน
แสงวูบปรากฏตรงหน้า พวกเขาขณะนี้ปรากฏในห้องฝังศพขนาดกว้างใหญ่ ในห้องฝังศพแห่งนี้ มีแสงสีแดงอ่อนจางด้วย!
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดความตระหนก สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างคล้ายใต้ดินของสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว ทว่า โลงศพในที่นั้นจะเอาไว้ในบ้านหลังน้อยอีกทีหนึ่ง
กระนั้น โลงศพหยกที่นี่ล้วนวางระเกะระกะ
โลงศพหยกเหล่านี้ แท้จริงคล้ายกับที่สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว!
“เป็นสุสานที่ใหญ่มาก มีโลงศพหยกน่าจะราวหมื่นโลง!” สื่อชิงเฉิงลอยขึ้นกลางอากาศ สูดลมหายใจเข้าลึก และสำรวจพิจารณาสถานที่
ทางด้านฉินหยุน เขาเดินไปยังโลงศพหยก พยายามดันฝามันเปิดออก ภายในเป็นโครงกระดูก!
“หรือผู้ตายทั้งหมดที่หายไปจากที่นั่น จะถูกส่งมาที่นี่?” ฉินหยุนนึกคิดกับตนเอง ว่าความเป็นไปได้นี้อาจเป็นจริง
เขายังคงเปิดฝาโลงศพหยกอีกหลายโลง ภายในคือร่างผู้ตาย ไม่มีอะไรติดมากับร่าง ดังนั้นจึงยากบอกกล่าวถึงตัวตนของผู้วายชนม์
กระนั้น สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือระดับการฝึกฝน โลงศพที่อยู่รอบนอก ล้วนเป็นเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์
ทว่า ทางด้านโลงศพส่วนใน คือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!
สุ่ยเทียนสื่อที่อยู่ตรงผนังไกลออกไป ขณะนี้ถือหินเรืองแสงสาดส่อง นางตะโกนเสียงเบาดังขึ้นมา “น้องหยุน เร่งรีบมาดูด้านนี้ เหมือนจะมีโทเทมอยู่ที่นี่!”
ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงปิดฝาโลงที่เปิดสำรวจ ก่อนบินไปตรวจสอบอีกด้านหนึ่ง
แน่นอนว่า ผนังที่ถูกสาดแสงนี้ มีการแกะสลักอักขระโทเทมเอาไว้ ทว่ามันไม่กระจ่างชัด
“บอกได้หรือไม่ว่าเป็นรอยสักโทเทมใดกัน?” สื่อชิงเฉิงเอ่ยถาม
สุ่ยเทียนสื่อส่ายศีรษะ “ข้าไม่อาจเห็นโทเทมนี้เต็มรูปแบบได้ ค่อนข้างเลือนลางนัก รายละเอียดบางแห่งสูญหาย และโทเทมนี้ก็ใหญ่มากด้วย!”
ฉินหยุนยืนค่อนข้างยืนอยู่ห่างจากผนังกำแพง เขาสามารถเห็นครอบคลุมอักขระโทเทมบนผนังกว่าสิบเมตรนี้ได้
“เหมือนจะเป็นโทเทมวิหค!”
เขาสอบถามต่อโมโมว่ายินดีถูกพบเห็นโดยสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อหรือไม่ นางคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยตัดสินใจออกมา
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงปล่อยโมโมออกจากมิติเก็บของ
ทันทีเมื่อโมโมออกมาแล้ว นางร้องตะโกนดัง “นี่เป็นวิหคที่แกร่งกล้า! เป็นตัวตนที่คล้ายคลึงราชสีห์สวรรค์ หมายความถึงสามารถต่อกรกับมังกร!”
สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ พอได้เห็นภูติน้อยงดงามในฝ่ามือฉินหยุน พวกนางถึงขั้นอึ้งไปวูบ
พวกนางกล้าบอกกล่าวเพียงมองครั้งเดียว ว่านี่คือภูติอสูร!
กระทั่งในแดนยุทธ์อ้างว้าง ภูติอสูรเช่นนี้ยังถือว่ามีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะพวกมันสามารถทำให้ผู้อื่นสามารถได้รับโทเทม
“มีคนกำลังมา!”
ฉินหยุนตระหนก เร่งรีบเก็บโมโม จากนั้นจึงเข้าประชิดสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ คว้ามือขาวทั้งสองไว้แน่น พร้อมกันนี้ เขาใช้พลังเงาหลบซ่อนกลมกลืนในความมืด
คนทั้งแปดเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือผู้ที่ฉินหยุนคุ้นเคย เป็นหวังเทียนซือ!