ตอนที่ 216

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 216: เจอ

 

หลังจากการประลองสิ้นสุด ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนก็ดังกระฉ่อน แพร่กระจายไปทั่ววังเทียนจี๋ หลายคนรู้เรื่องราวของเขา ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณจะแข็งแกร่งเท่านั้น กระทั่งระดับฝึกตนยังไม่ธรรมดา ยิ่งกว่านั้นยังเด็กอีกด้วย!

 

ฉายาอัจฉริยะคนใหม่ได้ถูกรับรอง ทำให้หลายคนต้องสั่นสะท้าย สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออัจฉริยะมากความสามารถ ไม่คิดเลยว่าจะมีอัจฉริยะมาที่วังเทียนจี๋!

 

แม้ว่าวังเทียนจี๋ตอนนี้จะยังคงเป็นขุมอำนาจชั้น 3 แต่ก็ถือว่าเป็นขุมอำนาจชั้น 3 อันดับท้ายๆ ศิษย์ที่ยังอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะโดดเด่น แต่ถ้าเทียบกับขุมอำนาจอื่นแล้วยังต่างกันมาก

 

ดังนั้น หลายคนที่รู้ว่าอี้เทียนหยุนเลือกที่จะเข้าร่วมสำนัก จึงมีสีหน้าไม่เข้าใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขา พวกเขาคงจะเข้าร่วมกับสำนักอื่นในขุมอำนาจชั้น 3 ไม่เข้าร่วมสำนักนี้อย่างแน่นอน

 

นี่เป็นความจริงที่โหดร้าย กับสำนักที่กำลังตกต่ำ พวกเขาไม่มีทางเลือกเป็นตัวเลือกแรกๆ อย่างแน่นอน แม้จะมีชื่อเป็นขุมอำนาจชั้น 3 แต่คนที่คิดจะเข้าร่วมที่นี่มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

 

หลังจากจบการประลอง อี้เทียนหยุนก็กลับมายังห้อง แต่หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังมาที่นี่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาจึงเปิดประตูออกไปดู

 

หลังจากเปิดประตูออกไป คนที่เขาเห็นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหอเชียนหาน

 

“หือ เป็นเจ้า!” หลังจาเหอเชียนหานเห็นอี้เทียนหยุน นัยน์ตาลูกงามก็เบิกกว้าง เธอไม่คิดว่าคนที่ปรากฏตัวจะเป็นอี้เทียนหยุน คนที่เมื่อเทียบกับเธอแล้วยังแข็งแกร่งกว่า อ่อนวัยกว่า ในด้านสลักอาคม!

 

“เจอจนได้ ผู้จัดการเหอ” อี้เทียนหยุนยิ้มคลุมเครือ ในที่สุดผู้จัดการเหอก็กลับมา ดีที่ไม่ต้องรอนานเกินไป

 

ถ้าเธอยังไม่กลับมาอีก เขาก็ว่าจะจากไปก่อน พูดโดยไม่เกรงใจแล้ว ที่นี่ไม่เหมาะที่จะทำอะไร เพราะว่ามีข้อจำกัดเยอะ ทั้งยังต่างสถานที่ เขาเป็นแค่คนผ่านทาง ดังนั้นการจะสืบข่าวอะไร จึงเป็นไปได้ยาก

 

“เจ้าคือลูกศิษย์ที่ข้าแนะนำ ที่ปัจจุบันคือศิษย์ชั้นยอด พลังวิญญาณแข็งแกร่ง ระดับฝึกตนไม่แย่ เป็นศิษย์ใหม่ยอดเยี่ยมคนนั้นเหรอ?” เหอเชียนหานฝืนยิ้มออกมา เมื่อเห็นอี้เทียนหยุน เธอก็รู้ว่าเกิดเรื่องเข้าใจผิดขนานใหญ่แล้ว

 

 

“ใช่ ข้าส่งตรานี้ให้พวกเขา จากนั้นพวกเขาก็บอกว่านี่เป็นตราแนะนำ ดังนั้นจึงให้ข้าเป็นศิษย์” อี้เทียนหยุนเอาตราออกมา “ผู้จัดการเหอ เจ้าให้ตราข้ามาผิดหรือเปล่า? ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าข้าจะมาเข้าร่วมกับวังเทียนจี๋”

 

“ตราที่ให้ไม่ผิดหรอก พวกเขาคงจะเข้าใจผิดน่ะ” เหอเชียนหานฝืนยิ้มแล้วพูดออกมา “เป็นเพราะว่าข้าแนะนำศิษย์เยอะเกินไป พวกเขาจึงคิดว่าเจ้าเป็นคนที่ข้าแนะนำมาด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียด ทั้งเจ้ายังค่อนข้างเด็ก ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าข้าเชิญเจ้ามาเป็นแขก”

 

ที่เธอพูดก็ถูก ตรานี้ไม่ได้ผิด เพียงแต่ตราเชิญแขกก็ไม่ได้ต่างจากตราแนะนำนัก ดังนั้นถ้าไม่ดูให้ดีก็อาจจะเข้าใจผิดได้

 

“ถ้าอย่างนั้น ผู้จัดการเหอคงจะไม่คิดให้ข้าเป็นศิษย์อย่างนั้นสินะ?” อี้เทียนหยุนยิ้ม เขารู้ว่าเป็นการเข้าใจผิดแต่เริ่ม แต่ที่เขามานี่ เป้าหมายก็เพื่อตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้นความเข้าใจผิดนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน

 

“จะเป็นไปได้ยังไง ระดับอย่างเจ้าเหนือกว่าพวกเราเหล่าผู้จัดการแล้ว จะเป็นแค่ศิษย์ได้ยังไง!” เหอเชียนหานพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ครั้งนี้เป็นเราต้อนรับผิดพลาด ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปตำหนักหลักก่อน จะได้ต้อนรับเจ้าอย่างเป็นทางการ”

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ตามเหอเชียนหานไป การอยู่ที่นี่ต่อไม่มีความหมายอะไร ตำหนักเทียนเหวินถูกเขาตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้พูดแล้วล่ะก็ มันเป็นสถานที่ที่ธรรมดา

 

แม้จะมีการจัดแบ่งหมวดหมู่ได้อย่างดี แต่โดยรวมแล้วก็ธรรมดา พิสูจน์ได้ว่าวังเทียนจี๋แห่งนี้ไม่ค่อยโดดเด่น นอกจากศิษย์ที่โดดเด่นบางคนแล้ว คนอื่นล้วนธรรมดา แน่นอนว่าหากเทียบกับนิกายเทียนเฉวียนแล้วย่อมแข็งแกร่งกว่ามาก แต่นี่เป็นเพราะบรรยากาศมันต่างกัน

 

มีการเข้าร่วมกับกลุ่มตระกูล มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ถ้าไม่สามารถรวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว แล้วจะเป็นสำนักที่โดดเด่นได้ยังไง? เขารู้สึกเสมอว่าการที่กลุ่มตระกูลพวกนี้เข้าร่วมสำนัก ล้วนเพราะต้องการทรัพยาการเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตระกูลของตน ไม่ใช่เพื่อวังเทียนจี๋

 

ทำให้เขานึกถึงการทรยศของผู้จัดการเชียนเมื่อก่อนหน้า เขารู้สึกว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้วังเทียนจี๋ตกต่ำ

 

ภายใต้การนำของเหอเชียนหาน ทำให้ตลอดเส้นทางผ่านไปได้โดยสะดวก ศิษย์บางคนเห็นเหอเชียนหานมาด้วยกันกับอี้เทียนหยุนก็เผยสายตาอิจฉาออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

ยิ่งเป็นศิษย์ที่มีศักยภาพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับทรัพยากรมากเท่านั้น นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

 

อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ออกมาจากตำหนักเทียนเหวิน จนมาถึงตำหนักหลัก ตำหนักหลักนี้เป็นหัวใจหลักของวังเทียนจี๋ เป็นสถานที่ที่โดดเด่นที่สุด ผู้อาวุโสและผู้จัดการหลายคนล้วนแต่ฝึกฝนอยู่ในนี้ และยังมีศิษย์หลักที่ฝึกฝนอยู่ด้านในเช่นกัน

 

ศิษย์หลักพวกนี้ไม่ว่าจะมาจากส่วนไหน ตราบเท่าที่โดดเด่นเพียงพอก็สามารถเข้ามาได้

 

เมื่อมาถึงตำหนักหลัก อี้เทียนหยุนก็เงยหน้าขึ้นมอง เห็นตัวอักษรสามตัวที่เขียนว่า “วังเทียนจี๋” อยู่ด้านบน ซึ่งตัวอักษรทั้งสามตัวนี้ต่างก็พากันปลดปล่อยแรงกดดันที่ทรงพลังออกมา เห็นได้ชัดว่าคนที่เขียนตัวอักษรสามตัวนี้ห่างจากคำว่าคนธรรมดาไปไกลนัก อย่างน้อยต้องเป็นระดับบรรพชนของวังเทียนจี๋

 

วังเทียนจี๋ที่สามารถสร้างคนระดับราชาวิญญาณเซวียนเทียนขึ้นมาได้ เห็นได้ชัดว่าศักยภาพของวังเทียนจี๋นั้นไร้ขีดจำกัด

 

หลังจากเข้ามา ที่ปรากฏแก่สายตาไม่ใช่เครื่องเรือนที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หรือแม้แต่สิ่งของที่ส่งกลิ่นอายเก่าแก่โบราณออกมา กระทั่งไม่ใช่เครื่องเรือนที่ทำมาจากเงินหรือทอง แต่กลับตกแต่งทั้งหมดด้วยไม้วิญญาณ ไม้วิญญาณพวกนี้ไม่ธรรมดา เมื่อใช้มาเป็นของประดับตกแต่ง ไม่เพียงแต่จะมอบความสบายตาให้แล้ว แต่ยังทำให้พลังวิญญาณของที่นี่แน่นขนัดขึ้นอีกขั้น

 

ดังนั้น เพิ่งจะเข้ามา เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงความสบายที่แทรกซึกไปทุกอณู ยิ่งพลังวิญญาณสูงยิ่งเหมาะแก่การฝึกฝน ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นคนธรรมดา ถ้าได้อยู่ภายใต้ความสดชื่นนี้ ก็สามารถมีอายุยืนยาวขึ้น

 

“ผู้จัดการเหอ คราวนี้เจ้าพาเมล็ดพันธุ์แบบไหนกลับมากัน ดูแล้วยังเด็กมากนัก ได้ยินว่าศิษย์ที่เจ้าแนะนำมาคราวนี้ดีมาก พาศิษย์หลายคนกลับมา ในที่สุดรอบนี้ก็โชคดีแล้ว?” บนใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความดูถูก ที่เขามาคราวนี้ไม่ได้มาแสดงความยินดี แต่มาเพื่อดูถูกความสามารถในการมองคนของเหอเชียนหานอย่างสมบูรณ์

 

“ผู้จัดการกวน นี่คือศิษย์ที่ข้าแนะนำมาและเพิ่งจะสร้างเรื่องเมื่อเร็วๆ นี้…. แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่ศิษย์ที่ข้าแนะนำมา แท้จริงแล้วเขาเป็นแขกของวังเทียนจี๋ แต่เพราะเกิดการผิดพลาดจากการอ่านตราที่ข้ามอบให้ ทำให้คนพากันคิดว่าเป็นตราแนะนำ” เหอเชียนหานไม่สนใจต่อการยั่วยุของผู้จัดการกวน แต่เลือกที่อธิบายออกมาตรงๆ

 

“แขกของวังเทียนจี๋อย่างงั้นเหรอ?” ผู้จัดการกวนอ้าปากค้าง จากนั้นก็มองไปที่เขาแล้วพูดอย่างดูถูก “ไม่ใช่ศิษย์ แต่เป็นแขกที่เชิญมา? ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมเจ้าถึงได้โชคดีหาศิษย์พรสวรรค์สูงอย่างนี้มาได้ ที่แท้ก็เป็นคนจากสำนักอีก….. ไม่รู้ว่าเจ้ามาจากสำนักไหนในขุมอำนาจชั้น 3?”

 

“ข้าไม่ได้มาจากขุมอำนาจชั้น 3 ข้ามาจากขุมอำนาจชั้น 2” อี้เทียนหยุนตอบกลับเบาๆ

 

“ขุมอำนาจชั้น 2?” ผู้จัดการกวนตกใจ เหอเชียนหานก็ตกใจเช่นกัน เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมาจากขุมอำนาจชั้น 2

 

“ข้าก็คิดว่ามาจากขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ที่แท้ก็มาจากขุมอำนาจชั้น 2 นี่ก็สามารถเป็นแขกของเราได้?” ผู้จัดการกวนส่ายหัว “เรื่องที่ผู้จัดการเหอเจ้าจัดการนี่ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าตำแหน่งผู้จัดการนี้เหมาะกับเจ้าหรือเปล่า”

 

เหอเชียนหานสีหน้าเย็นชา ผู้จัดการกวนคนนี้หาเรื่องเธอไม่ใช่วันสองวันนี้ แต่เป็นทุกครั้งที่พบหน้ากันเลยก็ว่าได้

 

“ขุมอำนาจชั้น 2 แล้วยังไง? ระดับชั้นสลักอาคมของเขาไม่ได้ต่ำ กระทั่งเทียบได้กับตำหนักซิงเฉินด้วยซ้ำ!” ผู้จัดการเหอพูดอย่างจริงจัง

 

“ระดับชั้นสลักอาคมไม่ต่ำอย่างงั้นเหรอ?” ผู้จัดการกวนมองอี้เทียนหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกโดยสมบูรณ์ “เป็นแค่ขุมอำนาจชั้น 2 หรือจะเทียบกับมาตรฐานของขุมอำนาจชั้น 3 ระดับเริ่มได้? ในตำหนักเทียนเหวินก็มีคนระดับนี้อยู่มาก เขาไม่สามารถติด 1 ใน 5 ได้ด้วยซ้ำ”

 

“ไม่ เขาเป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4!” เหอเชียนหานแก้ให้ถูกโดยไม่ปรานี

 

“อาจารย์สลักอาคมชั้น 4….. อะไรนะ อาจารย์สลักอาคมชั้น 4 อย่างงั้นเหรอ!?” ผู้จัดการกวนในตอนนี้ตกใจโดยสมบูรณ์!