ตอนที่ 215

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 215: กระบวนท่าเดียวปลิวชีพ

 

“ฮ่าๆ เจ้าเรียกมันว่าพี่ใหญ่อย่างงั้นเหรอ?” เหลียงปิงหัวเราะ “งั้นเจ้าก็รอรับมันกลับด้วยแล้วกัน รอแบกพี่ใหญ่เจ้ากลับไปรักษาตัว! จำไว้ว่าต้องดูแลพี่ใหญ่เจ้าให้ดี อย่าปล่อยให้มันวิ่งพล่านอีก ไม่อย่างนั้นความตายจะมาเยือนมันโดยไม่รู้ตัว!”

 

ยังไม่ทันจะประลอง เหลียงปิงก็คุยทับเสียแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน

 

“พี่ใหญ่ของข้าจะไม่แพ้!” หยางอวี่พูดอย่างเย็นชา

 

“ฮึ งั้นเจ้าก็คอยดูก็แล้วกัน?” เหลียงปิงแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็เดินไปยังลานประลองที่อยู่อีกฝั่งพร้อมกับจางปิน

 

อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มายืนยังลานประลอง จากเรื่องราวที่แพร่ออกไป ทำให้คนหลายคนมามุงกันอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนและเหลียงปิงจะประลองกันก็พากันตกใจ นี่ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย เหลียงปิงมีระดับสูงมาก เจ้าเด็กใหม่นี่เพิ่มเข้ามาได้ไม่ได้ ก็มีปัญหาวิ่งเข้าใส่มากขนาดนี้เชียว?

 

“อี้เทียนหยุนคนนี้กำลังหารที่ตายชัดๆ ไม่คิดว่าจะประลองกับเหลียงปิง เหลียงปิงไม่เพียงแต่จะเก่งทางด้านสลักอาคมเท่านั้น แต่ด้านการต่อสู้ก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน!”

 

“ได้ยินว่าเขาจะช่วยแก้แค้นให้หยางอวี่ ทำให้เขาตัดสินใจทำอย่างนี้”

 

“เพื่อหยางอวี่คนนั้นถึงกับรนหาที่ตายเชียวเหรอ? นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ!”

 

……

 

พวกเขาพากันส่ายหัว รู้สึกว่าการกระทำนี้ไม่คุ้มค่าอย่างมาก ไม่ต่างอะไรจากคนบ้า

 

“นี่เป็นแค่ประลองเท่านั้น ห้ามมีการฆ่ากันเกิดขึ้นเด็ดขาด!” ยามที่อยู่ใกล้จ้องมา ที่นี่มีกฎว่าห้ามฆ่าคน ตำหนักเทียนเหวินไม่อยากเห็นศิษย์ของตนต้องห้ำหั่นกันจนตาย

 

“วางใจเถอะ ข้าจะไม่ฆ่ามันหรอก ถึงยังไงก็เป็นคนสำนักเดียวกัน ข้าแค่อยากจะทำให้มันรู้เท่านั้น ว่าอย่าได้ทำตัวโอหังที่นี่” เหลียงปิงยิ้มเย็นชา ในใจมีความคิดอยู่แล้ว จริงอยู่ที่ว่าฆ่ากันไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าห้ามลงมือจนสาหัส แค่ให้มันยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว คิดจะสั่งสอนอี้เทียนหยุนอย่างโหดเหี้ยม

 

อี้เทียนหยุนยืนอยู่บนเวที มองไปที่เขาอย่างเย็นชา “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”

 

“ข้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว แต่เห็นแก่เจ้าที่เป็นศิษย์น้อง ข้าจะต่อให้เจ้าสามกระบวนท่า!” เหลียงปิงยื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว เขามั่นใจในตัวเองมาก ถึงจะจัดการเฟิงยู่หลงได้ แต่ก็ไม่สามารถจัดการเขาได้อยู่ดี

 

เมื่อเทียบกับเฟิงยู่หลงแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นที่อี้เทียนหยุนสามารถกับเฟิงยู่หลงได้นั่น ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด ส่วนความพ่ายแพ้ของเจี่ยผิงนั้น เขาคิดว่าอีกฝ่ายจงใจไม่ป้องกัน จึงทำให้ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของอี้เทียนหยุนได้

 

“สามกระบวนท่า?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว พร้อมกับชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าต้องการแค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถล้มเจ้าได้แล้ว!”

 

“ยังคงโอหังเหมือนเดิม บิดาอยู่นี่แล้ว ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะล้มข้าด้วยกระบวนท่าเดียวได้ยังไง!” เหลียงปิงไม่หัวร้อน ไม่คิดว่าเด็กใหม่อย่างเขาจะร้ายกาจพอ นี่ก็แค่การข่มขู่เท่านั้น

 

คนดูพากันส่ายหัว คิดว่าอี้เทียนหยุนอวดดีเกินไป คนๆ นี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้ แต่จากนี้ไปยังไงก็ต้องพ่ายแพ้เข้าสักวัน ถึงยังไง การทำตัวอวดเก่งก็ไม่ใช่เรื่องดี

 

ทุกสิ่งล้วนต้องทำด้วยความอดทน คนที่คิดอย่างนี้ล้วนแต่มีเบื้องหลังต่ำต้อย เมื่อถูกรังแก จำเป็นต้องอดทนทุกครั้งไป!

 

“ยังจะมาอวดเก่งอีก พี่หลิว สั่งสอนมันให้หนักเลย! ให้มันรู้ว่าพวกเราร้ายกาจแค่ไหน!”

 

“แค่อันดับกระโดดขึ้นสูงหน่อย ก็ไม่รู้จักคิดแล้ว!”

 

“ใช่ สั่งสอนมันให้หนัก ให้มันรู้ซะบ้างว่าพวกเราร้ายกาจแค่ไหน!”

 

พวกที่สนับสนุนเหลียงปิงล้วนแต่เป็นก๊กเดียวกัน เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนซึ่งเป็นเด็กใหม่ข้ามหน้าข้ามตาพวกเขา ก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ คิดว่าเป็นการเสียหน้าอย่างมาก

 

คำพูดเพิ่งจะจบ “ปัง” เสียงระเบิดก็ปะทุออกมาจากร่างของอี้เทียนหยุน เห็นเพียงร่างของเขาปะทุพลังที่น่าสะพรึงออกมา จากนั้นเขาก็ถีบเท้าลงกับพื้น ภายใต้แรงถีบที่มหาศาล ทำให้พื้นดินเริ่มสั่น

 

พร้อมๆ กับเสียงที่ดังสนั่น ทุกคนก็พากันเซ่อไป จากนั้นเมื่อมองไป พวกเขาก็พลันเห็นเงาสายหนึ่งพุ่งผ่าน ทำให้สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ

 

แรงกดดันของเงานั้นมาถึงจุดสูงสุด เส้นเลือดสีเขียวผุดขึ้นตามขาทั้งสองข้าง พลังปะทุขึ้นมาจนเกิดเป็นคลื่นอัดอากาศกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง! ความน่าเกรงขามที่แสดงออกมาถึงขั้นสุด พร้อมๆ กับพลังกายที่พุ่งขึ้นถึงขีดจำกัด!

 

“ตุบ ตุบ ตุบ!”

 

เสียงย่ำเท้าดังสะท้อนออกมา ให้ความรู้สึกราวกับทุกสิ่งช่างเปราะบาง ทันใดนั้น แรงระเบิดที่น่าสะพรึงก็ปะทุขึ้น ทำให้อี้เทียนหยุนพุ่งไปตรงหน้าเหลียงปิง โดยที่ไม่จำเป็นต้องลอบโจมตี เมื่อไปถึง เขาก็วาดเท้าเข้าใส่ร่างเหลียงปิง ราวกับแส้ ซัดเข้าใส่กลางลำตัวของอีกฝ่าย

 

เหลียงปิงรีบยกมือขึ้นรับ แต่ขณะที่ปะทะกับเท้าที่น่าสะพรึง ก็เหมือนกับมีภูเขาหล่นทับเป็นชั้น ทำให้ตัวเขาสั่นอย่างบ้าคลั่ง “แกรก” เสียงกระดูกแขนหักดังมา แขนทั้งสองข้างอ่อนยวบ ทำให้เท้าที่น่าสะพรึงนี้ซัดเข้าใส่หน้าอกเขาอย่างจัง!

 

“เปรี้ยง!”

 

ร่างที่หนักกว่าร้อยจินของเหลียงปิงราวกับว่าวสายป่านขาด ถูกซัดปลิวขึ้นสูง ก่อนจะกระแทกเข้ากับอาคารที่อยู่ไกลออกไปจนเกิดเสียงดังสนั่น ไม่กระดุกกระดิก!

 

นี่ทำให้ทุกคนตกตะลึง เท้าเดียวก็จัดการเตะเหลียงปิงจนแน่นิ่ง พลังที่น่าสะพรึงนี้ทำให้พวกเขาถึงกับสะท้าน จนต้องสูดลมหายใจเฮือก นี่มันพลังอะไรกัน นี่ยังเรียกว่าอ่อนแอได้อยู่เหรอ?

 

“พี่เหลียง!” จางปินรีบวิ่งไปยังอาคารที่พังทลายนั้น ขณะที่พยุงเหลียงปิง เขาก็เห็นหน้าอกของเหลียงปิงยุบเป็นโพลง แม้จะไม่ตาย แต่อย่างน้อยต้องนอนบนเตียงอีกหลายเดือนถึงจะพอเคลื่อนไหวได้

 

ด้วยลูกเตะที่น่าสะพรึง เหลียงปิงไม่มีทางที่จะต้านรับได้เลย ด้วยพลังที่บดขยี้อีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์ เขาจะไปต้านรับได้ยังไง? ยิ่งเป็นพลังจากความโกรธด้วยแล้ว ใครจะสามารถหยุดได้กัน!

 

“เยี่ยม ร้ายกาจมาก……” หยางอวี่ฟื้นจากความตกตะลึง “พี่ใหญ่ร้ายกาจมาก พลังนี้น่ากลัวสุดๆ ต่อให้เป็นหมีใหญ่ก็เชื่อว่าต้องถูกเตะจนปลิว เรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่าเดียวปลิวชีพอย่างแท้จริง”

 

“ร้ายกาจมาก พี่ใหญ่หลิน…..” เธอไม่ส่งเสียง แต่เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนปลอดภัย ในใจก็รู้สึกสงบ(อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าพี่ใหญ่หลินนี่คือใคร อาจจะเขียนผิดก็ได้)

 

“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ผู้จัดการหวง เขาฆ่าคน!” จางปินชี้ไปยังอี้เทียนหยุนพร้อมกับพูดใส่ร้ายด้วยความโกรธ

 

ผู้จัดการหวงที่อยู่ใกล้ๆ มาตรวจดู จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ นี่เป็นการประลองปกติ พาเขาไปรักษา” หมัดและเท้าไร้นัยน์ตา นี่เป็นผลจากการประลอง ในเมื่อเหลียงปิงยังไม่ตาย ดังนั้นจึงไม่ถือว่าผิดกฎ

 

จางปินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเหลียงปิงจะแพ้ ส่วนอี้เทียนหยุนกลับไม่เป็นอะไรเลย

 

“เจ้ายังอยากจะประลองกับข้าด้วยไหม?” อี้เทียนหยุนมองมาที่เขาจากลานประลองด้วยสายตาเย็นชา

 

จางปินสั่นสะท้านในใจ ขนาดเหลียงปิงยังแพ้ แล้วระดับอย่างเขาจะให้ไปประลองกับอี้เทียนหยุน? เขาจะต้องถูกลูกเตะของอี้เทียนหยุนซัดปลิวเหมือนกับเหลียงปิงอย่างแน่นอน

 

“เป็นอะไร ไม่กล้าอย่างงั้นเหรอ!” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ ต้องการเหยียบซ้ำ

 

“ข้า ข้าจะพาพี่เหลียงไปรักษาก่อน จากนั้นครั้งหน้าค่อยประลองกับเจ้า เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะจัดการเจ้าให้หนักเลย!” จางปินรีบพาเหลียงปิงจากไปทันที หลบเลี่ยงคำท้านี้ไปได้อย่างสวยงาม แต่ขณะที่เขากำลังพาตัวเหลียงปิงไปนั้น สายตาดูถูกของทุกคนก็มองมายังเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูออกว่าเขากลัว ทำให้สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความดูแคลน

 

คนอื่นๆ ที่สนับสนุนเหลียงปิง ตอนนี้พากันหมดไฟกันแล้ว พวกเขาพากันมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาไม่พอใจ พวกเขาเทียบไม่ได้กับเหลียงปิงด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าเรื่องที่คิดว่าจะจัดการได้ง่ายๆ กลับกลายเป็นตาลปัตร ใครจะคิดล่ะว่าเด็กใหม่จะมีพลังรบที่น่าสะพรึงขนาดนี้กัน?

 

อี้เทียนหยุนแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็ก้าวลงจากลานประลอง หยางอวี่รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้? พลังที่ปะทุออกมาเมื่อกี้นี้มันระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นสูงสุดชัดๆ ท่านทำได้ยังไง!”

 

“ฝึกสิ ยิ่งฝึกก็ยิ่งเก่ง” อี้เทียนหยุนตอบ ทำให้หยางอวี่แทบกระอักเลือดออกมา นี่มันคำตอบแบบไหนกัน

 

เหตุผลที่เขาต้องกดระดับเอาไว้นั้น เพราะเขากลัวว่าเหลียงปิงจะตายเอา ถ้าเกิดเขาใช้พลังเต็มที่! นี่เป็นแค่การต่อสู้ของแต่ละตระกูลเท่านั้น กับคนชั้นต่ำพวกนี้ เขาไม่จำเป็นต้องเอาจริง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกมันเป็นคนในวังเทียนจี๋ เขาคงกำจัดพวกมันทิ้งไปแล้ว

 

ยังไงก็ตาม หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ ทำให้เขารู้สถานการณ์ในตำหนักเทียนเหวินคร่าวๆ แล้ว คนที่เหมาะที่จะดึงเข้านิกายเทียนเฉวียนมีอยู่น้อยนัก