ไทม์คาเฟ่และยังมีบาร์ฟาร์เวอร์โรดที่เทาเท่ไปบ่อยๆอีก ล้วนแต่อยู่ภายใต้การบริหารของโซเมนทั้งสิ้น และเป็นสถานที่ที่พวกเขามักจะเอาไว้นัดคุยหรือนัดลูกค้าสำคัญด้วยเช่นกัน
พนักงานทุกคนของสองที่นี้นอกจากหน้าที่ภายนอกของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบแล้ว แต่ละคนก็มีความคล่องตัวดีมาก ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะสามารถปกป้องพวกเขาได้ทันที
จากที่เคยมีเรื่องที่พินอินก่อเรื่องขึ้นมาเอาไว้ เทาเท่ก็รู้สึกแคร์กับเรื่องปัญหาความปลอดภัยของหลินจือในตอนนี้มาก
หลินจือรู้สึกถึงอะไรในน้ำเสียงที่เป็นทางการนี้จากเทาเท่ แล้วเอ่ยถามเขาขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ : “พนักงานในร้านนั้นพวกเขาคงจะไม่ได้ต่อสู้เป็นกันหมดหรอกนะคะ?”
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะพูดออกมาว่าสามารถ “ปกป้อง”เธอได้อย่างไรกัน?
เทาเท่ตอบเธอกลับนิ่งๆ : “คุณคิดว่ายังไงล่ะครับ?”
หลินจือตกใจมาก หลังจากนั้นก็เอ่ยถามเขาขึ้นอย่างระแวดระวัง : “เทาเท่ คุณทำธุรกิจที่ถูกต้องกันหรือเปล่า?”
เขากับโซเมนดำเนินกิจการร้านกาแฟโดยเฉพาะแบบนี้ และยังจัดให้มีคนที่คล่องตัวมีความสามารถพิเศษมากมายขนาดนั้นอีก สถานการณ์แบบนี้รู้สึกเหมือนกับทางของพวกอันธพาลในทีวีเหล่านั้นเลย
เทาเท่รู้สึกขำกับท่าทางแบบนี้ของเธอ : “ถ้าหากผมทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง จะถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหนุ่มสาวที่โดดเด่นแห่งเมืองเจสเวิร์ดได้เหรอครับ?”
เทาเท่พูดมาแบบนี้ หลินจือก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
เทาเท่และโซเมนก่อนหน้านี้พวกเขาถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบของหนุ่มที่มีความสามารถแห่งเมืองเจสเวิร์ด ได้รับรางวัลเป็นที่ยอมรับจากรัฐบาล จะต้องไม่ก่อความวุ่นวายอย่างแน่นอน
เทาเท่อธิบาย : “ทุกๆอาชีพก็ย่อมมีด้านที่อันตรายทั้งนั้นแหล่ะครับ พวกเราทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองเหมือนกัน”
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถยอมรับความล้มเหลวได้ บางคนที่ไม่ได้รับในผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการก็จะเดินไปในทางที่เสี่ยง เรื่องอะไรก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น อีกทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินเป็นจำนวนยิ่งมาก ก็ยิ่งมีคนคิดไม่ตก
พวกเขาเองก็เพื่อรักษาและปกป้องตัวเอง การเตรียมการไว้ล่วงหน้ารู้เอาไว้ใช่ว่าจะเสียหาย นั่นก็เป็นวิชาบังคับสำหรับพวกเขานั่นเอง
“อ่อ”หลินจือพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่ฉันเคยเรียนทำกาแฟกับเธออย่างแอนนี่ ความสามารถก็ดีมากเลยเหมือนกันใช่ไหมคะ?”
แอนนี่เป็นบาริสต้าทำกาแฟของไทม์คาเฟ่ ตอนนั้นเธอเรียนทำกาแฟกับแอนนี่
เทาเท่พยักหน้า : “อืม เทควันโดสายดำ แชมป์ต่อสู้”
หลินจือตกใจ เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้หญิงสวยๆอย่างแอนนี่ เป็นบาริสต้าที่ทำงานมีระดับสูงแบบนี้ จะมีทักษะการต่อสู้ที่ดีขนาดนี้ ตอนแรกเธอดูไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
เทาเท่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ตอนที่คุณไม่มีอะไรทำก็สามารถไปเรียนรู้กับเธอต่อได้นะครับ ครั้งนี้ก็เรียนพวกศิลปะการป้องกันตัวอะไรแบบนั้น”
หลินจือรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ของเขาไม่เลวเลย เธอกำลังจะพยักหน้าลงนั้นก็เห็นว่าเทาเท่มองพิจารณาเธอตั้งแต่บนลงล่าง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา : “แต่รูปร่างคุณแบบนี้ จัดบอร์ดี้การ์ดไว้ให้คุณดีกว่า”
หลินจือรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง : “รูปร่างฉันเป็นยังไงคะ?”
เธอยอมรับถึงแม้ว่าเธอจะผอมบางไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถเรียนศิลปะการป้องกันตัวได้นี่?
เทาเท่มองเธออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า : “ไม่เป็นยังไงครับ ตรงที่ควรจะมีเนื้อก็มีอยู่นี่ครับ”
หลินจือ : “……”
อดีตสามีที่หย่ากันไปแล้วจู่ๆก็มาเล่นลูกไม้แบบนี้จะทำอย่างไร?
เทาเท่ทำสีหน้าไม่สะทกสะท้าน แล้วก้มหน้าลงทานข้าวใหม่อีกครั้ง
ไม่สามารถสบตากับเธอต่อไปได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอยากจะเข้าไปกัดเธอแล้วจริงๆ
เทาเท่คิดไม่ถึงว่าทั้งๆที่ตัวเองหยอกล้อหลินจือ แต่กลับหยอกเสียจนตัวเองเกิดไฟในร่างกาย ทานไปพลางในหัวก็เต็มไปด้วยภาพที่ละมุนละไมตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน
และหลังจากที่ทานเสร็จด้วยความยากลำบากที่มีทั่วทั้งร่างกายแล้วเขาก็รีบออกไป มิเช่นนั้นเขากลัวว่าตัวเองจะทำอะไรกับหลินจือเข้าเสียก่อน
หลังจากที่เทาเท่กลับไปแล้ว หลินจือก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นอิสระขึ้นมา เจ้าหนูนับว่าคุ้นเคยกับที่นี่แล้ว บางครั้งก็จะมานัวเนียอยู่ตรงข้างๆเท้าของเธอ ส่วนแมวตัวน้อยยังคงรู้สึกกลัวคนแปลกหน้าอยู่บ้าง แล้วก็มุดเข้าไปตรงใต้โซฟา ไม่ว่าหลินจือร้องเรียกอย่างไรก็ไม่ออกมา
หลินจือรู้สึกจำใจ จึงทำได้เพียงแค่ไม่สนใจมันก่อนชั่วคราว ให้มันค่อยๆปรับสภาพได้ด้วยตัวเอง
ก็เหมือนกับนิสัยของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน นิสัยของแมวก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน นิสัยของแมวน้อยดูแล้วเป็นพวกชอบเก็บอารมณ์ ตรงจุดนี้เหมือนกับหลินจือมาก
จากนั้นหลินจือก็โทรหาจอร์แดน เป็นห่วงสถานการณ์ทางร่างกายของภรรยาจอร์แดนก่อน หลังจากนั้นจึงแสดงความขอบคุณจอร์แดนอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าซูซีขอโทษนั้นจะมีท่าทางเป็นอย่างไร แต่ความหวังดีของจอร์แดนนั้นหลินจือก็รับรู้ได้
น้ำเสียงของจอร์แดนที่อยู่ในสายนั้นมีความอ่อนโยนมาก : “ผมเองก็เป็นผู้สร้างเหมือนกัน เข้าใจความโมโหที่ถูกคนขโมยความคิด เพราะฉะนั้นจึงเสนอความคิดนี้ออกมาตัดสินใจทำแบบนี้ให้คุณเลย”
“ที่ไม่ได้แจ้งเธอในสาขาอาชีพนั้นเป็นเพราะผมเห็นแวบเดียวก็มองออกแล้ว การปลูกฝังอบรมทางด้านศีลธรรมแบบนั้นของซูซี บริษัทของเธอไปได้ไม่ไกลหรอกครับ”
“ค่ะ”หลินจือเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของจอร์แดนเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจอร์แดนถึงได้ขอให้ซูซีขอโทษเธอก่อน ให้หลินจือเอาความแค้นนี้ออกมาก่อน ส่วนซูซีกับบริษัทของเธอนั้น ต่อไปความเป็นจริงก็จะสอนเธอในเรื่องการปฏิบัติตัวเอง
คุยเรื่องที่เป็นทางการเสร็จแล้วจู่ๆจอร์แดนก็เอ่ยถามหลินจือขึ้นอีกครั้ง : “หลิน ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?”
ถึงแม้ว่าหลินจือจะงุนงงว่าทำไมจู่ๆจอร์แดนถึงได้เอ่ยถามคำถามนี้กับเธอ แต่เธอก็ยังตอบไปตามความจริง :“26ค่ะ”
จอร์แดนที่อยู่ทางปลายสายนั้นชะงักไป แล้วเอ่ยถามขึ้นต่อ : “ถ้าอย่างนั้นวันเกิดของคุณวันไหน?”
“วันที่10เดือน12ค่ะ”หลินจือตอบ
แล้วจอร์แดนที่อยู่ทางปลายสายนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง หลินจือเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ : “คุณจอร์แดน ทำไมจู่ๆถึงถามฉันแบบนี้ล่ะคะ?”
จอร์แดนยิ้มพลางตอบ : “ถามไปอย่างนั้นแหล่ะ รู้สึกว่ามีวาสนากับคุณดี”
หลินจือรู้สึกดีใจมาก : “ขอบคุณค่ะ”
ความจริงแล้วเธอรู้สึกประทับใจมากเหมือนกัน ไม่รู้ทำไม มักจะรู้สึกมีความรู้สึกสนิทกับจอร์แดนแปลกๆ
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เคยเจอกับจอร์แดน จอร์แดนนั้นเป็นไอดอลของหลินจือ แต่วันนั้นหลังจากที่ได้เห็นจอร์แดนตัวจริงแล้วนั้น หลินจือก็ยิ่งรู้สึกดีกับจอร์แดนขึ้นอีกมาก
หลินจือรู้สึกว่า ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบในอุดมคติ ก็คงจะเป็นแบบจอร์แดนแบบนี้
ใบหน้าละเอียดอ่อน บุคลิกดี มีความสง่างาม เต็มไปด้วยความสามารถ และที่สำคัญก็คือ ในเรื่องของความรักนั้นก็เสียสละผลประโยชน์ของตัวเองด้วยเช่นกัน ความรักที่มีต่อภรรยาสม่ำเสมอเหมือนในวันแรก
หลังจากที่จอร์แดนถามเธออีกสองสามประโยคแล้วนั้น ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก ทั้งสองคนก็วางสายไป
วันรุ่งขึ้นช่วงสายหลินจือก็มาถึงไทม์คาเฟ่ที่นัดเอาไว้ ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ชั้นดาดฟ้าของตึกบริษัทของโซเมน ทั้งชั้นนั้นเป็นของร้านกาแฟทั้งหมด
หน้าต่างกระจกบานใหญ่ถึงพื้น360บานทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นทัศนียภาพทั้งเมืองนี้ได้ แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่โซเมนวางตำแหน่งเป็นร้านกาแฟที่ขายสภาพแวดล้อมที่งดงามและรสนิยมที่มีระดับแบบนี้
หลินจือเพิ่งจะเหยียบเข้ามาในร้านกาแฟ ก็เห็นซูซีนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกล แล้วโบกมือมาทางเธออย่างพอใจ
หลินจือขี้เกียจจะสนใจเธอ เธอนัดกับซูซีไว้ตอนสิบโมง แต่ตอนเก้าโมงครึ่งนั้นซูซีโทรหาเธอ บอกว่าเธอถึงแล้ว ค่าใช้จ่ายเริ่มจับเวลาแล้ว ให้เธอจับกระเป๋าสตางค์ตัวเองเอาไว้ให้ดี
“ที่รัก!”จากนั้นเสียงร้องดีใจก็ดังขึ้น หญิงสาวคนสวยและน่ารักวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ แล้วหลังจากที่กอดหลินจือแล้วนั้นก็จับตัวเธอหมุนไปอีกรอบหนึ่ง
หลินจือ : “……”
แรงของแอนนี่นี้ หลินจือเชื่อแล้วว่าเธอเป็นเทควันโดสายดำ
หลินจือกับแอนนี่หัวหน้าบาริสต้าคนนี้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันขนาดนี้ ซูซีที่อยู่ไม่ไกลหน้าหมองลงอย่างทำตัวไม่ถูก