บทที่ 152 ผมจะจีบคุณ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เรื่องมาจนถึงวันนี้แล้ว เทาเท่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทนต่อไปแล้วอีกแล้ว

ดังนั้น เขาจึงวางตะเกียบในมือลง แล้วมองหลินจือที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตัวเองด้วยสีหน้าที่จริงจัง และน้ำเสียงที่เป็นทางการ : “หลินจือ ผมไม่อยากทนอีกแล้ว”

หลินจือรู้สึกงุนงง : “อะไรคะ?”

น้ำเสียงของเทาเท่มีพลังและดังก้องขึ้น : “ผมจะจีบคุณ”

หลินจืออึ้งไปเล็กน้อย

ครั้งที่แล้วโกดังที่เธอถูกลักพาตัวไป เขายอมรับออกมาว่ารักเธอเข้าแล้ว

แต่ตอนนั้นเธอตกอยู่ในความหวาดกลัวกับการถูกลักพาตัว จึงไม่ได้มีอารมณ์ไปคิดถึงคำพูดของเขา และยิ่งแม้กระทั่งคนที่ลักพาตัวเธอไปนั้นก็คือพินอิน ได้เอาความรู้สึกด้านลบไประบายกับเขาด้วย

ที่โรงแรมเมืองเวลฟ์ในครั้งนั้น เขาพูดว่าควรจะลักพาตัวเธอไปแต่งงานด้วยใหม่อีกครั้ง เธอเพียงเห็นเป็นแค่ว่าเขาพูดจากความเมาเท่านั้น

ครั้งนี้เขาพูดขึ้นมาตรงๆอีกว่าจะจีบเธอ…..

หลังจากที่หลินจือดึงสติกลับมาได้แล้วนั้นก็ตอบกลับเขาไปอย่างนิ่งๆ : “ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้วนะคะ”

เทาเท่ตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา : “แล้วยังไงล่ะครับ?”

หลินจือ : “…….”

เทาเท่เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ : “เราแต่งงานกันแล้วก็ยังหย่ากันได้ คุณมีแฟนแล้วยังไงล่ะ? ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเลิกกันอยู่ดี!”

ไม่เลิกกันเขาก็จะทำให้พวกเขาเลิกกัน!ในใจของเทาเท่นั้นสาบานออกมาด้วยความเกลียดชังแบบนี้

หลินจือรู้สึกโมโหเสียจนพูดไม่ออก ถึงแม้ว่าเธอกับเจเทาวน์เป็นแฟนกันเพียงในนาม แต่เทาเท่มาแช่งให้คนอื่นเลิกกันแบบนี้ยังเป็นคนอยู่ไหม?

เดิมทีเป็นเพราะเขาให้แมวกับตัวเอง เธอยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่เลย แต่นี่เธอลุกขึ้นมาจากข้างๆโต๊ะ เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ : “คุณรีบทาน ทานเสร็จแล้วก็รีบกลับไปได้แล้วค่ะ”

เทาเท่ดึงมือเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง : “ผมไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ”

หลินจือดึงมือของตัวเองกลับ แล้วมองเขาด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังเช่นเดียวกัน : “เทาเท่ ฉันรู้สึกว่าคุณจำเป็นที่จะต้องไปทำความรู้จักใหม่กับความรู้สึกที่คุณมีต่อฉันนะคะ”

เทาเท่เลิกคิ้วขึ้น หลินจือเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา : “ฉันรู้สึกว่าคุณคงไม่ได้รู้สึกรักฉัน คุณอาจจะเพียงรู้สึกว่าไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดมาก็เลยเกิดความเข้าใจผิดต่อฉัน”

เทาเท่ : “……”

จนท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้รู้สึกเชื่อเขาเลย

ปลายลิ้นดันอยู่ที่ฟัน เขาข่มไฟความโมโหที่พุ่งขึ้นมาเอาไว้ แล้วเอ่ยถามเธอขึ้นอีกครั้ง : “ผมคนที่อายุ32แล้ว ยังจะไม่เข้าใจหัวใจตัวเองได้อีกเหรอครับ?”

หลินจือไม่ได้เอ่ยพูด แต่สายตาของเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนหมดแล้ว : เขาไม่เข้าใจ

เทาเท่อยากจะพูดอะไรออกมา หลินจือก็เอ่ยตามขึ้นมา : “ยังมีอีกความเป็นไปได้”

เทาเท่เลิกคิ้วขึ้นส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อ หลินจือถอยหลังไปหนึ่งก้าวใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง : “คุณอาจจะไม่พอใจมาตลอดที่ถูกฉันพูดถึงเรื่องหย่า ในใจที่มีความโมโห ตอนนี้อยากจะตามฉันกลับมาใหม่ แล้วค่อยเหยียบฉันแรงๆ เพื่อแก้แค้นฉัน”

เทาเท่โมโหแทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว : “คุณเขียนบทพวกปากหวานก้นเปรี้ยวมากไปแล้วหรือเปล่า?”

อะไรที่ว่าจะจีบเธอเพื่อจะเหยียบเธอแก้แค้นเธอกัน?

ถ้าหากเขาต้องการจะแก้แค้นเธอ มีวิธีที่ประหยัดแรงกว่านี้อีก จำเป็นที่จะต้องมาเหนื่อยเขาแบบนี้ทำไม?

“คุณ–”เทาเท่ยังไม่รอให้พูดอะไร โทรศัพท์มือถือของหลินจือนั้นก็ดังขึ้นมาในเวลานี้

หลังจากที่เธอรับสายแล้ว ปลายสายนั้นเป็นเสียงของซูซีนั่นเอง : “หลินจือ พรุ่งนี้คุณมีเวลาไหม?”

ฟังออกว่าที่ซูซีโทรหาเธอนั้นไม่ได้เต็มใจมากนัก แต่กำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้อยู่ตลอด

หลินจือตอบกลับอย่างนิ่งๆ : “หาฉันมีธุระอะไรเหรอคะ?”

ซูซีหัวเราะเยาะพลางเอ่ยขึ้น : “ทำไม? คุณไม่รู้หรอกเหรอ? คุณจอร์แดนบอกว่าต้องการให้ฉันขอโทษต่อหน้าคุณ ให้คุณยกโทษให้ฉันก่อนถึงจะปล่อยฉันไป ไม่อย่างนั้นก็จะแจ้งบริษัทของฉันกับสาขาอาชีพของฉันด้วย”

หลินจือรู้สึกตกใจมาก ก่อนหน้านี้จอร์แดนบอกว่าเธอร่างบทเอาไว้แล้ว ให้เทาเท่กลับมาแล้วเตรียมเซ็นสัญญาได้เลย และยังบอกว่าเรื่องทางซูซีนั้นเขาจะจัดการเอง

หลินจือคิดไม่ถึงเลยว่าจอร์แดนจะให้ซูซีมาขอโทษเธอเองแบบนี้ ต้องยอมรับว่า ข้อเสนอนี้ของจอร์แดน ตรงกับความคิดของหลินจือมากจริงๆ

สำหรับผู้สร้างเดิมแล้ว จะต้องขอโทษแบบนี้จริงๆ

และสำหรับคนที่เย่อหยิ่งถือดีอย่างซูซีนั้น ให้เธอขอโทษจะต้องเป็นการทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างแน่นอน อีกทั้งฝ่ายที่ต้องขอโทษนั้นยังเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเธอนั้นอัดอั้นมานานอีกด้วย

ในใจของซูซีเวลานี้เกรงว่าจะโมโหจนแทบระเบิดแล้ว หลินจือคิดแล้วนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา วันหลังเธอจะต้องขอบคุณจอร์แดนให้ดีๆอย่างแน่นอน เพื่อการมุ่งให้ได้มาซึ่งสิ่งตอบแทนที่ทำให้สบายใจมากแบบนี้

ดังนั้นหลินจือจึงตอบรับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน : “พรุ่งนี้ฉันว่าง คุณอยากจะนัดพบกันที่ไหนคะ?”

จะว่าทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ซูซีทำเรื่องราวกับเธอไว้มากขนาดนี้ จำเป็นที่จะต้องขอโทษเธออยู่จริงๆ

ซูซีที่อยู่ทางปลายสายกัดฟันด้วยความโมโห เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลินจือจะหน้าไม่อายเตรียมรับกับคำขอโทษของเธออย่างไม่สะทกสะท้านเลยแบบนี้ เธอยังคิดว่าหลินจือจะบอกว่าไม่ต้องอะไรแบบนั้นเสียอีก แบบนี้เธอยังสามารถที่จะหาข้ออ้างไปทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากจอร์แดนได้

ซูซีโมโหเสียจนพูดไม่ออก เทาเท่ที่อยู่ข้างๆหลินจือหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเขียนชื่อร้านกาแฟร้านหนึ่งลงไป หลินจือก็เลยเอ่ยพูดขึ้น : “ในเมื่อคุณไม่พูด ถ้าอย่างนั้นฉันเลือกสถานที่ให้ก็แล้วกัน ไปที่ไทม์คาเฟ่ก็แล้วกันนะคะ”

หลินจือเพิ่งจะเอ่ยพูดชื่อร้านกาแฟนี้ไป ซูซีที่อยู่ทางปลายสายก็หัวเราะเยาะขึ้นมา : “หลินจือ คุณรู้ระดับของร้านกาแฟร้านนี้หรือเปล่า? คุณเลือกเจอกันในสถานที่แบบนี้ คุณจะเลี้ยงกาแฟฉันได้เหรอ?”

ซูซีคว้าโอกาสทั้งหมดที่จะดูถูกหลินจือได้ แทบอยากจะใช้ฐานะทางสังคมที่สูงส่งและฐานะทางครอบครัวของเธอเหยียบย่ำหลินจื่อให้จมอยู่ใต้เท้า

แต่หลินจือก็ไม่ได้ทำตัวดูต้อยต่ำหรือดูสูงส่งจนเกินไป : “คุณซูซี ไม่รู้ว่าตรงไหนที่ฉันทำให้คุณเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมา ถึงได้ทำให้คุณรู้สึกว่าแม้แต่เงินที่จะเลี้ยงกาแฟคุณก็ไม่มี?”

ซูซีเอ่ยพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย : “ไทม์คาเฟ่ไม่ได้คิดเงินค่ากาแฟเป็นแก้ว ที่ไทม์คาเฟ่ขายนั้นไม่ใช่เพียงแค่กาแฟเท่านั้น แต่ยังมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามหรูหราด้วย ที่นั่นเก็บเงินตามชั่วโมงเชียวนะ!”

หลินจือรู้ไทม์คาเฟ่นั่นอยู่แล้ว นึกไปถึงตอนนั้นที่เธออยากจะเรียนทำกาแฟ ยังไปเรียนที่นั่นอยู่หลายสัปดาห์เลยด้วย

ร้านกาแฟร้านนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของโซเมน ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็ไม่สามารถมีสิทธิพิเศษไปเรียนรู้กับบาริสต้าได้หรอก

เวลานี้ได้ยินซูซีที่อาสาแนะนำไทม์คาเฟ่แล้ว หลินจือก็ยิ้มบางๆออกมาพลางเอ่ยขึ้น : “ในมือฉันมี “The Legend of Concubine Rong “รายการนี้อยู่ แล้วก็ได้บทละครของคุณจอร์แดนอีก ไม่ขาดเงินหรอกค่ะ”

น้ำเสียงที่ไม่ได้ดูกังวลนี้ของเธอ และยังมีความคิดที่โอ้อวดเรื่องที่เธอได้บทละครของจอร์แดนมาอีกนั้น ก็ทำให้ซูซีโมโหมาก

ซูซีกัดฟันพลางเอ่ยพูดขึ้นในสาย : “โอเค ถ้าอย่างนั้นเราก็เจอกันพรุ่งนี้ตอนสิบโมง”

หลินจือเอ่ยเตือนซูซีขึ้นก่อนที่เธอจะวางสายไป : “คุณซูซี พรุ่งนี้ถ้าคุณยังมีท่าทางแบบนี้ล่ะก็ อย่ามาโทษหาว่าฉันไปฟ้องคุณจอร์แดนว่าคุณไม่ได้เต็มใจก็แล้วกันนะคะ”

ซูซีรีบวางสายไปเลย

หลังจากที่สิ้นสุดบทสนทนาแล้วนั้น เทาเท่ก็ลืมเรื่องที่โมโหหลินจือเมื่อครู่นี้ไปชั่วคราว เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม : “ซูซีหาคุณมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

หลินจือพูดถึงเรื่องที่จอร์แดนให้ซูซีขอโทษเธอ เทาเท่แสดงความเย็นชาออกมา : “เธอติดคำขอโทษคุณอยู่จริงๆนั่นแหล่ะ”

จากนั้นเขาก็เอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง : “คุณคงรู้ว่าไทม์คาเฟ่เป็นของโซเมน ต่อไปมีเรื่องอะไรคุณก็สามารถนัดคนไปคุยกันที่นั่นได้ มีปัญหาอะไรพนักงานที่ร้านก็จะปกป้องคุณ”