ตอนที่ 377 ทะเลสาบสือหลี่

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 377 ทะเลสาบสือหลี่

แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับเกลียวคลื่นบาง ๆ ในทะเลสาบสือหลี่ ทำให้เกิดภาพแสงสีทองระยิบระยับบนผิวน้ำของทะเลสาบแห่งนี้ มองดูแล้วสวยงามมากยิ่งนักราวกับภาพวาดก็มิปาน

บัดนี้เพิ่งจักเลยเวลาของยามอู่ ช่วงประกาศผลการแข่งขันบทประพันธ์กำลังจะมาถึงในอีก 1 ชั่วยามข้างหน้า ทว่าเรือน้อยใหญ่ต่าง ๆ ในทะเลสาบสือหลี่แห่งนี้ก็ได้มารอกันอย่างเนื่องแน่น และตรงริมฝั่งทะเลสาบนั้นก็ได้มีหญิงสาวอ้อนแอ้นอรชรและเหล่าผู้มีความสามารถมากหน้าหลายตารอช่วงเวลาที่สำคัญนี้อยู่

การแข่งขันการประพันธ์นี้ปรากฏขึ้นเป็นคราแรกในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อู๋

งานชุมนุมวรรณกรรมถูกจัดขึ้นที่วัดหานหลิง เพื่อความปลอดภัยของเหล่าบัณฑิตทั้งหลาย ในช่วงที่ทำการแข่งขัน ฝ่าบาททรงรับสั่งห้ามให้ผู้อื่นเข้าไปทำการรบกวนหรือขัดขวางการแข่งขันครานี้เป็นอันขาด และเมื่อถึงวันประกาศผลพระองค์ทรงได้ตัดสินพระทัยให้พื้นที่หลิวหยุนถายแห่งนี้เป็นพื้นที่สำหรับประกาศลำดับการแข่งขัน

ที่ทรงทำเช่นนี้พระองค์มิได้มีจุดประสงค์อื่นใด เพราะยุคสมัยนี้ ชายผู้มีความสามารถและหอนางโลม บทกวีและเนื้อร้อง สุรารสเลิศและท่าร่ายรำอันงดงามนั้นล้วนเกิดมาคู่กัน

เดิมทีงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้เป็นการท้าประชันฝีมือกันระหว่างราชวงศ์อู๋และราชวงศ์หยู หากจะกล่าวให้ละเอียดขึ้นไป ก็คือเป็นศึกการประชันฝีมือกันระหว่างจัวตงหลายสุดยอดบัณฑิตแห่งหลานซีกับฟู่เสี่ยวกวน

ในฐานะราษฎรของราชวงศ์อู๋ พวกเขาย่อมหวังว่าจัวตงหลายจะเป็นผู้คว้าชัยชนะในการแข่งขันครานี้ แต่ทว่าเมื่อลองใคร่ครวญให้ละเอียดถี่ถ้วนอีกคราก็กลับรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เพราะเมื่อได้ย้อนกลับไปอ่านหนังสือความฝันในหอแดงและพวกบทประพันธ์เหล่านั้นพวกเขาก็ได้ค้นพบว่า ผลงานของฟู่เสี่ยวกวนนั้นล้วนแต่เป็นผลงานชั้นยอด

มิมีบทประพันธ์ไหนที่มิดีเยี่ยมเลยสักบทเดียว !

ช่างน่าตื่นตะลึงมากยิ่งนัก นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฝีมือของเขาสูงส่งและยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ระดับของฟู่เสี่ยวกวนนั้นคงมิอาจมีผู้ใดเทียบเคียงกับเขาได้อีกแล้ว !

แต่ทว่าเมื่อวานนี้ องค์ฝ่าบาทได้มีพระราชโองการออกมา เพื่อทำการรับรองว่าข่าวลือเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง เรื่องจริงที่ว่าฟู่เสี่ยวกวนนั้นเป็นโอรสในฝ่าบาท !

เขาคือองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์อู๋ !

อีกทั้งยังมีหนังสือราชโองการให้ถอดถอนองค์รัชทายาทพระองค์ปัจจุบัน เมื่อนำสองเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกัน ประชากรทั้งเมืองกวนหยุนก็ได้เข้าใจความหมายที่แอบแฝงอยู่ในทันที ฟู่เสี่ยวกวนกำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็นอู๋เสี่ยวกวน แล้วกำลังจะเข้าไปประจำพระราชตำหนักบูรพา แล้วจะได้รับการสถาปนาเป็นองค์รัชยาทของราชอาณาจักรแห่งนี้ในเร็ววัน

เยี่ยงนั้นแล้ว การแข่งขันครานี้ย่อมไร้ความหมายอันใดอีกต่อไป เพราะมิว่าจะเป็นฟู่เสี่ยวกวนชนะหรือจัวตงหลายชนะก็ย่อมเป็นชัยชนะของราชวงศ์อู๋ด้วยกันทั้งสิ้น

ทว่าฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้หน้าตาเป็นเยี่ยงไรกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนจะประพันธ์บทกลอน บทกวี บทความ แบบไหนออกมาในงานชุมนุมวรรณกรรมที่วัดหานหลิงกัน ?

เมื่อวานตอนที่เหล่าบัณฑิตทั้งหลายได้เดินทางลงจากเขา พวกเขาต่างเอ่ยกันว่าฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลาเพียงแค่ดื่มชาครึ่งถ้วยก็สามารถตอบหัวข้อทั้งหมดได้แล้วเสร็จ ราวกับตอบแบบขอไปที สำหรับมุมมองของชาวราชวงศ์อู๋ เขาคิดว่าเช่นนี้มิใช่เรื่องที่ดีนัก

ในเมื่อการแข่งขันที่มีความสำคัญถึงเพียงนี้ยังทำแบบขอไปที แล้วต่อไปเรื่องปัญหาใหญ่ ๆ ของบ้านเมืองเขาก็คงทำแบบขอไปทีเช่นกัน ถ้าหากเป็นเช่นนี้เขาคงจะพาอนาคตของราชวงศ์อู๋ดำดิ่งลงไปสู่ขุมนรกอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ราษฎรของเมืองกวนหยุนจึงได้แห่แหนกันมาเข้าเฝ้าผู้ที่เป็นว่าที่องค์รัชทายาท หากว่าเป็นไปได้ พวกเขาก็อยากจะเอ่ยถามสักคำว่า เพราะเหตุใดถึงทำเช่นนั้นกัน ?

ณ สถานเอกอัครราชทูตของแคว้นหลิว ตรอกต้วนสุ่ยเฉียว

จู่อิงฮวาองค์หญิงเจ็ดแห่งแคว้นหลิวกำลังนั่งแต่งองค์อยู่หน้ากระจก

นางมิได้นำแป้งตลับติดตัวมาด้วย และบัดนี้นางกำลังจัดแต่งทรงผมอย่างพิถีพิถัน

นางมิได้ม้วนผมเก็บ เพราะชาวราชวงศ์อู๋ต่างมองว่าสตรีที่ม้วนผมนั้นมีสามีแล้ว

นางจึงใช้เชือกสีแดงผูกเข้ากับผมเปียที่ได้มัดไว้ แล้วเส้นผมที่เหลือก็ได้ใช้ผ้าไหมสีแดงมัดไว้ตรงส่วนหลังของศีรษะ ดูเรียบง่ายแต่ก็มิได้เป็นทางการมากนัก ทว่าดูรวม ๆ แล้วก็สวยแบบธรรมชาติดี

นางสวมชุดเต็มยศ นั่นก็คือชุดเสื้อคลุมประจำตัวขององค์หญิงแห่งแคว้นหลิว ผ้าหนาที่ทอด้วยเส้นไหมสีแดงผืนใหญ่ปีกลายนกสีสดใสทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

นางยืนขึ้น จากนั้นจึงออกไปด้านนอก จิ่งเปียนซีหยงเอ้อร์ถึงกับตกตะลึง “องค์หญิงวันนี้ไร้ซึ่งงานเลี้ยงทางการใด ๆ นี่ขอรับ”

“ข้ารู้ ไปเถิด ไปหลิวหยุนถายกัน”

“บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้มีสถานะเป็นองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์อู๋แล้ว”

“เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ”

เพราะความสุขของสตรีคือการแต่งตัว ในวันนี้จึงมีสตรีมากหน้าหลายตาพากันแต่งหน้าและสวมใส่ชุดอย่างสง่างาม

วันนี้ที่หลิวหยุนถายเป็นจุดรวมพลของเหล่าบัณฑิตนับหมื่นพัน อย่างน้อยในหมู่บัณฑิตเหล่านั้นก็ย่อมต้องมีสักคนที่ตกหลุมรักสตรีผู้เลอโฉมเหล่านี้

เยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์และเมิ่งซีสองสาวผู้มีชื่อเสียงแห่งหลิวหยุนถาย บัดนี้ทั้งสองนางได้แต่งองค์อยู่หน้ากระจกแล้วและกำลังประดับผมของตนเองด้วยดอกไม้สีเหลือง

ทว่าสิ่งที่พวกนางปรารถนานั้นมิใช่บัณฑิตหนุ่ม แต่เป็นบทประพันธ์เหล่านั้นที่ได้รับการจัดลำดับเสียมากกว่า

เมิ่งซีได้นำบทประพันธ์ไร้ซึ่งปรารถนาที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์ที่เมืองฝานหนิงกลับมายังหลิวหยุนถาย ทำให้เยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์รู้สึกหวาดระแวง แต่ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความเก่งกาจในด้านงานประพันธ์ของฟู่เสี่ยวกวน

ลำดับที่หนึ่งในการประกาศผลวันนี้จะเป็นฟู่เสี่ยวกวนหรือไม่ ?

เยี่ยงไรเสียก็ต้องขอบทประพันธ์ของเขามาให้ได้อย่างน้อย 2 บทเพื่อมาขับกล่อมทำนอง มิอาจยอมแพ้ให้เมิ่งซีผู้นั้นเป็นอันขาด !

……

หลิวหยุนถายนั้นตั้งอยู่บนเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบสือหลี่

เมื่อถึงยามเว่ย พื้นที่ส่วนใหญ่ในหลิวหยุนถายก็ได้ถูกจับจองเอาไว้ด้วยผู้คนจำนวนมหาศาล เมื่อเกือบจะสิ้นสุดยามเว่ย ทางเดินข้ามมายังหลิวหยุนถายได้ถูกควบคุมเอาไว้ เพื่อจำกัดปริมาณผู้คนเข้าออกที่หลิวหยุนถาย

เยียนหานยวี่และท่าป๋ายวนคือบุคคลผู้ซึ่งได้รับคำเชื้อเชิญมายังงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้ พวกเขาทั้งสองได้มาถึงยังหลิวหยุนถายแล้ว และบัดนี้กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าหอคอยขนาดใหญ่

“สิ่งที่ข้ากังวลตอนนี้ก็คือเขาจะนำกองทัพรุดไปช่วยเหลือศึกทางชายแดนตะวันออก”

“ย่อมเป็นไปมิได้ เขายังมิได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทเสียด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่าง…” เยียนหานยวี่หยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “หรือต่อให้เขาได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว เขาก็ย่อมไร้เวลาว่างไปดูแลราชวงศ์หยู เพราะเขายังมิมีความคุ้นเคยกับราชสำนักของราชวงศ์อู๋ เช่นนั้นเขาจำต้องอาศัยเวลาในการสั่งสมพระบารมี ความเป็นความตายของราชวงศ์หยูมิได้เกี่ยวของอันใดกับเขาอีกแล้ว”

ท่าป๋ายวนไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย

เวลานี้ดูเหมือนว่าจักรพรรดิเหวินได้กำจัดขวากหนามที่ขัดขวางความยิ่งใหญ่ไปสิ้นซากแล้ว แต่ทว่าตระกูลเซียวนั้นยังดำรงอยู่ ที่จักรพรรดินีเซียวดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีก็มิได้เสียเปล่า ในราชวงศ์นี้ย่อมมีผู้ฝักใฝ่ในพระนางแอบแฝงอยู่ด้วย

องค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันถูกลดตำแหน่งให้เป็นอ๋อง ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าอนาคตจะเกิดสิ่งใดพลิกผันขึ้นมาอีกหรือไม่ ?

เช่นนั้นแล้วสิ่งแรกที่ฟู่เสี่ยวกวนพึงกระทำก็คือทำให้ตำแหน่งประจำพระราชตำหนักบูรพานั่นมั่นคงเสียก่อน หากได้รับการสนับสนุนจากเหล่าเสนาบดี ใช้วิธีประนีประนอมในการค่อยควบคุมอำนาจภายในราชสำนัก เช่นนี้ตำแหน่งก็ย่อมมิสั่นคลอน

“เหตุใดป่านนี้แล้วเขายังมิมาอีก ? ” เยียนหานยวี่กวาดสายตามองหาเขาทั่วทุกสารทิศแต่กลับไร้ซึ่งวี่แววของฟู่เสี่ยวกวน

“สงสัยจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันพลันที่สามวันก่อนได้ทำแบบขอไปที”

เยียนหานยวี่เองก็เห็นพ้องต้องกัน หากว่าที่ผ่านมานั้นฟู่เสี่ยวกวนได้ตั้งใจและทุ่มเทให้กับการแข่งขันมากพอ วันนี้เขาคงจะได้รับชัยชนะโดยมีเหล่าบัณฑิตและเหล่าราษฎรหลายหมื่นคนเป็นสักขีพยาน ซึ่งจะมีผลต่อความเคารพนับถืออย่างท้วมท้น

ราชวงศ์อู๋เฝ้าฝันถึงผู้มีความสามารถนามเลื่องระบือ และเดิมทีฟู่เสี่ยวกวนสามารถเป็นชายผู้นั้นที่พวกเขาเฝ้าฝันหาได้ เช่นนั้นแล้วเขาย่อมได้รับความเคารพนับถือจากราษฎรอย่างถึงสูงสุด

ช่างน่าเสียดายยิ่ง ถึงตอนนี้เขาจะเสียใจในผลการกระทำก็ช่วยอันใดมิได้แล้ว

ในขณะที่เยียนหานยวี่กำลังรู้สึกเสียดายแทนฟู่เสี่ยวกวนอยู่นั้น ฟู่เสียวกวนก็ได้กระทำเรื่องใหญ่สะเทือนราชสำนัก !

เขาสั่งให้ถังเชียนจวินนำตัวเกาฟู่ลวี่มาหาเขา ทั้งสองเปิดใจสนทนากัน หลังจากนั้นอู๋หลิงก็ได้เข้ามาหาเขา

เขาได้ไปยังคุกของกรมราชทันฑ์ภายใต้การนำของอู๋หลิง และทั้งสองก็ได้ไปพบเจอกับขันทีเกา

ขันทีเกาเดิมทีคิดว่า…ว่าที่องค์รัชทายาทมาเพื่อถามเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมด แต่กลับคิดมิถึงว่า ฟู่เสี่ยวกวนจะมิเอ่ยถามสิ่งใด เขาเพียงแค่กล่าวด้วยประโยคสั้น ๆ เพียงหนึ่งประโยค “เจ้าไปตายเสีย อยู่ไปก็เกะกะ”

จากนั้นเกาฟู่ลวี่ก็ได้ชักกริชที่แอบซ่อนเอาไว้แล้วแทงขันทีเกาจนสิ้นใจคามือ

อู๋หลิงผู้ที่เห็นเหตุการณ์นั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“นี่มัน…”

“เขารู้เยอะจนเกินไป… ! ”