บทที่ 124 ฉันยอมให้เธอแอบคุยกับเขา

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“ไม่ได้ชมเกินไปอะไรเลย พูดความจริงทั้งนั้น”

ราวกับเชอร์รีนเป็นเพียงความว่างเปล่า ทุกคนทักทายและพูดคุยกันอย่างคุ้นเคย

เธอกลับก้าวไปข้างหน้าราวกับไม่รู้สึกอะไร แล้วเอานมที่อุ่นร้อนแล้วส่งให้สุนันท์ “แม่คะ นมค่ะ”

สุนันท์ตอบรับเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนกายลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วยื่นมือออกไปรับนม

ไม่รู้เป็นเพราะนมร้อนเกินไปหรือเพราะสาเหตุใด เมื่อสุนันท์ยื่นมือออกไปก็ส่งเสียงโอดครวญออกมา

ทุกคนพากันตกใจ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ได้ยินเสียง “เพล้ง” นมในมือของเชอร์รีนตกลงบนพื้นแตกกระจาย

นมร้อนส่วนหนึ่งกระเด็นลงบนผ้าห่ม ส่วนอีกส่วนหนึ่งกระเด็นโดนมือของเชอร์รีน ตอนนั้นบริเวณที่โดนนมก็เริ่มแสบร้อน เธอกัดฟันแน่นพยายามอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้

แต่หยาดฝนกับคุณหญิงราตรีที่ได้ยินเสียงก็รีบรุดเข้ามาช่วยจัดการผ้าห่มและนมที่หกเลอะโดนสุนันท์

เมื่อเห็นรูปการณ์ดังนั้น เชอร์รีนจึงพยายามอดกลั้นความเจ็บแสบเอาไว้แล้วก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อช่วยเก็บกวาด

ทว่าเมื่อมือของเธอเอื้อมโดนผ้าห่ม สุนันท์ก็ปัดมือทิ้ง “ออกไปเดี๋ยวนี้ แกตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม”

เชอร์รีนชะงักไป เธอยังคงยืนอยู่กับที่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเย็นชาและเยาะเย้ย เธอจึงหยุดอยู่ที่เดิมตามคำสั่ง เพียงยืนนิ่งๆ มองทั้งสองช่วยกันเก็บกวาด

ตอนแรกเธอยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ตอนนี้เธอเข้าใจทุกอย่าง สุนันท์ต้องการจะสั่งสอนเธอนั่นเอง

ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนและพรมถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด หยาดฝนช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและถามอย่างเป็นห่วงว่า “มีตรงไหนโดนลวกบ้างไหมคะ”

หน้าอกของสุนันท์ยังคงกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโมโห เธอยังคงจ้องมองที่เดิมไปที่เชอร์รีนอย่างไม่ละสายตา “ตอนนี้เธอคงสะใจมากเลยสินะ ใช่ไหม”

เชอร์รีนส่ายหน้า “หนูไม่เข้าใจว่าแม่หมายความว่ายังไง”

“ไม่เข้าใจ? แกฟังไม่เข้าใจหรือว่าแกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจกันแน่ ทำฉันจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แกคงมีความสุขมากสินะ”

“หนูไม่ได้ตั้งใจ แม่ยังอยากกินอะไรอีกไหมคะ หนูจะไปทำให้” เชอร์รีนพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ สีหน้าของเธอเรียบเฉย

แต่ต่อให้เธอสงบนิ่งมากแค่ไหน ไฟในใจของสุนันท์ก็ยิ่งลุกโชนมากขึ้น น้ำเสียงของเธอยิ่งเต็มไปด้วยความแข็งกระด้างและถากถาง “คิดว่าฉันจะกล้าให้แกไปทำอีกเหรอ ขืนปล่อยให้แกทำต่อไป มีหวังน้ำร้อนคงได้ลวกลงหัวฉันพอดี”

เชอร์รีนยังคงยืนนิ่ง “จะเป็นไปได้ยังไงคะ คิดมากเกินไปแล้วค่ะ หนูกำลังจะช่วยแบ่งเบาแม่อยู่นี่ไงคะ ดีไหม”

สุนันท์ถอนใจแล้วเอ่ยว่า “ขอร้องล่ะ ฉันคิดเอาไว้แล้วเชียว ผู้ใหญ่เป็นแบบไหนเด็กก็เป็นแบบนั้น ถ้าพ่อแม่ของแกสั่งสอนแกมาดีจริงอย่างที่พูด แกคงไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ อีกอย่างฉันเคยได้ยินว่าน้องสะใภ้ของแกติดการพนันจนต้องขายของทั้งบ้านแลกเงิน ลูกสะใภ้แบบนี้จะเก็บเอาไว้ทำไม ดูท่าแล้ว พ่อแม่ของแกที่จริงไร้น้ำยาสิ้นดี”

“ถ้าอยากจะว่าหนู ก็ว่าหนูคนเดียวก็พอ อย่าดึงเอาครอบครัวของหนูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” สิ่งที่เชอร์รีนไม่ชอบที่สุดคือการที่คนอื่นต่อว่าพ่อแม่ของตน

แม้ว่าเธอจะเป็นคนเรียบเฉย และออกจะเย็นชา แต่เธอก็มีเหตุผลและมีจุดที่ห้ามเข้ามาล้ำเส้น

“ทำไม เดี๋ยวนี้ฉันจะว่าแกก็ไม่ได้แล้วเหรอ ท่าทางแข็งกระด้างแบบนี้ใช่ท่าทางที่ควรทำกับฉันไหม ไม่มีการศึกษา ในความคิดของฉัน ครอบครัวแกทั้งบ้านเป็นพวกไร้การศึกษา”

เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนเพียงยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยว่า

“อ่า ถ้าพูดถึงเรื่องการศึกษา ครอบครัวของเราคงสู้คุณไม่ได้ที่เกิดมาในตระกูลสูงส่งแถมยังเป็นคุณหญิงอันดับหนึ่งของเมือง S

“เพียบพร้อมทั้งการศึกษาและมารยาทที่สง่างามที่สุด แต่ดูจากการกระทำของคุณแล้ว ฉันยังไม่สามารถเชื่อมโยงคำว่าสง่างามเข้ากับคุณได้ตรงไหนเลย ตอนนี้สภาพคุณเป็นยังไง คุณลองไปส่องกระจกดูเถอะ”

“แก!” สีหน้าของสุนันท์ซีดเผือด

หยาดฝนจึงเอ่ยปากตำหนิด้วยว่า “เชอร์รีน พูดให้น้อยๆ หน่อย!”

ส่วนคุณหญิงราตรีเองก็ไม่พอใจอย่างมาก “เป็นลูกสะใภ้ พูดแบบนี้กับแม่ยายของตัวเองได้อย่างไร”

“ไม่ได้เกี่ยวว่าฉันพูดยังไง แต่เมื่อก่อนพวกคุณเตรียมไว้ให้ฉันพูดยังไงต่างหาก เรื่องบางอย่างฉันเองก็พอมองออกแต่แค่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง ก็เหมือนกับด้านหน้ามีกับดักอยู่ จะไม่ให้ฉันกระโดดลงไปได้ยังไง ถ้าฉันไม่ทำลายกับดักตรงหน้านี้ซะ มันก็จะยังอยู่ตรงนั้น แถมนานวันเข้ามันก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ”

คำพูดประโยคนี้กระแทกใจเข้าไปในใจของสุนันท์และคุณหญิงราตรีอย่างจัง เธอยังคงรักษาท่าทางของตัวเองเอาไว้ได้อย่างเหมาะสม “ในเมื่อที่นี่ไม่ต้อนรับฉัน งั้นฉันขอตัวดีกว่า”

สิ้นเสียง เธอก็เดินออกไปอย่างไม่รีรออะไร ทำเอาสุนันท์ยิ่งหัวเสียกว่าเดิม

ไม่นานนัก คุณหญิงราตรีก็เดินส่ายหน้ากลับไป ก่อนจะกลับยังทิ้งท้ายไว้อีกประโยคหนึ่งด้วยว่า ลูกสะใภ้บ้านเธอร้ายกาจกว่าบ้านฉันเยอะ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประโยคนี้เปรียบเสมือนใช้ฝ่ามือตบหน้าของสุนันท์เข้าอย่างจัง เชอร์รีนแสดงท่าทีอย่างนี้ต่อหน้าคุณหญิงราตรี ถือว่าเป็นการหักหน้าเธอ เธอไม่สามารถห้ามอารมณ์ที่เดือดดาลของตัวเองเอาไว้ได้

ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงหยาดฝนกับสุนันท์สองคน

สายตาของสุนันท์เปล่งประกาย ในดวงตาของเธอมีแสงที่ทั้งมืดทั้งสลัวเคลื่อนผ่าน “หยาดฝน ป้าขอถามหนูเรื่องหนึ่ง……”

มือของหยาดฝยหยุดชะงักลง “คุณป้ามีเรื่องอะไรหรือคะ”

“หนูต้องพูดกับป้าตามตรงนะ ตอนนี้ในใจของหนูยังมีความรู้สึกกับออกัสอยู่รึเปล่า จำเอาไว้นะว่าป้าถามความจริง อย่าโกหกเด็ดขาด……”สุนันท์พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก

หยาดฝนไม่เข้าใจ เธอยังคงไม่ปริปากเพราะไม่เข้าใจเจตนาและไม่รู้ด้วยว่าเธอต้องการอะไรจึงยังไม่ได้ตอบออกไป

“ป้าแค่ต้องการคำตอบของหนู หนูไม่ต้องคิดมาก พูดออกมาตามตรงว่ายังมีความรู้สึกอยู่หรือไม่มี……”

สายตาของสุนันท์ลึกซึ้ง เธอมีแผนการบางอย่างเตรียมเอาไว้สำหรับเชอร์รีน

ตอนแรกเธอคิดว่าเชอร์รีนจะว่านอนสอนง่ายกว่านี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจผิดไปมากทีเดียว

หากเทียบกับหยาดฝนแล้ว ไม่เพียงไม่เชื่อฟังเท่านั้น แต่พฤติกรรมแบบนี้จัดว่ามารยาทต่ำด้วยซ้ำ

อยู่ต่อหน้าคุณหญิงราตรีแท้ๆ แต่เธอกลับเหยียบย่ำหน้าและศักดิ์ศรีของตนจมดิน แค้นครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

เมื่อนึกถึงตอนที่คุณหญิงราตรีส่งสายตาอย่างเวทนาเห็นอกเห็นใจก่อนจะออกไป ไฟแค้นในใจของสุนันท์ยิ่งลุกโชนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เธอเป็นถึงคุณหญิงของตระกูลสิริไพบูรณ์ ในเมือง S ไม่ว่าใครเห็นเธอต่างต้องหลีกทางให้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีคนใช้สายตาแบบนี้กับเธอ

ลูกสะใภ้ของตระกูลสิริไพบูรณ์จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เชอร์รีน

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เธอคงต้องอกแตกตายเพราะเชอร์รีนอย่างแน่นอน เธอจะปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปแบบนี้ไม่ได้

ถือโอกาสที่เรื่องนี้ยังมีหนทางให้แก้ไขได้ ดังนั้นตอนนี้เธอจะต้องพลิกสถานการณ์ให้ได้

หยาดฝนยังคงไม่พูดอะไร เธอยังคงสงบปากสงบคำอยู่อย่างนั้น พูดตามตรงแล้วในใจของเธอยังเกรงๆ และไม่ค่อยไว้ใจสุนันท์เท่าไหร่นัก

หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในใจของเธอสุนันท์ไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือเท่าไหร่

ถ้าหากสุนันท์กำลังหลอกล่อเธออยู่ เช่นนั้นที่อยู่ตรงหน้าก็คือกับดักที่รอให้เธอกระโดดลงไป

“ไม่อยากพูดเหรอ”

สายตาสอดส่ายของสุนันท์จ้องเขม็งอยู่ที่หยาดฝน โดยกำลังสำรวจอารมณ์ของเธออย่างถี่ถ้วน จากนั้นถึงจะเอ่ยปากต่ออีกว่า “ในใจของหนูยังหลงเหลือความรู้สึกกับออกัสอยู่บ้างไหม”

“ไม่มีแล้วค่ะ” ขณะที่เธอยังไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของสุนันท์ แน่นอนว่าเธอไม่มีทางพลาดยอมรับอะไรออกไปให้คนอื่นจับจุดอ่อนได้

“หยาดฝน ป้าเลี้ยงหนูมาตั้งแต่เด็ก สีหน้าแววตาของหนูทำไมป้าจะมองไม่ออก เมื่อกี้หนูพูดโกหกชัดๆ” น้ำเสียงของสุนันท์เต็มไปด้วยความมั่นใจ

หยาดฝนจึงไม่อยากโต้เถียงอะไรกับเธอต่อ เธอค่อยๆ เปิดปากเล่าเรื่องราวอย่างช้าๆ “ป้าคะ ไม่ว่าในใจของหนูจะรู้สึกอย่างไรกับเขา แต่เรื่องราวทั้งหมดได้จบลงไปหมดแล้ว มาพูดเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนะคะ”

สุนันท์รู้จักนิสัยของเธอเป็นอย่างดี คงเป็นเรื่องยากหากเธอคิดจะปิดบังสุนันท์ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องโกหก

“ในเมื่อพูดแบบนี้ อย่างนั้นก็หมายความว่าในใจของหนูยังมีความรู้สึกต่อคุณชายอยู่ นี่ถือว่ายอมรับแล้วละกันนะ” น้ำเสียงของสุนันท์แฝงความยินดีออกมา

หยาดฝนยังคงไม่ยอมตอบอะไร เพียงเก็บแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะออกไปแล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “เวลาล่วงเลยมามากแล้ว คุณป้าพักผ่อนเถอะค่ะ”

สิ้นเสียง เธอก็เดินออกไปนอกห้อง

แต่สุนันท์กลับตะโกนตามหลังเธอว่า “ถ้าหากให้โอกาสหนูอีกรอบ หนูจะว่ายังไง”