เมื่อได้ยินดังนั้น สุนันท์จึงหยุดฝีเท้าลง ใบหน้าสะสวยของเธอเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่
“ป้าหมายความว่า ป้าจะให้โอกาสหนูอีกครั้งดีไหม ก็อย่างที่เห็นว่าป้าไม่ชอบเชอร์รีน เรื่องนี้คือความจริง”
สุนันท์วางแผนด้วยตัวเองอย่างพึงพอใจ คนอย่างเชอร์รีนจะเก็บเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป และหากออกัสต้องแต่งงานใหม่อีกรอบก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาคนหัวนอนปลายเท้าอย่างไรมาอีก
อีกอย่างคนที่ควบคุมง่ายมากที่สุดก็คือหยาดฝน
“ป้าคะ รู้ตัวรึเปล่าว่าเมื่อกี้หมายความว่ายังไง” หยาดฝนพยายามควบคุมอารมณ์ประหลาดใจของตัวเอง และเบนสายตากลับไปจ้องที่เธอ
“ป้าไม่ได้แก่จนเลอะเลือนสักหน่อย ป้ารู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดเรื่องอะไร บอกป้ามาว่าหนูคิดยังไง”
หยาดฝนขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี เพราะคำถามนี้เป็นคำถามที่น่าตกใจเกินไป ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ถ้าหากเต็มใจ ป้าจะยอมให้หนูกับคุณชายแอบคุยกันอีก แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนนอกรู้เรื่องนี้ แต่หากไม่เต็มใจ แน่นอนว่าป้าจะไม่บังคับ อำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่หนู คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาให้คำตอบ”
สุดท้ายแล้วหยาดฝนเดินออกจากห้องไปอย่างไรเธอเองก็ยังจำไม่ได้ เธอรู้สึกเหมือนเธอลอยออกไปราวกับตัวเธอลอยอยู่บนเมฆ เหมือนความฝันที่ไม่ใกล้เคียงกับความจริง
เธอล้มตัวลงบนเตียงและหลับตาลง พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้หัวใจที่เต้นระส่ำของเธอค่อยๆ สงบลง
ในอีกห้องหนึ่ง
สุนันท์เอนกายพิงหัวเตียงอยู่ เธอแอบคิดในใจว่าตัวเองมั่นใจว่าคำตอบของหยาดฝนคืออะไร
เธอเลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงหลับตาลง
เชอร์รีนยังไม่ได้กลับคอนโด แต่เดินไปข้างหน้าอยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย
เดินไปได้พักใหญ่เธอก็เริ่มรู้สึกง่วง อีกอย่างเธอยังคงเจ็บแผลที่มือของตัวเองอีก จึงไม่มีอารมณ์ไปเดินเล่นที่ไหนต่อ
เธอนั่งรถเมล์กลับไปยังคอนโด ในตอนนั้นออกัสยังคงไม่กลับมา
เธอเดินเข้าไปในครัว ตอนนี้เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยเพียงกินนมไปแก้วเดียว แม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกหิวแต่เมื่อนึกถึงลูกในท้อง เธอจำเป็นต้องกินของที่มีประโยชน์เข้าไปบ้าง
เธอเหลือบมองไปยังกองถ้วยจานที่ถูกล้างไว้สะอาดแล้วจ้องอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง
เธอรู้สึกง่วงบวกกับอารมณ์ไม่ดี เธอเลยไม่อาบน้ำแต่ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไปในทันที
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอรู้สึกมีบางอย่างที่มีน้ำหนักกดทับอยู่บนตัวเธอ จากนั้นจึงรู้สึกถึงความชื้นและจั๊กจี้บริเวณคอจนทำให้เธอตัวสั่น ในสถานการณ์เช่นนี้เธอถูกบังคับให้ต้องลืมตาขึ้น
เธอยื่นมือออกไปกุมมือของเขาที่ยังคงเคลื่อนที่ลงไปด้านล่างแล้วเอ่ยอย่างรำคาญและไร้อารมณ์ “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”
แต่ด้วยบิดข้อมืออย่างไม่ทันระวัง เชอร์รีนจึงรู้สึกเจ็บจนร้องออกมา สีหน้าของเธอซีดเผือด
เมื่อได้ยินเสียงโอดครวญของเธอ ออกัสขึงหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองแล้วเปิดไปหัวเตียง ตอนนั้นเองจึงเห็นว่าสีหน้าของเธอขาวซีด หลังมือซ้ายของเธอบวมแดง
ดวงตาเฉียบคมและลึกซึ้งของเขาหรี่เล็กลงทันที เขาถอยห่างออกจากเธอ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและเย็นเฉียบ “ทำไมถึงเป็นแผล”
“พอดีโดนน้ำร้อนลวกโดยบังเอิญน่ะค่ะ เมื่อกี้ก็ลืมทำแผล” เธอกัดฟันแล้วเอ่ยอย่างสบายๆ
“ขนาดมือของตัวเองยังลืมจัดการ แล้วจะจำเรื่องอื่นได้ยังไงอีก” ออกัสขมวดคิ้วแน่นและจ้องไปที่เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบและขุ่นเคือง
เชอร์รีนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง เขาจ้องเขม็งมาที่เธออยู่พักหนึ่งก่อนจะลงจากเตียงไปแล้วใส่รองเท้าแตะเพื่อไปเอากล่องยา
แต่เมื่อเปิดกล่องยาดูแล้วจึงพบว่าไม่มียาทาแผลแบบนี้ คิ้วของเขายังคงขมวดแน่นด้วยความเครียดแล้วกล่าวกำชับเธอ “นั่งอยู่อย่างนี้ห้ามขยับ ฉันจะลงไปซื้อยาข้างล่าง”
……
สายตาของพนักงานหญิงที่ร้านยาเหม่อมองมาที่เขาอย่างไม่ยอมละสายตา เพียงมองเขานิ่งๆ ราวกับต้องมนต์
ออกัสยืนอยู่ที่เคานเตอร์อยู่สักพัก แต่พนักงานสาวก็ยังไม่ยอมคิดเงินให้เขา เขาจึงเริ่มแสดงสีหน้ารำคาญออกมา เขายกมือเรียวยาวของตัวเองขึ้นจากนั้นเคาะลงบนเคานเตอร์เสียงดังก๊อกๆ จากนั้นจึงเปิดปากเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ว่า “คิดเงิน……”
ใบหน้าของพนักงานสาวแดงก่ำ เธอพยักหน้าแล้วรีบคิดเงิน
เขาเดินกลับเข้ามาในห้องแต่กลับเห็นเธอนั่งพิงหัวเตียงอยู่และหลับไปทั้งอย่างนั้น สีหน้าของเขาจึงเข้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินช้าๆ เข้าไปแล้วยกมือเธอขึ้นมาทายาให้อย่างระมัดระวัง
ความเจ็บปวดแล่นปรี๊ดขึ้นมาทำให้เธอขมวดคิ้วแน่นเข้าด้วยกันอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ จึงกัดฟันเอาไว้แน่น……
ใบหน้าหล่อเหลาของออกัสเคร่งเครียดขึ้นไม่เหมือนอย่างเคย เขาหรี่ตาที่ลึกซึ้งของตัวเองแล้วเบนสายตาไปยังแผลบวมช้ำที่มือของเธอ และกล่าวเสียงทุ้มลึกว่า “สมน้ำหน้า”
สาเหตุที่มือเอเป็นแบบนี้ก็เพราะสุนันท์ รวมทั้งอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา อารมณ์ที่นิ่งสงบของเธอก็คุกรุ่นขึ้นมาอีก จึงกล่าวออกไปเรียบๆ ว่า “อืม สมควรจริงๆ”
พอออกัสได้ยินแบบนั้นจึงเบนสายตาไปจ้องเขม็งอยู่ที่เธอ คิ้วเรียวยาวได้รูปของเขาเลิกสูงขึ้นแล้วหันไปมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รีบร้อน “คุณนายเชอร์รีนโกรธอะไรขึ้นมาอีก”
“เปล่า” เธอพยายามหายใจลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของตัวเองกลับลงไป
สุนันท์ก็คือสุนันท์ เขาก็คือเขา แม้ว่าสองคนนี้จะแม่ลูกกัน แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะสุนันท์ ไม่ได้เกิดจากเขา
ดังนั้นต่อให้เธออารมณ์ไม่ดีขนาดไหน เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะระเบิดอารมณ์ใส่เขา
“ไม่โกรธจริงเหรอ” น้ำเสียงของเขาสูงขึ้น ยังคงมองเธออย่างไม่ละสายตาด้วยความเคลือบแคลงในคำพูดของเธอ
เชอร์รีนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อไปอีก จึงก้มหน้าลงแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ไม่ทายาต่อแล้วหรือคะ”
เขายังคงมองเธออยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาแล้วเพ่งสมาธิไปที่การทายาที่หลังมือของเธอ
กว่าจะทายาเสร็จก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ความง่วงได้เข้ามาครอบลำ เธอเปิดผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปด้านในเตรียมจะหลับไปอีกครั้ง
แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งราวเสือดาวของเขากลับพลิกตัวเข้ามาแล้วใช้มือทั้งสองข้างเท้าอยู่ข้างๆ ศีรษะของเธอทั้งสองด้าน ขาที่เต็มไปด้วยพละกำลังของเขาค่อมอยู่ด้านบนตัวของเธอ เขาก้มมองเธอด้วยลมหายใจที่ร้อนระอุและสีหน้าเร่าร้อน
พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ คิ้วของเชอร์รีนขมวดเข้าหากัน พยายามไม่ใส่ใจสายตาที่ล้ำลึกของเขา “ทำอะไร”
“คุณหญิงเชอร์รีนคิดว่ายังไงล่ะ” น้ำเสียงของเขายิ่งทุ้มลึกยิ่งขึ้น ไฟที่ลุกโชนในดวงตาของเขาวิบไหวอย่างร้อนแรง
“ไม่รู้ ฉันรู้สึกง่วงๆ อยากพักผ่อนน่ะค่ะ” ระหว่างที่พูดเธอก็เอาผ้าห่มคลุมตัวเองเอาไว้แล้วพลิกตัวหลบ
“นี่คุณหญิงเชอร์รีนทอดสะพานแล้วคิดจะทำลายสะพานทิ้งงั้นเหรอ” ออกัสยังคงจ้องเธออย่างไม่ลดละ แล้วใช้มือทรงพลังของเขาจับร่างของเธอพลิกกลับมาอย่างเดิม
เชอร์รีนย้อนถามว่า “ฉันไปปลุกความปรารถนาของคุณชายออกัสขึ้นมาอีกแล้วเหรอ”
ออกัสไม่รู้จะตอบอย่างไร สีหน้าของเขาชะงักค้าง จากนั้นจึงเขย่าสิ่งที่ตั้งค้างอยู่กลางอากาศแล้วกล่าวว่า “แต่คุณทำให้ผมมีอารมณ์แล้วอ่ะ……”
การกระทำหื่นกามของเขาทำให้เธอหน้าแดง เธอพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยว่า “แสดงว่าคุณควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีพอ วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ ฉันไม่อยากทำ ดังนั้นเชิญคุณชายออกัสไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเถอะค่ะ……”
พอพูดจบเธอก็ไม่สนใจเขาอีก เพียงหลับตาลงแล้วหลับสนิทไป
ออกัสมองหนังตาที่ดูเหนื่อยล้าของเธอแล้วไม่รบกวนเธออีกต่อไป เขาเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
ออกัสลุกขึ้น ลำคอเย้ายวนของเขาเคลื่อนที่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ
อุณหภูมิในห้องอาบน้ำค่อนข้างเย็น แต่อุณหภูมิที่ตัวของเขากลับร้อนรุ่มราวเปลวไฟ เขาไม่ได้ใช้น้ำอุ่นแต่กลับเปิดน้ำเย็นใช้อาบน้ำแทน
กว่าเขาจะเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เชอร์รีนก็หลับสนิทไปแล้ว เสียงลมหายใจเข้าออกที่คงดังสะท้อนอยู่ในห้อง
เขาเปิดผ้าห่มออก มือที่แข็งแกร่งของเขาคว้าตัวเธอเข้ามานอนในอ้อมอกอย่างแผ่วเบา