เช้าวันรุ่งขึ้น
ณ บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์
บนโต๊ะอาหารยาวเหยียด สุนันท์กับหยาดฝนกำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่สองคน บรรยากาศเงียบสงัดมีเพียงเสียงช้อนส้อมดังสะท้อนก้องไปทั่วห้องเท่านั้น
ในตอนนั้น สุนันท์หยุดกินข้าวพร้อมมองไปทางหยาดฝนแล้วเอ่ยว่า “เรื่องที่ป้าถามไปเมื่อวาน ตอนนี้คิดได้แล้วรึยัง”
หยาดฝนกำลังดื่มนมอยู่ เธอรอให้ตัวเองกลืนนมลงไปหมดก่อนถึงจะเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “หนูมีคู่หมั้นแล้ว ถ้าหากจะทำแบบนั้น หนูคงต้องถอนหมั้นกับเขาก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปฏิกิริยาของสุนันท์ก็กระอักกระอ่วนขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่ต้องไปยกเลิก รักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไปก่อน”
“ทำไมล่ะคะ” หยาดฝนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ตอนนี้ปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วเหตุการณ์อาจจะวุ่นวายกว่านี้ แผนการครั้งนี้ หนูแค่ฟังป้าก็พอ” สุนันท์เอ่ย
เธอไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่หากสังเกตจากดวงตาของเธอจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอเข้าใจ ที่เธอพูดประโยคก่อนหน้านั้นออกไปก็เป็นเพียงเพื่อหยั่งเชิงสุนันท์เท่านั้น
แต่จิตใจของสุนันท์ล้ำลึกกว่ามาก แม้ว่าจะแสดงท่าทีเช่นนี้ แต่เธอก็พออ่านเกมได้เช่นกัน
ตอนนี้สุนันท์อยากให้เธอแอบคบกับออกัสก็จริง แต่ในใจลึกๆ ก็ยังมีความรู้สึกที่ไม่อยากให้เธอคบกับออกัส
ความขัดแย้งอยู่ส่วนลึกในใจ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพียงแค่เดินหน้าและพูดออกไปก่อนเท่านั้น……
ส่วนในใจของสุนันท์นั้นมีแผนการอื่นอยู่จริงๆ แม้ว่าเธอจะไม่ชอบขี้หน้าเชอร์รีน แต่สำหรับหยาดฝนนั้น แม้ว่าเธอจะชอบแต่ก็ไม่ถึงมาตรฐานที่เธอตั้งเอาไว้
เธอไม่อาจทนกับคำนินทาของคนในเมือง S ที่จะครหากันไปว่าลูกชายของเธอคบกับอาหญิง เธอไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้
ดังนั้นในตอนที่เธอยังหาคนที่เหมาะสมให้เขาไม่ได้ ตอนนี้หมากตัวสำคัญจะต้องเป็นหยาดฝนไปก่อน
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ” หยาดฝนตอบรับโดยเธอก็มีแผนการในใจของตัวเองเช่นกัน
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งานที่อำเภอซีซ่าคงต้องพักเอาไว้ก่อนช่วงหนึ่ง หนูโทรไปบอกพี่ของหนูเอาไว้ก่อนว่าจะขอพักผ่อนนานกว่านี้”
สุนันท์เป็นคนนิสัยดื้อรั้น เธอชอบให้ทุกเรื่องราวอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเธอทั้งหมด
“เรื่องนี้เดี๋ยวหนูจัดการเองค่ะ”
“ช่วงนี้พี่ของหนูไม่ได้โทรมาหาบ้างเลยหรือ” สุนันท์ยังคงถามต่อ
แววตาของหยาดฝนวิบไหว เธอส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
“ไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าตอนนั้นแต่งงานกันไปทำไม เอาแต่อยู่ที่อำเภอซีซ่า แม้แต่เวลาจะมาเจอฉันสักครั้งยังไม่มี นี่มันนับว่าเป็นสามีภรรยากันได้หรือ”
เมื่อเอ่ยถึงสิงหา อารมณ์ของสุนันท์ก็เริ่มพลุ่งพล่าน แม้ว่าจะพยายามข่มกลั้นเอาไว้แล้วก็ตาม แต่อารมณ์ก็ยังปะทุขึ้นอยู่ดี
“บางทีช่วงนี้พี่อาจจะยุ่งๆ อยู่น่ะค่ะ รอให้ผ่านช่วงยุ่งๆ นี้ไปก่อนก็คงจะกลับมาเองค่ะ”
“ป้าไม่เชื่อแบบนั้นน่ะสิ ปีหนึ่งมีตั้ง 365 วัน เขากลับมาอยู่บ้านแค่วันเดียว มันแปลกไหมล่ะ ช่างเถอะ ป้าไม่หวังอะไรในตัวเขาอยู่แล้ว”
หยาดฝนไม่ได้พูดอะไรต่อ หากรอให้พี่มาบอกเรื่องถอนหมั้นล่ะก็ หากดูจากนิสัยของสุนันท์แล้วจะต้องเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นแน่ๆ
กินอาหารเช้าเสร็จ สุนันท์จึงโทรไปหาออกัสเพื่อบอกว่าตนเองออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว และขอให้เขากลับมาที่บ้าน
พอออกัสวางสายลงก็หันไปมองเชอร์รีน “ไปบ้านสิริไพบูรณ์ด้วยกันไหม”
“เมื่อวานฉันไปมาแล้วค่ะ ช่วงบ่ายวันนี้ผู้บริหารโรงเรียนจะมาดูฉันสอนด้วย คงปลีกตัวไม่ได้ อย่างนั้นฉันไม่ไปแล้วกันนะคะ” เชอร์รีนวางถ้วยชามลงแล้วเริ่มลงมือแต่งหน้า
ปกติแล้วเธอไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไหร่ ยกเว้นแต่จะมีงานพิเศษเท่านั้น เธอถึงจะแต่งหน้า
เธอเป็นคนที่เหมาะกับการแต่งหน้าอ่อนๆ อยู่แล้ว จึงเพียงแต่งหน้าอ่อนๆ โดยใช้สีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากทาด้วยลิปกลอสสีแดงคล้ายวุ้นผลไม้
ออกัสมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ไปสอนต้องแต่งหน้าด้วยเหรอ”
เธอไม่ยอมหันไปมองเขาด้วยซ้ำ เพียงทาลิปกลอสลงบนริมฝีปากของตัวเอง
คำว่าแต่งหน้าอ่อนๆ ของเธอ จริงๆ แล้วแทบไม่ได้แต่ง เพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ เธอเพียงกรีดตาและทาลิปกลอสเท่านั้น
เมื่อเสร็จแล้วเธอจึงหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ลืมที่จะหันมาสั่งเขาว่า “อย่าลืมล้างถ้วยชามพวกนี้ด้วยล่ะ”
“……” พอได้ยินดังนี้ ดวงตาของออกัสก็เริ่มกระตุก วินาทีถัดมา มือเรียวยาวของเขาก็คว้าลูกกุญแจที่อยู่บนโต๊ะและรีบเดินตามเธอออกไป
รถจอดลงด้านหน้าประตูโรงเรียน เชอร์รีนเปิดประตูรถเตรียมจะก้าวลงไป ออกัสกลับดึงมือของเธอเอาไว้แล้วขมวดคิ้ว “จะไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“เดี๋ยวลิปหลุดค่ะ” เธอตอบแบบขอไปทีแล้วรีบร้อนเดินจากไป เธอได้ยินมาว่าวันนี้จะมีอาจารย์ชื่อดังจากต่างโรงเรียนมาด้วย เธอเลยต้องเตรียมการให้ดีหน่อย จะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้
แววตาของออกัสปรากฏความไม่ชอบใจออกมาอย่างชัดเจน เขารู้สึกว่านับวันคุณหญิงเชอร์รีนก็ยิ่งอวดดีกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีก……
แต่เขาก็ไม่โอ้เอ้เสียเวลา รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านสิริไพบูรณ์ทันที
หยาดฝนกำลังนั่งรออยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นร่างกายสูงสันทัดของเขาเดินเข้ามา ขนตาของเธอก็สั่นไหวเพราะความประหม่าของตน
ออกัสปรายตามองเธอ แต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาแล้วก้าวอาดๆ ขึ้นไปชั้นบนทันที
พอเห็นรูปการณ์แบบนี้ หยาดฝนจึงรีบเดินตามไป มือที่อยู่ข้างลำตัวของเธอจิกขาเอาไว้เบาๆ ความตื่นเต้นแล่นพล่านไปทั่วร่างกายเธอจนเธอรู้สึกว่าตัวกำลังสั่น
ออกัสมุ่งหน้าไปยังห้องของสุนันท์ จึงเห็นคนรับใช้กำลังทำความสะอาดและระบายอากาศในห้อง พร้อมทั้งตกแต่งดอกไม้อยู่ตรงระเบียง
“คุณหญิงล่ะ” เขาเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มลึก
“ไปสวนดอกไม้ด้านหลัง เห็นว่าจะไปออกกำลังกายค่ะ” คนรับใช้รีบตอบคำถาม
เขาเพียงตอบรับทราบและออกจากห้องเดินไปตามทางเดินยาวตรงระเบียง ในตอนนั้นเองมีมือของใครบางคนคว้าข้อมือของเขาเอาไว้แล้วกระชากเขาอย่างแรง ร่างกายสูงโปร่งของเขาจึงหลุดเข้าไปอีกห้องหนึ่ง
เป็นห้องของหยาดฝน……
ด้วยปฏิกิริยาว่องไวของออกัส เขาบิดข้อมือขวาของตนที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้หยาดฝนรู้สึกเจ็บปวดจนต้องร้องโอดโอยออกมา
สายตาของเขาตกไปอยู่ที่ร่างของหยาดฝน แววตาของเขาหรี่ลงด้วยความสงสัย ก่อนจะปล่อยมือของเธอ……
หยาดฝนนวดข้อมือของตนเองที่เป็นรอยแดง สายตาของเธอจดจ้องไปที่เขาด้วยความรัก ความประหม่าและความตื้นตันที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้……
ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอได้เพียงแวบเดียว จากนั้นเธอจึงเก็บซ่อนอารมณ์เหล่านั้นลงไปทันทีแล้วกลับมาวางท่าทางปกติ
เธอกลับมาเป็นหยาดฝนในแบบที่เคยเป็น สง่างาม เรียบร้อย ใจกว้าง ราวกับดอกเบญจมาศที่ผลิบานในฤดูหนาว
ความรู้สึกภายในใจของเธอระส่ำระสาย ราวกับน้ำทะเลที่มีคลื่นสูงซัดเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้หยาดฝนเพียงกำลังคิดว่าเธอจะพูดคำพูดที่อยู่ในใจของเธอเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร
ร่างกายสันทัดของเขาเอนพิงกำแพงที่อยู่ด้านหลังอย่างเกียจคร้าน ขาเรียวยาววของออกัสไขว้เข้าหากัน มือทั้งสองกอดอกเอาไว้แล้วมองไปที่เธอด้วยท่าทางสบายๆ และข้องใจ “คุณอาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
พอได้ยินเช่นนั้น ฟันขาวสะอาดของเธอออกแรงกัดริมฝีปากเอาไว้จนปรากฏรอยฟัน
ในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน ลังเล ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นพูดอย่างไร
เมื่อต้องจ้องดวงตาที่ล้ำลึกราวสายน้ำวนของเขา หยาดฝนรู้สึกว่าร่างกายของเธอคล้ายถูกดูดเข้าไป แต่เธอก็ไม่พยายามที่จะหลบเลี่ยง เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วสบตากับเขาก่อนที่จะค่อยๆ พูดออกมาช้าๆ ทีละคำว่า
“คุณ ยังต้องการฉันอยู่ไหม”