บทที่ 127 ช่วยเอาของมาให้ฉันหน่อยได้ไหม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเธอ เพราะเธอได้ซ่อนความตื่นเต้นนั้นเอาไว้ข้างใน มือที่อยู่ข้างลำตัวของเธอกำหมัดเอาไว้แน่น

ดวงตาดำขลับของออกัสเพียงหรี่เล็กลง เขายังไม่ได้พูดอะไร แล้วเอาแต่จ้องไปที่เธออยู่แน่นิ่งเช่นนั้นราวกับต้องการอ่านอะไรบางอย่าง

ในตอนนั้นหยาดฝนจึงยืดหลังตรงขึ้น สายตาของเธอเปล่งประกาย เธอถามคำถามเดิมอีกครั้ง “คุณ ยังต้องการฉันอยู่ไหม”

“คำว่าต้องการของอามันมีความหมายว่าอะไรกันแน่” เขาเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและเชื่องช้า ตอนนี้เขาไม่รู้ตัวว่าหัวใจของเขาเต้นอย่างราบเรียบ และไม่ได้รู้สึกยินดีอย่างที่คิดเอาไว้

เขาไม่คิดอะไรมาก เขารู้แค่ว่าเธอยั่วยุเขาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำอะไรเขาไม่ได้ บางทีเขาอาจจะเคยชินและด้านชากับความกลอกกลิ้งของเธอไปแล้วก็ได้

“ฉันอยากอยู่กับคุณ คุณยังต้องการฉันไหม” คราวนี้หยาดฝนไม่สามารถเก็บอาการเอาไว้ได้อีก

ไม่ว่าในใจของสุนันท์จะวางแผนเอาไว้ว่าอย่างไร แต่สำหรับเธอ นี่คือโอกาส

เขาไม่ได้ตอบคำถามเพียงเอ่ยถามว่า “คราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ถึงทำให้หัวใจของอาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ผมสงสัยจริงๆ”

คราวนี้เป็นตาของหยาดฝนที่ไร้คำพูด เธอเงียบไปนานกว่าจะพูดออกมา

“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ฉันเองที่ทำเกินไป เมื่อสามปีก่อนคนที่ต้องการยุติความสัมพันธ์คือฉัน คนที่ต้องการไปคือฉัน สามปีต่อมาคนที่ต้องการกลับมาก็คือฉันอีก กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณ และกลับมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตของคุณ ฉันเองที่วกวน ลังเล แต่ฉันมั่นใจว่าที่ทำไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะฉันจนตรอกไม่เหลือทางเลือกอื่นให้ทำ ตอนนี้คุณให้อภัยฉันได้ไหมคะ”

“แล้วทำไมต้องให้อภัย” เขามองหยาดฝนปราดเดียวอย่างไม่ใส่ใจ

เธอจึงกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาดมั่นใจ “เพราะฉันรักคุณ”

ออกัสยังคงหรี่ตาอยู่เช่นเดิม ใบหน้าของเขาออกอาการเล็กน้อยแต่ก็ยากที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของเขา และยิ่งไม่รู้ถึงอารมณ์ ริมฝีปากบางของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ออกไปทางเยาะเย้ย

“คราวนี้คุณอาคิดจะเล่นเกมอะไรอีก ซินเดอเรล่าบนรถฟักทองที่จะหาตัวไปเวลาเที่ยงคืนงั้นรึ”

“เธอไม่เชื่อฉันเลย……” สีหน้าของหยาดฝนปรากฏรอยยิ้มขมขื่น

เขาย้อนถามอย่างไร้อารมณ์ด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกยากจะเข้าใจความหมาย “แล้วก่อนจะเชื่อใจต้องผ่านอะไรมาบ้างล่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยาดฝนก็คิดจะตอบโต้แต่เสียงโทรศัพท์ของเขากลับดังขึ้นแทรกซะก่อน ออกัสรับสายจากเชอร์รีน

น้ำเสียงของเธอรีบร้อนฟังแล้วเธอกำลังร้อนใจจริงๆ “เมื่อคืนวานฉันเตรียมบทเรียนเอาไว้แล้ว ตอนนี้อยู่ที่คอนโด คุณช่วยเอามันมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”

ออกัสได้ยินความรีบร้อนในน้ำเสียงอย่างกับมีไฟลนก้นของเธอจึงขมวดคิ้ว “เอาวางไว้ตรงไหนของคอนโด”

“เมื่อวานเย็นฉันวางบทเรียนอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง คงจะยังอยู่ตรงนั้น ควรช่วยหาให้ฉันหน่อยได้ไหม หาเจอแล้วช่วยเอามาส่งให้หน่อย ฉันต้องใช้ด่วน”

น้อยครั้งมากที่จะเห็นคุณหญิงเชอร์รีนร้อนรนเหมือนโดนไฟลนก้นแบบนี้ ริมฝีปากของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มเพราะต้องการเอาคืน “แล้วผมจะได้อะไรตอบแทนล่ะ”

ที่ผ่านมาเชอร์รีนมีนิสัยใจเย็น ไม่รีบร้อน ไม่อวดดี แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอโมโหขึ้นมาจริงๆ “คุณอย่าเพิ่งสร้างความวุ่นวายตอนนี้ได้ไหม”

ใบหน้าของออกัสเริ่มหม่นลง จากนั้นจึงลากเสียงยาว “วุ่นวาย?”

“เปล่าๆ ไม่ได้วุ่นวายอะไรเลย เมื่อกี้นี้ฉันแค่รีบๆ พูดน่ะ ประธานออกัสใจกว้างอย่างกับแม่น้ำ ช่วยเอาบทเรียนของฉันมาให้หน่อยได้ไหมคะ เรื่องอื่นเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันทีหลังนะ”

เมื่อเชอร์รีนได้ยินน้ำเสียงที่ผิดปกติก็รีบแก้ตัวทันควัน

ตอนนี้เธอวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานอื่นจึงหาโอกาสออกมาไม่ได้ เธอทำได้เพียงพูดจาดีๆ และหวานๆ พอออกัสได้ยินแบบนั้นก็พอใจ เขารีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วออกไปจากห้องของหยาดฝนพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย

แต่ก่อนที่เขาจะออกไปก็มองไปที่เธอหลายครั้งด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ……

แต่เมื่อร่างกายสูงสันทัดของเขาหายลับไปต่อหน้าต่อตาดื้อๆ ร่างกายผอมบางของหยาดฝนที่กำลังยืนตัวตรงตระหง่านกลับทรุดลงไปกองบนพื้น เธอรู้สึกเจ็บปวดราวโดนเข็มทิ่มเข้าไปกลางหัวใจของเธอ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจนทำให้เธอรู้สึกชาและหายใจแทบไม่ออก

เขาไม่เพียงไม่ตอบคำถามเท่านั้น แต่ยังคุยหยอกล้อกับเชอร์รีนในโทรศัพท์แล้วเดินจากไป ยิ่งไปกว่านั้น……เขายังทำเหมือนเธอเป็นเพียงอากาศที่ไม่มีตัวตน……

วินาทีนี้ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เธอกลัว กลัวมากว่าออกัสจะมีความรู้สึกกับเชอร์รีน……

เพราะเมื่อก่อนเขาไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้กับเธอ ไม่เคยที่จะ……

แน่นอนว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปแบบนี้ได้ เพราะเธอมั่นใจว่าเธอไม่อาจยอมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นได้

อีกด้านหนึ่ง

ตอนแรกเชอร์รีนคิดว่าเขาจะส่งผู้ช่วยเตโชเอาบทเรียนมาให้เธอ และคิดไม่ถึงว่าเขาจะเอามาให้ด้วยตัวเอง

เธอยังคงนั่งจัดการเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน ขณะนั้นเองเธอรู้สึกได้ถึงเสียงถอนหายใจที่ดังมาอีกด้านหนึ่ง เธอหันไปมองอย่างประหลาดใจ จึงเห็นออกัสสวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ด้านหลังของเธอ

เมื่อรับบทเรียนมา เธอจึงตรวจดูอย่างละเอียดก่อน จากนั้นค่อยเดินไปยังตู้กดน้ำเพื่อเอาน้ำอุ่นมาให้เขา “ทำไมไม่ส่งผู้ช่วยเตโชมาล่ะคะ”

มือที่มีเส้นเอ็นปูดโปนของเขาค่อยๆ รับแก้วน้ำมา ก่อนที่จะพาตัวสูงๆ ของตนลงไปนั่งบนเก้าอี้ของเธอ “คุณหญิงเชอร์รีนไม่อยากเห็นหน้าผมหรือไง”

คุณครูที่อยู่ในห้องพักครูต่างพากันหันมามองคนทั้งสองที่อยู่ตรงนี้เป็นจุดเดียว

การถูกสายตาจ้องมองจากรอบด้านไม่ต่างอะไรกับลิงในสวนสัตว์ เชอร์รีนรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอิสระ เธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้

“เปล่าค่ะ ฉันแค่เห็นว่าช่วงนี้คุณยุ่งๆ เลยคิดว่าน่าจะส่งผู้ช่วยเตโชมาแทน……”

เขาจิบน้ำอุ่นก่อนหนึ่งคำก่อนจะเอ่ยว่า “พอดีช่วงนี้ผมว่าง……”

ราวกับทุกคนต้องการเห็นด้านอื่นของประธานออกัส คนจึงเริ่มทยอยมาอยู่บริเวณด้านนอกออฟฟิศมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเอาบางอย่างมาปิดทางน้ำเอาไว้

เห็นแบบนี้แล้วเชอร์รีนก็เริ่มปวดขมับ เธอคิดว่าการตัดสินใจเมื่อครู่นี้ของเธอที่โทรไปหาเขาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง

“คุณยังไม่กลับเหรอคะ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรือไง” เมื่อเห็นเขาไม่ยอมกลับ เชอร์รีนจึงเอ่ยปากกระตุ้น

คำพูดที่มีความหมายชัดเจนเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของออกัสหมองหม่น หน้าตาของเขาเริ่มดำคล้ำ

เธอใช้คำพูดแบบนี้ ถือว่าไม่เห็นค่ากันชัดๆ

เขายังคงนั่งสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ข่าวการมาที่นี่ของเขาก็ได้แพร่ออกไป

ไม่นานนัก ผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ดูแลหลักสูตรก็เดินเข้ามาทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม และเชิญเขาเข้าไปนั่งในห้องของผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างยินดี

เมื่อมองเห็นผู้คนมากมายรอบตัวที่ทยอยกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ออกัสก็หมดอารมณ์จะนั่งอยู่ต่อ เขาลุกขึ้นแล้วหันไปพยักหน้ากับผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างเรียบเฉย “พอดีผมมีประชุมหลายประชุมที่บริษัท เอาไว้เป็นครั้งหน้านะครับ”

“ได้ครับๆ คุณออกัสเดินทางปลอดภัยนะครับ” ผู้อำนวยการโรงเรียนพยักหน้างึกงักพลางเอ่ยปากเอาอกเอาใจเต็มที่