ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเธอ เพราะเธอได้ซ่อนความตื่นเต้นนั้นเอาไว้ข้างใน มือที่อยู่ข้างลำตัวของเธอกำหมัดเอาไว้แน่น
ดวงตาดำขลับของออกัสเพียงหรี่เล็กลง เขายังไม่ได้พูดอะไร แล้วเอาแต่จ้องไปที่เธออยู่แน่นิ่งเช่นนั้นราวกับต้องการอ่านอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้นหยาดฝนจึงยืดหลังตรงขึ้น สายตาของเธอเปล่งประกาย เธอถามคำถามเดิมอีกครั้ง “คุณ ยังต้องการฉันอยู่ไหม”
“คำว่าต้องการของอามันมีความหมายว่าอะไรกันแน่” เขาเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและเชื่องช้า ตอนนี้เขาไม่รู้ตัวว่าหัวใจของเขาเต้นอย่างราบเรียบ และไม่ได้รู้สึกยินดีอย่างที่คิดเอาไว้
เขาไม่คิดอะไรมาก เขารู้แค่ว่าเธอยั่วยุเขาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำอะไรเขาไม่ได้ บางทีเขาอาจจะเคยชินและด้านชากับความกลอกกลิ้งของเธอไปแล้วก็ได้
“ฉันอยากอยู่กับคุณ คุณยังต้องการฉันไหม” คราวนี้หยาดฝนไม่สามารถเก็บอาการเอาไว้ได้อีก
ไม่ว่าในใจของสุนันท์จะวางแผนเอาไว้ว่าอย่างไร แต่สำหรับเธอ นี่คือโอกาส
เขาไม่ได้ตอบคำถามเพียงเอ่ยถามว่า “คราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ถึงทำให้หัวใจของอาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ผมสงสัยจริงๆ”
คราวนี้เป็นตาของหยาดฝนที่ไร้คำพูด เธอเงียบไปนานกว่าจะพูดออกมา
“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ฉันเองที่ทำเกินไป เมื่อสามปีก่อนคนที่ต้องการยุติความสัมพันธ์คือฉัน คนที่ต้องการไปคือฉัน สามปีต่อมาคนที่ต้องการกลับมาก็คือฉันอีก กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณ และกลับมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตของคุณ ฉันเองที่วกวน ลังเล แต่ฉันมั่นใจว่าที่ทำไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะฉันจนตรอกไม่เหลือทางเลือกอื่นให้ทำ ตอนนี้คุณให้อภัยฉันได้ไหมคะ”
“แล้วทำไมต้องให้อภัย” เขามองหยาดฝนปราดเดียวอย่างไม่ใส่ใจ
เธอจึงกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาดมั่นใจ “เพราะฉันรักคุณ”
ออกัสยังคงหรี่ตาอยู่เช่นเดิม ใบหน้าของเขาออกอาการเล็กน้อยแต่ก็ยากที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของเขา และยิ่งไม่รู้ถึงอารมณ์ ริมฝีปากบางของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ออกไปทางเยาะเย้ย
“คราวนี้คุณอาคิดจะเล่นเกมอะไรอีก ซินเดอเรล่าบนรถฟักทองที่จะหาตัวไปเวลาเที่ยงคืนงั้นรึ”
“เธอไม่เชื่อฉันเลย……” สีหน้าของหยาดฝนปรากฏรอยยิ้มขมขื่น
เขาย้อนถามอย่างไร้อารมณ์ด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกยากจะเข้าใจความหมาย “แล้วก่อนจะเชื่อใจต้องผ่านอะไรมาบ้างล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยาดฝนก็คิดจะตอบโต้แต่เสียงโทรศัพท์ของเขากลับดังขึ้นแทรกซะก่อน ออกัสรับสายจากเชอร์รีน
น้ำเสียงของเธอรีบร้อนฟังแล้วเธอกำลังร้อนใจจริงๆ “เมื่อคืนวานฉันเตรียมบทเรียนเอาไว้แล้ว ตอนนี้อยู่ที่คอนโด คุณช่วยเอามันมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
ออกัสได้ยินความรีบร้อนในน้ำเสียงอย่างกับมีไฟลนก้นของเธอจึงขมวดคิ้ว “เอาวางไว้ตรงไหนของคอนโด”
“เมื่อวานเย็นฉันวางบทเรียนอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง คงจะยังอยู่ตรงนั้น ควรช่วยหาให้ฉันหน่อยได้ไหม หาเจอแล้วช่วยเอามาส่งให้หน่อย ฉันต้องใช้ด่วน”
น้อยครั้งมากที่จะเห็นคุณหญิงเชอร์รีนร้อนรนเหมือนโดนไฟลนก้นแบบนี้ ริมฝีปากของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มเพราะต้องการเอาคืน “แล้วผมจะได้อะไรตอบแทนล่ะ”
ที่ผ่านมาเชอร์รีนมีนิสัยใจเย็น ไม่รีบร้อน ไม่อวดดี แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอโมโหขึ้นมาจริงๆ “คุณอย่าเพิ่งสร้างความวุ่นวายตอนนี้ได้ไหม”
ใบหน้าของออกัสเริ่มหม่นลง จากนั้นจึงลากเสียงยาว “วุ่นวาย?”
“เปล่าๆ ไม่ได้วุ่นวายอะไรเลย เมื่อกี้นี้ฉันแค่รีบๆ พูดน่ะ ประธานออกัสใจกว้างอย่างกับแม่น้ำ ช่วยเอาบทเรียนของฉันมาให้หน่อยได้ไหมคะ เรื่องอื่นเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันทีหลังนะ”
เมื่อเชอร์รีนได้ยินน้ำเสียงที่ผิดปกติก็รีบแก้ตัวทันควัน
ตอนนี้เธอวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานอื่นจึงหาโอกาสออกมาไม่ได้ เธอทำได้เพียงพูดจาดีๆ และหวานๆ พอออกัสได้ยินแบบนั้นก็พอใจ เขารีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วออกไปจากห้องของหยาดฝนพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
แต่ก่อนที่เขาจะออกไปก็มองไปที่เธอหลายครั้งด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ……
แต่เมื่อร่างกายสูงสันทัดของเขาหายลับไปต่อหน้าต่อตาดื้อๆ ร่างกายผอมบางของหยาดฝนที่กำลังยืนตัวตรงตระหง่านกลับทรุดลงไปกองบนพื้น เธอรู้สึกเจ็บปวดราวโดนเข็มทิ่มเข้าไปกลางหัวใจของเธอ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจนทำให้เธอรู้สึกชาและหายใจแทบไม่ออก
เขาไม่เพียงไม่ตอบคำถามเท่านั้น แต่ยังคุยหยอกล้อกับเชอร์รีนในโทรศัพท์แล้วเดินจากไป ยิ่งไปกว่านั้น……เขายังทำเหมือนเธอเป็นเพียงอากาศที่ไม่มีตัวตน……
วินาทีนี้ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เธอกลัว กลัวมากว่าออกัสจะมีความรู้สึกกับเชอร์รีน……
เพราะเมื่อก่อนเขาไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้กับเธอ ไม่เคยที่จะ……
แน่นอนว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปแบบนี้ได้ เพราะเธอมั่นใจว่าเธอไม่อาจยอมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นได้
อีกด้านหนึ่ง
ตอนแรกเชอร์รีนคิดว่าเขาจะส่งผู้ช่วยเตโชเอาบทเรียนมาให้เธอ และคิดไม่ถึงว่าเขาจะเอามาให้ด้วยตัวเอง
เธอยังคงนั่งจัดการเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน ขณะนั้นเองเธอรู้สึกได้ถึงเสียงถอนหายใจที่ดังมาอีกด้านหนึ่ง เธอหันไปมองอย่างประหลาดใจ จึงเห็นออกัสสวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ด้านหลังของเธอ
เมื่อรับบทเรียนมา เธอจึงตรวจดูอย่างละเอียดก่อน จากนั้นค่อยเดินไปยังตู้กดน้ำเพื่อเอาน้ำอุ่นมาให้เขา “ทำไมไม่ส่งผู้ช่วยเตโชมาล่ะคะ”
มือที่มีเส้นเอ็นปูดโปนของเขาค่อยๆ รับแก้วน้ำมา ก่อนที่จะพาตัวสูงๆ ของตนลงไปนั่งบนเก้าอี้ของเธอ “คุณหญิงเชอร์รีนไม่อยากเห็นหน้าผมหรือไง”
คุณครูที่อยู่ในห้องพักครูต่างพากันหันมามองคนทั้งสองที่อยู่ตรงนี้เป็นจุดเดียว
การถูกสายตาจ้องมองจากรอบด้านไม่ต่างอะไรกับลิงในสวนสัตว์ เชอร์รีนรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอิสระ เธอไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้
“เปล่าค่ะ ฉันแค่เห็นว่าช่วงนี้คุณยุ่งๆ เลยคิดว่าน่าจะส่งผู้ช่วยเตโชมาแทน……”
เขาจิบน้ำอุ่นก่อนหนึ่งคำก่อนจะเอ่ยว่า “พอดีช่วงนี้ผมว่าง……”
ราวกับทุกคนต้องการเห็นด้านอื่นของประธานออกัส คนจึงเริ่มทยอยมาอยู่บริเวณด้านนอกออฟฟิศมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเอาบางอย่างมาปิดทางน้ำเอาไว้
เห็นแบบนี้แล้วเชอร์รีนก็เริ่มปวดขมับ เธอคิดว่าการตัดสินใจเมื่อครู่นี้ของเธอที่โทรไปหาเขาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
“คุณยังไม่กลับเหรอคะ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรือไง” เมื่อเห็นเขาไม่ยอมกลับ เชอร์รีนจึงเอ่ยปากกระตุ้น
คำพูดที่มีความหมายชัดเจนเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของออกัสหมองหม่น หน้าตาของเขาเริ่มดำคล้ำ
เธอใช้คำพูดแบบนี้ ถือว่าไม่เห็นค่ากันชัดๆ
เขายังคงนั่งสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ข่าวการมาที่นี่ของเขาก็ได้แพร่ออกไป
ไม่นานนัก ผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ดูแลหลักสูตรก็เดินเข้ามาทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม และเชิญเขาเข้าไปนั่งในห้องของผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างยินดี
เมื่อมองเห็นผู้คนมากมายรอบตัวที่ทยอยกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ออกัสก็หมดอารมณ์จะนั่งอยู่ต่อ เขาลุกขึ้นแล้วหันไปพยักหน้ากับผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างเรียบเฉย “พอดีผมมีประชุมหลายประชุมที่บริษัท เอาไว้เป็นครั้งหน้านะครับ”
“ได้ครับๆ คุณออกัสเดินทางปลอดภัยนะครับ” ผู้อำนวยการโรงเรียนพยักหน้างึกงักพลางเอ่ยปากเอาอกเอาใจเต็มที่