องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 352 ระดมผู้คนก่อกวน
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังโจวต้าหมาน: “แล้วเจ้าหล่ะ จะทำเช่นไรต่อไป?”
โจวต้าหมานมองดู
จางเฉิง นางไม่เต็มใจจึงไม่อยากกล่าว แต่นางก็ไม่ได้ติดตามเฉินเกิงไป
“ความหวังดีของอาลักษณ์ราชสำนักเฉินราษฎรผู้ต่ำต้อยรับด้วยใจแล้ว ราษฎรผู้ต่ำต้อยไม่มีบุญพอที่จะเป็นน้องสาวของอาลักษณ์ราชสำนักเฉิน” โจวต้าหมานมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
“ขอบคุณพระชายาเย่ที่ช่วยข้าแต่ข้าอยากกลับไปที่เรือน ที่นี่ไม่เหมาะกับข้า” โจวต้าหมานนั้นเศร้าโศกเสียใจและนางต้องการจากไป
ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวขึ้นว่า: “เจ้าจะจากไปต้องใช้เวลาอีกนาน ราชโองการของฝ่าบาทยังไม่มาฉะนั้นเจ้ากลับไปกับข้าก่อนเถอะ”
“เพคะ”
โจวต้าหมานรับปากแล้ว จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับไปจากจวนของจางเฉิงแล้วเดินออกประตูตรงกลับไปยังจวนอ๋องเย่
ในวันนั้นฉีเฟยอวิ๋นนำคำรับสารภาพไปให้กับหนานกงเย่ ขณะที่เขาเข้าวังไปในตอนบ่ายก็ถวายคำรับสารภาพต่อองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ ฟ้ามืดแล้วองค์จักรพรรดิอวี้ตี้มีราชโองการให้จางเฉิงออกจากตำแหน่งและส่งตัวเข้าคุกหลวงลงโทษเป็นเวลาสามปี
อนุภรรยาถูกเนรเทศ
โจวต้าหมานได้รับพระราชทานยศเป็นจงเซี่ยวเสี้ยนจู่และให้รางวัลเป็นเงินจำนวนมาก
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” โจวต้าหมานรับพระราชโองการแล้วลุกขึ้นไปทางฉีเฟยอวิ๋นและก้มกายพร้อมทั้งเช็ดน้ำตา
“ขอบคุณพระชายาเย่ที่ช่วยเหลือข้า”
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้วก็ยังเศร้าโศกเสียใจอยู่ดี ถึงแม้ว่าเรื่องนี้นางจะชนะแล้วแต่ก็ได้สูญเสียสามีไป
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขึ้นในเวลานี้ว่า: “เจ้ามีอโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินว่าโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้นั้นใบหน้าอันหมองคล้ำของโจวต้าหมานก็แดงขึ้นมาอย่างอั้นไว้ไม่อยู่แล้วกล่าวกับนางว่า: “พระชายารู้เรื่องนี้ได้เช่นไร?”
“เจ้าไม่ต้องรู้ว่าข้ารู้ได้เช่นไร เจ้าแค่บอกมาว่าใช่หรือไม่?”
“ใช่”
โจวต้าหมานใบหน้ากระดากใจ นางไม่รู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นรู้เรื่องนี้ได้เช่นไรแต่นางก็ไม่กล้าปิดบัง
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขวดเครื่องลายครามสีขาวขวดหนึ่งจากแขนเสื้อซึ่งขนาดใหญ่พอๆกับถ้วยขนาดเล็ก ด้านบนปิดผนึกเอาไว้
“รับไป ของสิ่งนี้เจ้าใช้ทาวันละสามครั้ง เสร็จเรียบร้อยแล้วจากนั้นปิดผนึกให้ดีแล้ววางไว้ในที่เย็นเพื่อใช้ในภายหลัง
โรคนี้กลัวร้อนใน กลัวหนาว เจ้าต้องล้างให้สะอาดทุกคืนเพื่อไม่ให้อาการป่วยกำเริบได้ง่าย”
โจวต้าหมานรับขวดยามาด้วยใบหน้าอันประหลาดใจแล้วเช็ดน้ำตาพร้อมทั้งรีบขอบคุณฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นสังเกตว่าโจวต้าหมานนั้นชอบร้องไห้
ที่จริงแล้วนางเป็นคนดีมาก เป็นเพราะจางเฉิงเนรคุณและไร้วาสนา
ขณะที่โจวต้าหมานจากไปนั้นได้กล่าวขอบคุณแล้วขอบคุณอีกแต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล่าวสิ่งใดเลยสักคำ
นางทอดหายใจมากมาย อยู่ที่นี่หญิงผู้หนึ่งต้องการอยู่รอดนั้นช่างยากลำบากยิ่งนัก!
เรื่องราวของโจวต้าหมานทำให้ฉีเฟยอวิ๋นมีชื่อเสียงมาก ทั่วทั้งเมืองหลวงได้รู้กันทั้งสิ้นว่าฉีเฟยอวิ๋นจัดการเรื่องราวได้เด็ดขาด สำหรับเรื่องที่บุรุษเห็นอนุสูงกว่าภรรยาเอกนั้นจะไม่ยอมลามือ
ในเมืองหลวงนั้นยังมีข่าวลือว่าฉีเฟยอวิ๋นอิจฉาริษยาจนเป็นนิสัยและจะไม่มีวันปล่อยอนุไป
ลือไปลือมาชื่อเสียงอันดีได้กลายเป็นชื่อเสียงที่ไม่ดีไปซะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นแต่เช้าและเตรียมตัวออกไปก็ได้ยินลี่ว์หลิ่วกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจที่หน้าประตูว่า: “พระชายาของเราดีเกินไปช่วยเหลือผู้คนมากมายเช่นนั้น พวกเขายังว่ากล่าวพระชายาของเราเช่นนั้น เมื่อเช้าแม่นมอู๋กลับมาจากข้างนอกก็โกรธจนร้องไห้ คนพวกนั้นบอกว่าพระชายาเป็นหญิงขี้หึง แม่นมอู๋ก้าวไปพูดไม่กี่คำ กลับถูกพวกเขาเขวี้ยงปาไข่ใส่แม่นมอู๋จนใบหน้าฉีกขาดแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดฟังตรงหน้าประตู หงเถาเป็นผู้ที่นิสัยอ่อนโยนและมั่งคงก็ถอนหายใจด้วยความโกรธ: “พระชายาเย่ไม่ทราบเรื่องเหล่านี้อย่าได้พูดไป ตอนนี้ท่านตั้งครรภ์อยู่หากโมโหจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ของท่าน
ช่วงสองสามวันนี้ท่านอ๋องวุ่นอยู่กับเรื่องการสืบสวนผู้ทรยศภายในซึ่งก็ยุ่งมากเช่นกัน! ”
“มีแต่เจ้าที่ซื่อตรง เรื่องเช่นนี้ควรบอกพระชายา ไม่เช่นนั้นวันนี้เป็นแม่นมอู๋ พรุ่งนี้เป็นพ่อบ้านอาวุโส วันมะรืนเป็นอาอวี่แล้ววันต่อไปก็เป็นพระชายาของเราแล้ว พวกเขาไม่มีทางจบเรื่องไปเช่นนี้แน่
ผู้คนเหล่านั้นก็รออยู่ตรงหน้าประตูจวนของเรา ปกติก็ไม่มีสิ่งใด ทันทีที่คนในจวนของเราออกไป พวกเขาก็จะวิ่งออกมาพูด เมื่อพูดขึ้นมาคนในจวนของเราก็จะโมโหและก็เข้าไปถกกันเป็นธรรมดาแล้วพวกเขาก็จะลงไม้ลงมือกัน อย่างไรพระชายาก็ต้องออกไปถึงเวลานั้นจะทำเช่นไร? ”
หงเถาก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใดดีจึงไม่ได้ออกเสียง
ฉีเฟยอวิ๋นมองย้อนกลับไปยังอาอวี่: “เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่?”
อาอวี่ส่ายศีรษะ: “ไม่รู้ พวกเขาคงไม่กล้าหาญชาญชัยจัดการกับท่านอ๋องและพระชายาในจวนอย่างโจ่งแจ้ง แต่สำหรับพวกคนใช้ก็พูดยาก”
ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวลี่ว์หลิ่วและหงเถาก็รีบเข้ามาจากข้างนอกทันที เมื่อถูกสังเกตเห็นทั้งสองคนย่อกายทำความเคารพแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด: “พระชายา”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองพวกเขาครั้งหนึ่ง: “คราวหน้าหากมีเรื่องใดให้บอกข้าตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องถูกคนรังแก อาอวี่เราไปดูกันว่าผู้ใดช่างกล้าหาญเยี่ยงนี้ กล้าทำตัวดุร้ายตรงหน้าประตูจวนของเรา”
“ขอรับ”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปด้านหน้าส่วนอาอวี่และพวกเดินตามอยู่ด้านหลัง
ออกจากประตูไปก็ปรากฏไข่ไก่ฟองหนึ่งบินมายังด้านหน้าของฉีเฟยอวิ๋น ยังไม่ทันที่ฉีเฟยอวิ๋นจะมองเห็นชัดอาอวี่ก็ได้เคลื่อนมาบังยังด้านหน้าของฉีเฟยอวิ๋น
อาอวี่ไม่เป็นไรจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินออกมาจากด้านหลังของอาอวี่ มองไปยังผู้คนตรงหน้าประตูเหล่านั้น
ผู้คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มเยาว์วัย หากเป็นหญิงและเด็กผู้โง่เขลาก็เข้าใจได้ แต่ว่าเป็นผู้เยาว์วัยเช่นนี้ทั้งยังเป็นชายหนุ่ม ในนี้ต้องมีปัญหา
“พวกเจ้า จับกุมตัวทั้งหมดแล้วส่งไปยังที่ทำการปกครองเมือง สักครู่ข้าจะไต่สวนพวกเขา”
“พะย่ะค่ะ”
ผู้คนพุ่งออกมาจากในจวนและจับกุมคนทั้งยี่สิบกว่าคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
คนส่วนใหญ่เหล่านี้เกรงกลัวกันทั้งสิ้น ตัวสั่นราวกับตะแกรงเช่นนั้นและบางคนก็ฉี่รดกางเกงซะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับไปยังจวนอ๋องเย่
“อาอวี่เจ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ หงเถาเจ้าไปช่วยดูแล ส่วนลี่ว์หลิ่วไปเยี่ยมแม่นมอู๋ที่ลานหลังจวนกับข้า”
“เพคะ”
อาอวี่กับเถาหงจากไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปยังลานหลังจวน ลี่ว์หลิ่วกล่าวว่า: “หน้าครึ่งหน้าของแม่นมอู๋ถูกตีจนเสียโฉมแล้ว”
“หมอในจวนว่าเช่นไรบ้าง?”
“ก็ไม่ได้ว่าสิ่งใด แค่บอกว่าอายุมากเช่นนี้แล้วใบหน้าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดูแลให้ดีก็จะดีเอง” ลี่ว์หลิ่วบอกต่อคำพูดเดิมของหมอในจวนให้แก่ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรู้โดยธรรมชาติอยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่พอใจ
เมื่อมาถึงลานหลังที่แม่นมอู๋อาศัยอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าไปเยี่ยมแม่นมอู๋ แม่นมอู๋นั้นกำลังมีไข้สูงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นเด็กสาวก็รีบลุกขึ้นทันที ย่อตัวทำความเคารพต่อฉีเฟยอวิ๋น
“พระชายา”
“ลุกขึ้นเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไปดูแม่นมอู๋และถามว่า: “หมอในจวนมาแล้วหรือยัง?”
“หมอในจวนเพิ่งจากไป เขาบอกว่าแม่นมไม่เป็นไร แต่บอกว่าแม่นมอายุมากแล้วก็จะทรมานอยู่บ้าง แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่แผลฉีกขาดภายนอกแต่ก็จะไม่เป็นหวัดได้ง่าย”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงเพื่อตรวจดูอาการแม่นมอู๋ ใบหน้าของแม่นมอู๋ถูกตีจนเป็นแผล เมื่อมองดูอย่างละเอียดเป็นรอยมีดบาดแผลหนึ่ง
ต่อไปจะเป็นแผลเป็นซะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง คนเหล่านี้ต้องการจะฆ่าคน ใช่การก่อกวนที่ใดกัน?
“พระชายา?”
ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกำลังตรวจดูอาการอยู่แม่นมอู๋ก็ตื่นขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวกับนางว่า: “ท่านอย่าได้เป็นกังวล แผลไม่ได้ลึกมากนักเป็นรอยแผลเป็นก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดนัก รักษาอาการบาดเจ็บก่อน หายแล้วข้าจะจัดการแต่งตั้งเจ้าให้ดี”
“พระชายา เป็นบ่าวเองที่ไร้ประโยชน์”
แม่นมอู๋ทุกข์ออกมาจากใจร้องห่มร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจ ฉีเฟยอวิ๋นก็เป็นผู้ที่เห็นผู้อื่นร้องไห้ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าแม่นมอู๋ร้องไห้นางก็อยากจะร้องไห้เช่นกัน จากนั้นก็ฝากฝังคำพูดไม่กี่คำแล้วฉีดยาให้แม่นมอู๋หนึ่งเข็มแล้วออกมาจากทางด้านแม่นมอู๋
ออกประตูแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ตรงไปยังที่ทำการปกครองเมืองเลย ในเวลานี้ทุกคนถูกกุมตัวเข้าไปด้านในที่ทำการปกครองเมือง เข้าไปฉีเฟยอวิ๋นจับป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งโยนลงบนพื้นไปโดยตรง
“โบย คนละห้าสิบกระดาน ตายแล้วก็โยนออกไปให้เป็นอาหารสุนัข หากยังไม่ตายก็โบยต่อไป”
ทันทีที่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ออกมา ทั้งที่ทำการก็โกลาหล นี่มิได้เป็นการสังหารผู้คนหรอกหรือ?