ในกลุ่มผู้ฝึกฝนตัวร้าย
หลี่เฮารัน (ทำไมวันนี้ในกลุ่มเงียบมาก?)
จุนหยางชี (คนส่วนใหญ่ที่นี่ยังออนไลน์ แต่ทำไมผู้คนจากเมืองครึ่งถึงได้เงียบ @ต้วนยื่อ @ ..)
จุนหยางชีใช้สัญลักษณ์ @ เพื่อพยายามติดต่อพวกเขา แต่ .. ไม่มีใครตอบ
“แปลก ..”
“บางทีพวกเขาอาจกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างสิ่งประดิษฐ์”
“พวกเขากำลังสร้างสิ่งประดิษฐ์เมื่อวานนี้และบางส่วนก็ยังอยู่ในกลุ่ม”
ขณะเดียวกัน ณ หอคอยของกลุ่มเฮารัน
นี่คือสถานที่ในตำนานที่เคยถูกปีศาจทำลาย
ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาหอคอยนั้นเงียบสงบและมั่นคงปราศจากการรบกวนใดๆ ผู้เฝ้าหอคอยเห็นว่าไม่ได้มีอะไรและพวกเขาเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายพวกเขาหลังจากเฝ้ามาเป็นเวลานานพวกเขาจึงออกไปยืดเส้นยืดสาย
“ใบเราต้องปกป้องหอคอยนี้ด้วย” สาวกคนหนึ่งบ่น “ตามความเห็นของข้าปีศาจนั้นตายไปเป็นเวลานานแล้วหลังจากการปราบปรามเมื่อพันกว่าปี”
“ใช่นั่นก็หลายปีแล้วที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น .. มันอาจตายไปแล้ว”
ขณะที่เหล่าสาวกสองคนกำลังบ่น เมฆสีแดงได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหอคอย!
“นั่นอะไร!?” พวกเขาแหงนหน้ามองไปบนฟ้าด้วยแววตากังวลและกลัวแทบฉี่เล็ด ท้องฟ้าที่สดใสที่บัดนี้ได้กลับกลายเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
เใฆหนาปกคลุมทั่วท้องฟ้าและเคลื่อยตัวด้วยความเร็ว ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสได้กลายเป็นสีแดงดำมืดครึ้มไปทั่วทันที!
“อะไรน่ะ .. นั่นอะไร!?” สาวกสองคนชี้ไปบนท้องฟ้า ใบหน้าของพวกเขาดูกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับพายุคลื่นใหญ่มันกำลังวิ่งดูดกลืนทุกสิ่งมาแต่ไกล มันเข้าใกล้หอคอยมากทุกที ทุกที ทุกที และในที่สุดมันก็พัดดูดหอคอยราวกับกระดาศชิ้นหนึ่ง เหลือเพียงแต่พื้นดินที่หอคอยเคยตั้งอยู่ ข้างใต้ดินของหอคอยเผยให้เห็นโครงกระดูกชิ้นใหญ่!
“ไม่นะ! ปีศาจถูกซ่อนไว้ใต้หอคอยกำลังจะออกมา!”
ผู้ฝึกฝนและผู้ฝึกตนหลายคนในกลุ่มเฮารันรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน พวกเขารวมตัวกันทันที
“สร้างเกราะป้องกัน!” ผู้เฒ่าเสื้อคลุมสีขาวตะโกน
โครงกระดูกค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นมันกำลังอ้าปากและส่งเสียงคำราม! ด้วยเสียงคำรามที่ดังกึกก้องทำให้ผู้ฝึกฝนที่กำลังบินพุ่งเข้าหามันสั่นคลอนราวกับถูกค้อนกระแทกเข้าที่หน้าอก พวกเขาพ่นเลือดออกมาด้วยแรงจุก!
“เจ้าหิ้งห้อยตัวน้อย อย่างเจ้ากล้าจะแข็งขันกับแสงจากดวงจันทร์หรือ!?”
ตู้ม!
โครงกระดูกยกนิ้วดีด “พวกเจ้ามันก็แค่มด!”
ดูเหมือนว่าเมฆที่มืดครึ้มและหนาทึบนั้นค่อยๆ ลดตัวลงมาคล้ายกับท้องฟ้ากำลังจะพังตกสู้พื้น แรงกกดดันที่น่ากลัวยังคงพุ่งพล่าน ผู้ฝึกฝนระดับต่ำหนีแรงระเบิดด้วยความรวดเร็ว ช้าเกินไป .. พวกเขากลายเป็นเมฆหมอกไปกับแรงระเบิด แม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับสูงในตอนนี้เองก็แทบเอาตัวไม่รอด พวกเขากระดูกแตก เลือดออกหูปาก
“พวกเขามันอ่อนแอ!”
“อำนาจของเจ้าไม่มีใครเทียบเทียมได้ เราควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดี?” นักบวชเต๋าผู้เก่าแก่ท่าทางใจดียืนอยู่บนก้อนเมฆด้วยใบหน้ายิ้มอ่อน
เวลาเดียวกัน ณ พระราชวังยี่มุที่อยู่ห่างออกไปทางตอนเหนือสุดของดินแดนทะเลดวงดาว
วัดใต้ภูเขาที่อยู่ห่างไกลจากอาคารหลักของยี่มุกำลังสั่นเสทือน! ภูเขาทั้งลูกกำลังถูกเขย่าเสียงดังก้องราวกับมีคนตีกลองสนั่นหวั่นไหวไปทั่งแผ่นฟ้า
พื้นดินแตกเหมือนกับกำลังจะแยกตัวจากกัน รอยแตกนั้นมาจากใต้ภูเขา!
…
“ทำไมวันนี้ที่ร้านถึงเงียบขนาดนี้” ฟางฉีมองไปรอบๆ และพบว่าลูกค้าหายไปหนึ่งในสามส่วน จู่ๆ เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจก็ดังขึ้นนอกร้าน
“ดูนั่นสิ!”
ท้องฟ้าในระยะห่างไกลมืดครึ้มมันกำลังเคลื่อนที่และกลืนกินแสงสว่างดูเหมือนว่าเงาปีศาจกำลังรบกวนสายลมและเมฆส่งผลให้อากาศแปรปรวน ความหนาวเหน็บก่อตัวขึ้นในอากาศ
“นั่นมันอะไรกัน!?” ฟางฉีขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่เห็นดูไม่ปกติ
“จากลักษณะของมันข้ากลัวว่าปีศาจจะถูกปลุกออกมา” โมเทียนซิงที่ยืนอยู่ข้างเขาพูดด้วยเสียงหดหู่ “มากกว่าพันปีก่อนภัยพิบัติจากปีศาจเกือบทำลายโลกการฝึกฝนของที่นี่ดินแดนทะเลดวงดาว อืม ..พันปีมาแล้วสินะดูเหมือนว่าหายนะกำลังจะกลับมา!”
“ทรงพลัง?” ฟางฉีมองไปที่ผู้ฝึกฝนที่อยู่รอบตัว “มันคือปีศาจอะไร? มันทรงพลังแค่ไหน?”
“ครอบครัวโมของเราสูญเสียผู้อาวุโสทั้งหมดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติของปีศาจครั้งนั้น” โมเทียนซิงทำหน้าสลดลง “ไม่เช่นนั้นหากครอบครัวโมยังอยู่ครบ ช่วงชีวิตของข้าคงไม่ต้องใช้ชีวิตเหมือนผู้ลี้ภัยซ่อนตัวอยู่ในเมืองครึ่งแบบนี้”
…
เวลาเดียวกันที่กลุ่มหนานหัว ทั้งสำนักถูกปกคลุมไปด้วยเมฆมืด
“บ้า! มันบ้าไปแล้ว ศิษย์พี่ของข้าก็บ้า! เขาพยายามจะฆ่าข้า ดังนั้นพี่สาวและอาจารย์ของข้าทั้งหมด ทุกคนบ้าไปแล้ว!” สาวกกลุ่มหนานหัวกำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องด้วยความสั่นเทิ่ม “หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปข้าคงจะโกรธมากไม่น้อย!”
“ไม่! พวกเขาอาจจะฆ่าข้าเหมือนกัน” ใบหน้าของเขาวิตกกังวลอย่างมาก
ณ กลุ่มเฮารัน
ต้องเผชิญหน้ากับพลังปีศาจอันน่ากลัวผู้ฝึกฝนหลายไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบหนี หากช้ากว่านั้นพวกเขาเองก็จำต้องถูกเมฆหมอกกลืนกินเช่นกัน พวกเขากรีดร้องด้วยความหวาดกลัวในไม่ช้าสาวกคนอื่นๆ ก็ถูกกลืนเข้ากลีบเมฆเช่นกัน
“ท่านหัวหน้าสำนักอยู่ไหน? เขาอยู่ที่ไหน!?” ผู้อาวุโสคำรามด้วยความโกรธ
“ดูเหมือนว่าเขาจะไปดูหนังกับผู้เฒ่าบางคน” ผู้อาวุโสอีกคนตอบด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ดู!? หนัง!?” ผู้อาวุโสผมขาวสบถ
“สาวกทั้งหมดหนีออกจากภูเขาโดยด่วน!”
“ถอยออกไป ทุกคนหนีออกไปเดี๋ยวนี้!”
…
“กลุ่มหนานหัวและเฮารันตอนนี้แตกกระจายกันไปคนละทิศละทางตอนนี้ถึงตาของกลุ่มยี่มุแล้ว!” ในเมฆอันมืดมิดใบหน้าของปีศาจกำลังคำรามด้วยความโกรธ “ใครก็ตามที่เชื่อฟังข้ามันจะได้รางวัล ใครที่ขัดขว้างมันต้องตาย!”
“ใช่แล้ว!” ผู้ฝึกฝนจากตระกูลเฟิงหลายคนก้มหัวลงและกล่าวด้วยความเคารพ “สำหรับรางวัลที่พวกเจ้า ..”
ทันใดนั้นคริสตัลสีเลือดก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า “สิ่งนี้มีร่องรองของความเข้าใจอันยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ พวกเขาสามารถรับมันเพื่อเสริมพลังภายใน”
“ขอบคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่” ชายชรายิ้มด้วยใบหน้าแลเต็มใจ
ในขณะเดียวกันลำแสงจำนวนมากถูกยิงเข้าสู่สำนักหนานหัวราวกับดาวตก
ดวงตาของหวังหลิงจ่าวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเมื่อเขาเห็นซากปรักหักพัง “กลุ่มหนานหัวของเราเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร!?”
“ปีศาจ!” อาจารญ์ซีชิกล่าวด้วยความกลัว “มันเหมือนกับการเกิดของปีศาจที่เคยมีการเขียนอธิบายไว้ในม้วนหนังสือของเรา!”
ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาสังเกตเห็นภูเขาสีดำเริ่มเสียหายและพบว่าสถานที่ต้องห้ามทั้งหมดถูกรื้อลงไปใต้พื้น!
“หัวหน้ากลุ่มเฮารันมีคนส่งข้อความมาว่ากลุ่มของเราถูกทำลายโดยปีศาจตัวนั้นตอนนี้มันกำลังเดินทางไปทำลายวังยี่มุ!”
“เทียนซูส่งข้อความบอกว่าร่างปีศาจกำลังจะหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของมัน!”
ใบหน้าของหวังหลิงจ่าวดูเบ้เล็กน้อย “หมายความว่าเรากำลังจะเผชิญหน้ากับปีศาจในช่วงเวลาสำคัญเหมือนในเหตุการภัยพิบัติปีศาจเมื่อพันปีก่อนงั้นหรอ!?”
ในพริบตาการเกิดขึ้นของปีศาจนั้นคือหายนะอันน่ากลัวที่สามารถกวาดล้างไปทั่วโลก!