“อ่า!” ทันใดนั้นคริสตัลสีแดงเลือดก็กลายเป็นหนวดที่บิดเบี้ยวแตกหน่อมากมายและเจาะเข้าไปในตาหูจมูกปากทั้งใบหน้าของอาจารย์ตระกูลเฟิง
“ปะ ปีศาจเฒ่านั่นท่านกำลังอะไร!?” ผู้ฝึกฝนคนหนึ่งของตระกูลเฟิงที่อยู่ข้างๆ เขาตะโกนและมีท่าทางหวาดกลัว
“ท่านต้องการจะฆ่าเราหลังจากใช้งานเราเสร็จใช่มั้ย!?”
“นี่เรากำลังทำอะไรกันอยู่!?” เขาถามพลางเห็นซุยเซียนหยันที่กำลังยิ้มด้วยรอยยิ้มเคลือบแคลง “เจ้าจ่ายในสิ่งที่ต้องการได้มั้ยละ?”
“เฟิงจื้ออย่าขยับ!” ทุกคนในกลุ่มเอ่ยเตือนกัน
ผมสีขาวของชายชราได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันรูปร่างและหน้าตาของเขาค่อยๆ กลับกลายเหมือนคนอายุราวๆ สี่สิบออร่าที่มืดมนคล้ายภูติผีที่ถูกซ่อนไว้นั้นแพร่ตัวกว้างขึ้นอย่างแข็งแกร่ง!
“ท่านอาจารย์ .. ท่าน ..”
เฟิงเจิงอี้อาจารย์จากตระกูลเฟิงในตอนนี้เขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแววตาของเขาเปล่งแสงอันชั่วร้ายมันไม่มีร่องรอยจิตวิญญาณของมนุษย์ในแววตาเขาอีกแล้ว!
เฟิงเจิ้งอี้ชูนิ้วของเขาขึ้นแรงดึงดูดออกมาจากฝ่ามือของเขาทันที จากนั้นผู้ฝึกฝนคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นเพียงเสี้ยววิเขาได้กลายเป็นศพแห้งกังราวกับว่าตายมาหลายร้อยปี
“ฮ่าๆๆๆๆ” เฟิงเจิงอี้หัวเราะด้วยความสะใจ เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในร่างกายของเขา “กลุ่มหนานหัว, กลุ่มเฮารันและยี่มุ พวกเจ้ามันก็แค่ขยะ! อย่าเสียเวลาแสดงฝีมือของพวกเขาให้สิ้นเปลืลองพลังงานเลย ข้าคิดว่าจากความแข็งแกร่งของข้าแล้วยังไงข้าก็สามารถจัดการกับขยะอย่างพวกเจ้าได้แน่นอน!”
“งั้นช่วยแสดงให้เราเห็นถึงความแข็งแกร่งทีสิ!” ชุยเซียนหยุนเลียริมฝีปากสีแดงสดของเธอราวกับงูพิษที่กำลังเย้าหยวน
ณ ราชวังยี่มุ
เตียนจู้ดูกังวล “ปีศาจภูเขาของวังยี่มุของเราถูกทำลายส่วนกลุ่มนหนานหัวและกลุ่มเฮารันต่างก็เอาชนะได้เช่นกัน แต่เหล่าสาวกและผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยกลับหักหัวและแปรพัก สถานการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายยิ่งกว่าพันปีก่อนเสียอีก!”
“ข้าส่งข้อควาถึงครอบครัวและกลุ่มอื่นแล้ว แม้ว่าสิกฤตการณ์ในครั้งนี้จะเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แต่เหล่าสาวกชั้นสูงพร้อมด้วยอาจารย์ของหนานหัวและกลุ่มเฮารันก็สามารถหนีรอดมาได้เหมือนเดิม เรายังสามารถต่อกรกับปีศาจได้อยู่” นักบวชวัยกลางคนช้างเขาพูดขึ้น
“ศิษย์น้องเจ้าพูดถูก ตอนนี้เราควรเปิดใช้เกราะป้องกันที่ยิ่งใหญ่ระหว่างที่เรารอกำลังเสริม”
ตามคำสั่งของพวกเขากลุ่มวังยี่มุค่อยๆ เปล่งแสงสีทองจางๆ ปะปนไปกับเปลวไฟ ความกระโชกของหมอกสีดำชนเข้ากับแสงสีทองกลายเป็นเขม่าก่อนจะหายไป
“ท่านผู้อาวุโสเตียนจู้!” เสียงสะท้อนดังขึ้นจากท้องฟ้า “เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถรับมือกับเจ้าได้หรือ เจ้ามันก็แค่เต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง”
“เฟิงเจิงอี้!?” เตียนจู้มองดูชายที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับผมดกดำที่กำลังกระพือในสายลม เขาถูกกลืนกินโดยความมืดมน
“อาจารย์ตระกูลเฟิงเจ้าก็ถูกหลอกล่อให้กลายเป็นพวกเขางั้นหรือ?” เตียนจู้ทำหน้าหวาดเกรงเล็กน้อยเนื่องจากเฟิงเจิงอี้มีความแข็งแกร่งในการฝึกฝนสูงและพลังของตระกูลเฟิงนั่นใกล้เคียงกับกลุ่มใหญ่ๆ ที่สำคัญที่นี่
“หลอกล่อ?” เฟิงเจิงอี้พูดพร้อมหัวเราะเยาะ “อย่ามาเอาข้าไปเทียบกับพวกปัญญาอ่อนอย่างเจ้า!”
ด้วยเสียงคำรามอันโหยหวนวิญญาณสีดำสนิดที่บิดเบี้ยวถึงเจ็ดร่างก็พุ่งออกจากร่างเขา
“ปีศาจหยิน?” สีหน้าของเตียนจู้เปลี่ยนไปมาก “ข่าวลือเมื่อสองร้อยปีก่อนเป็นเรื่องจริง! ครอบครัวเฟิงของเจ้าได้รับปีศาจหยินจากการปลุกพิธีกรรมเลือด!”
เฟิงเจิงอี้เงยหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างดุเดือด “ปีศาจหยินงั้นหรือ? จับตาดูไว้ละ!”
ด้วยเสียงคำรามที่ยังคงดังขึ้นตามร่างกายของเฟิงเจิงอี้พร้อมใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปมาจนแทบไม่เหลือเคล้าความเป็นมนุษย์อีกต่อไป จุดสองจุดบนหน้าของเขาโป่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างกำลังจะแทรกออกมา
ใบหน้าของเขาชั่สร้ายเหมือนผี เกราะป้องกันของยี่มุถูกเจาะทันทีพร้อมรอยร้าวสีดำ
เฟิงเจิงอี้ที่บินไปรอบๆ เขาปลายตามองดูผู้ฝึกฝนที่กำลังชุมนุมกันในวัง “นี่คือพลัง .. เจ้าเห็นนั่นมั้ย?”
“มัน .. ไม่ใช่พลังของเจ้า!” เตียนจู้พูดด้วยความกลัวว่า “นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย!”
“มันคือพลังของข้า!” ใบหน้าปีศาจอันน่ากลัวปรากฎขึ้น “พลังของข้าอยู่เหนือกว่าที่เจ้าจะคาดคิด เจ้าสามารถเลือกได้นะว่าจะอยู่หรือจะตาย!”
เตียนจู้หัวเราะอย่างขมขื่น “อาจารย์ของวังยี่มุเราสามารถปราบปีศาจอย่างเจ้าได้ ข้าจะไม่ยอมรับใช้ปีศาจอย่างเจ้าหรอก!”
“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” สายตาของเฟิงเจิงอี้ดูโกรธเกรี้ยว ตามคำสั่งของเขาเหล่าภูติผีและซากศพพุ่งเข้าหาผู้ฝึกฝนทันที
ในพริบตาเดียวแนวกันชั้นแรกของยี่มุก็พังทลายลงดูเหมือนว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจ
“ดีเยี่ยม!” ชุยเซียนหยันหัวเราะ “จุดแข็งของเฟิงเจิงอี้นี่สุดยอดดีๆ”
เฟิงเจิงอี้มองด้วยสายตาเหยียด “พวกเขาก็เป็นแค่กลุ่มมนุษย์ธรรมดาจะไปเข้าใจพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้เยี่ยงไร!”
เสียงกรีดร้องยังคงดังขึ้นจากใต้จิตสำนึกสั่งหารให้ทำลายร้างมันพุ่งเข้าหาเตียนจู้ในขณะที่กำลังโหยหวน
เวลาเดียวกันแสงสีดำขุ่นมัวยังคงปิดกั้นพลังของยี่มุ เตียนจู้ถอยหลังกลับไปหลายเก้าใบหน้าของเขาเริ่มไม่มีสี เฟิงเจิงอี้มองเขาด้วยสายตาเย้ย “ความแข็งแกร่งของเจ้านี่เพิ่มขึ้นมาก”
“แต่มันจะไม่มีโชคดีในครั้งต่อไป!” เฟิงเจิงอี้สวดคาถาตามด้วยปีศาจหยินพุ่งเข้าหาเตียนจู้ซ้ำๆ ซากๆ เหมือนกับพวกเขาเสียสติ
ไม่กี่วิต่อมาใบหน้าซีดเซียวพูดอย่างร้ายกาจว่า “ข้าจะสู้จนตัวตาย!”
“พลังยี่มุระดับสิบเอ็ด!” เฟิงเจิงอี้จิ้ปาก “ไฟยี่มุมีเพียงสิบ ..”
ก่อนที่เขาจะสามารถทำได้เสร็จสิ้นเตียนจู้กัดฟันของเขาเพื่ออดทนและเปิดใช้งานสาระสำคัญทางจิตวิญญาณของเขา “ไฟหยาง!”
ปีศาจหยินที่เฟิงเจิงอี้เรียกใช้ได้มีการฟื้นตัวและสร้างสรรค์ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด แต่กระนั้น .. พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟทันที!
เปลวไฟแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและกลืนกินเฟงเจิงอี้ราวกับตาข่ายยักษ์ ตาข่ายยักษ์เริ่มไหม้และกัดกินทำให้ทุกอย่างเริ่มกลายเป็นเถ้าถ่าน!
แม้แต่พลังปีศาจอันน่ากลัวของเฟิงเจิงอี้ก็ยังละลายอย่างต่อเนื่อง! การแสดงออกของเฟิงเจิงอี้ในตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “นี่มัน .. ไม่ใช่เปลวไฟยี่มุ!”