เสียงกรีดร้องนี้ของซูซี ทำให้โซเมนที่กำลังดูสงครามบนหน้าจอมอนิเตอร์ด้วยความสนใจอยู่ในออฟฟิศนั้นรีบเงี่ยหูฟัง
เสียงร้องของซูซีนั้นดังมาก เขาใส่หูฟังอยู่ยังรู้สึกแก้วหูแทบจะหนวกแล้ว
เทาเท่ไม่วางใจให้หลินจือมาพบซูซีเพียงลำพัง จึงกำชับพวกแอนนี่นอกจากให้ปกป้องหลินจือแล้วนั้น ช่วงเช้าตรู่ตัวเองก็รีบมาอีก โซเมนที่ชอบเป็นพวกไทยมุงอยู่แล้วนั้นก็ตามมาด้วยเช่นกัน
สงครามโต้คารมกันของหลินจือกับซูซีเมื่อครู่นั้น ทั้งสองคนเห็นและได้ยินผ่านกล้องวงจรปิดอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าหลินจือเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ตลอด อีกทั้งยังยึดได้อย่างมั่นคงอีกด้วย
เพียงแต่ที่โซเมนคิดไม่ถึงก็คือจะได้ยินหลินจือพูดคำพูดโหดๆว่านอนด้วยกันทุกวันแบบนี้ได้ เขาถอดหูฟังออกมาแล้วเอ่ยหยอกล้อเทาเท่ : “นอนด้วยกันทุกวัน? เท่ นายแรงดีนี่นา”
สายตาของเทาเท่ยังคงจ้องมองอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ ได้ยินแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างแทบจะไม่ได้มองโซเมนเลยด้วยซ้ำ : “ทำไม? แรงนายไม่มีความสามารถแล้วเหรอ?”
โซเมน : “…….”
นายต้องปากร้ายขนาดนี้เลยรึไง
เทาเท่ถูกคำพูดนี้ของหลินจือทำให้รู้สึกคอแห้งขึ้นมาอยู่บ้าง อดที่จะนึกย้อนกลับไปถึงชีวิตสามีภรรยาในช่วงสามปีนั้นของทั้งสองคนไม่ได้
ความจริงแล้วเพียงแค่เขาอยู่บ้านพวกเขาจะมีอยู่ทุกวัน แต่ความจริงแล้วไม่นับว่าบ่อยนัก
เขางานยุ่ง ในหนึ่งเดือนอย่างน้อยที่สุดก็จะมีต้องออกไปทำงานข้างนอกหนึ่งสัปดาห์ และตัดช่วงประจำเดือนของผู้หญิงมาอีกหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้ก็เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
สองสามวันที่เพิ่งจะกลับมาจากไปทำงานนอกสถานที่ค่อนข้างบ่อยอยู่บ้างจริงๆ แต่ทุกครั้งที่ออกไปทำงานนอกสถานที่นั้นก็มีช่องว่างที่ยาวนานเช่นกัน
ดังนั้นสำหรับเทาเท่แล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องพละกำลังอะไรเลย ผู้ชายทั่วๆไปก็มีความต้องการระดับนี้ทั้งนั้น
ด้านนอก หลังจากที่ซูซีถูกหลินจือสาดกาแฟกลับไปเต็มหน้านั้น ก็ร้องขึ้นมาพลางเช็ดกาแฟบนหน้าตัวเองด้วย วันนี้เดิมทีที่เธอแต่งหน้ามาอย่างละเอียดอ่อนงดงาม ก็เพียงเพื่อที่จะทำตัวดูสูงส่งต่อหน้าหลินจือเท่านั้น
ผลปรากฏว่าตอนนี้เมคอัพหายไปหมดแล้ว จะว่าจนตรอกก็จนตรอกอยู่เช่นกัน
“หลินจือ! ฉันไม่จบง่ายๆหรอกนะ!” ซูซีตวาดออกมาด้วยความโมโห
หลินจือสาดเสร็จแล้วนั้นก็ลุกขึ้นแล้วถอยออกมาอยู่ให้ห่างจากซูซี เป็นการเลี่ยงที่ซูซีจะคลั่งแล้วพุ่งเข้ามาอีก
แอนนี่ที่อยู่ข้างๆก็เดินเข้ามาอย่างแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าหากซูซีกล้าทำอะไรหลินจือล่ะก็ แอนนี่จะต้องขวางซูซีเอาไว้ตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน
หลินจือมองความจนตรอกของซูซีด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วเอ่ยขึ้นมานิ่งๆ : “ซูซี ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะสาดใส่ฉันก่อนหรอกเหรอ? ฉันเพียงแค่ตอบโต้กลับไปเท่านั้นเอง”
ถ้าหากเธอไม่ตอบโต้กลับ ก็ไม่รู้ว่าซูซีจะกลั่นแกล้งเธอไปถึงเมื่อไหร่
ถ้าหากเธอไม่ตอบโต้กลับ เวลานี้คนที่ถูกสาดกาแฟใส่หน้าจนต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็คงจะเป็นเธอ
ซูซีเช็ดกาแฟบนใบหน้าด้วยความยากเย็น ยกมือขึ้นมาเตรียมจะชี้ด่าว่าหลินจือ หลินจือก็เอ่ยขึ้นมาก่อน : “ซูซี ฉันคิดว่าฉันจำเป็นที่จะต้องเตือนคุณเสียหน่อยนะ วันนี้คุณมาขอโทษฉัน”
คำพูดทั้งหมดของซูซีสำลักอยู่ในลำคอแบบนั้น ตอนนี้เธอก่อเรื่องกับหลินจือแบบนี้ เธอจะยังสามารถขอโทษหลินจืออย่างนอบน้อมได้เสียที่ไหนกัน เธอไม่ฉีกหลินจือออกเป็นชิ้นๆนั้นก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ภายใต้ความลนลานนี้ ซูซีจึงทำได้เพียงแค่หันไปหยิบกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดของตัวเองแล้วเดินจากไปด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ
หลินจือทิ้งเอาไว้ให้เธอหนึ่งประโยคตามหลังเธอไป : “บอกเพื่อเป็นการเตือนไม่ให้ทำผิดพลาดอีก ฉันให้โอกาสคุณเพียงแค่สามครั้งเท่านั้นนะ”
เสียงกระทืบเท้าด้วยรองเท้าส้นสูงของซูซีนั้นยิ่งดังขึ้น
หลังจากที่ซูซีจากไปแล้วนั้น แอนนี่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ : “หลินจือ คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ได้เจอเธอปีกว่าๆ ตอนนี้เธอจะเก่งขนาดนี้แล้ว เมื่อกี้เห็นท่าทางหงุดหงิดขนาดนั้นของซูซีแล้ว สะใจมากจริงๆ”
ก่อนหน้าที่หลินจือกับเทาเท่หย่ากันนั้น แอนนี่เพิ่งจะไปเรียนที่ต่างประเทศ
คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลับมาแล้วหลินจือกับเทาเท่จะหย่ากันแล้ว อีกทั้งยังไปต่างประเทศอีกด้วย หลินจือเปลี่ยนแม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์มือถือ แอนนี่เองก็ติดต่อเธอไม่ได้เลยด้วยเช่นกัน
พูดแล้วก็แปลกอยู่เช่นกัน เพื่อนๆข้างกายเทาเท่ ก็ล้วนแต่มีความประทับใจในตัวหลินจือทั้งสิ้น
“ฉันไม่ตอบโต้ก็มีเพียงแต่จะถูกโจมตีสิคะ”หลินจืออยู่ต่อหน้าแอนนี่แล้วก็เก็บความเย็นชานั้นไป
หลังจากที่เธอพูดจบแล้วนั้นก็เดินมากอดแอนนี่ : “ขอโทษนะคะที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติดต่อคุณเลย”
หลินจืออยากจะขีดเส้นแบ่งกับเทาเท่ให้ชัดเจน ทางที่ดีที่สุดก็คือไม่ต้องติดต่อกับคนที่อยู่รอบๆตัวเขา หลีกเลี่ยงการที่เขาคิดว่าเธอจะพยายามเข้าใกล้เขาอีก
แอนนี่ตบไหล่เธออย่างเปิดเผย : “ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเธอลำบากใจ”
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เทาเท่กับโซเมนก็เดินออกมาจากที่ที่อยู่ไม่ไกลนัก หลินจือเห็นเทาเท่แล้วนั้นไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเสียจนแทบจะระเบิดออกมา
คำพูดที่ดูไม่บริสุทธิ์แบบนั้นที่เธอเพิ่งจะพูดกับซูซีไป เขา ไม่ใช่ว่าเขาจะได้ยินเหมือนกันใช่ไหม?
ที่หลินจือพูดออกมาว่านอนไม่นอนอะไรนั่น ก็เพื่อจะโจมตีซูซี เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเทาเท่จะมาได้ยินเข้า…..
หลินจือเหลือบมองไปยังทิศทางที่เทาเท่และโซเมนเดินออกมา พวกเขาสองคนอยู่ในออฟฟิศที่ไกลขนาดนั้น ทั้งประตูยังปิดเอาไว้ด้วย เขาจะต้องไม่ได้ยินอย่างแน่นอน
คิดแบบนี้แล้วหลินจือถึงได้สงบลงมาได้
หลังจากที่เทาเท่เดินมาแล้วก็หยุดยืนอยู่ข้างๆหลินจือ ก้มมองแล้วเอ่ยถามเธอด้วยความเป็นห่วง : “คุณโอเคไหม?”
หลินจือยิ้มออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก : “โอเคค่ะ”
ถึงแม้ว่าเทาเท่จะไม่สามารถได้ยินได้ว่าเธอพูดอะไร แต่ตัวเธอเองนั้นก็รู้สึกขาดความมั่นใจ
เธอจึงรีบเอ่ยพูดขึ้นกับเขาและโซเมน : “ฉันยังมีธุระอีก ขอตัวก่อนนะคะ เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันวันหลัง”
ว่าแล้วก็เตรียมตัวจะเดินออกไป
เทาเท่จับแขนของเธอแล้วดึงเธอกลับมา เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “คุณจะไปไหน?”
โซเมนที่อยู่ข้างๆยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ หลินจือดึงมือตัวเองกลับมาอย่างทำตัวไม่ถูก
“ทานอาหารกลางวันด้วยกันนะครับ”เทาเท่มองดูเวลา ยังคงเอ่ยบอกขึ้นมาเอง
หลินจือปฏิเสธออกมาโดยสัญชาตญาณ : “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้านไปดูเจ้าเล็ก”
คิดไม่ถึงว่าเทาเท่มองเธอแวบหนึ่งแล้วนั้นก็เปลี่ยนคำพูดไป : “ถ้าอย่างนั้นผมไปดูมันกับคุณด้วยแล้วกัน”
หลินจือ : “……”
ไม่จำเป็นหรอกมั้ง?
เขาไม่ได้ชอบพวกสัตว์ตัวน้อยๆอย่างพวกหมาแมวอยู่แล้ว
คิดแบบนี้แล้วเธอก็เอ่ยพูดออกมาด้วยเช่นกัน : “ไม่ต้องหรอกมั้งคะ? ถึงยังไงคุณก็ไม่ได้ชอบพวกสัตว์ตัวน้อยๆแบบนี้อยู่แล้ว”
เทาเท่รู้สึกขายหน้าที่ถูกเธอปฏิเสธติดต่อกันแบบนี้ จึงตอบกลับเธอไปด้วยเสียงเบาๆ : “เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบคุณเหมือนกันนี่?”
ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าชอบแล้วหรอกเหรอ?
คนเราก็ล้วนแต่เปลี่ยนแปลงกันได้ทั้งนั้น!
แต่หลินจือกลับรู้สึกโมโหมาก จ้องเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อพลางเอ่ยขึ้น : “คุณเอาฉันไปเทียบกับหมากับแมวเนี่ยนะ?”
เทาเท่พูดไม่ออก มองดูหลินจือที่กำลังจะไปด้วยความโมโห เขาจึงรีบตามไปอธิบาย : “ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ผมแค่อยากจะเน้นว่าคนเราก็เปลี่ยนกันได้ทั้งนั้น”
แต่หลินจือไม่อยากจะสนใจเขาแล้ว หลังจากที่บอกลากับโซเมนและแอนนี่แล้วนั้นกันหันหลังเดินออกไป เทาเท่ตามไปอย่างไม่มีการลังเลใดๆ
โซเมนกับแอนนี่ที่อยู่ทางด้านหลังทั้งสองคนอดที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจออกมาไม่ได้ แอนนี่พูดแขวะขึ้นมา : “เจ้านาย ทำไมประธานเทาเท่ปากไม่หวานแบบนี้ล่ะคะ ทางที่จะตามจีบภรรยามานี่เกรงว่าจะลำบากอยู่บ้างแล้ว”
โซเมนโบกมือ : “วางใจเถอะ ต่อไปการกลัวแฟนตัวเองก็จะทำให้ปากเขาหวานขึ้นมาเอง”