นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 495 เป็นได้แค่น้องสาวหรือ
“รายงานของไตรมาสนี้ส่งให้ช้าสุดวันศุกร์ก่อนเลิกงาน” ซูฉิงมองนาฬิกาพร้อมกล่าวเสียงเย็นกับผู้จัดการทุกแผนกที่อยู่ตรงหน้า
คนทั้งหมดผงกศีรษะ ซูฉิงเห็นดังนั้นจึงสิ้นสุดการประชุม
“ประธานซู นักเขียนหลิวส่งบทละครไปที่อีเมลของคุณแล้ว” ผู้ช่วยจัดการข้อมูลในมือแล้วเดินตามซูฉิง
“เร็วขนาดนี้เลย?” ซูฉิงประหลาดใจ เธอเพิ่งให้บริษัทติดต่อผู้เขียนบทไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทว่าบทกลับถูกเขียนจนเสร็จแล้ว
“”นักเขียนหลิวบอกว่าว่าบทเดิมมีโครงร่างคร่าวๆ อยู่แล้ว หลังจากอ่านเงื่อนไขของคุณแล้ว เขาจึงเขียนบทได้ทันที” ผู้ช่วยพยักหน้าพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินประโยคนี้ มุมปากของซูฉิงก็ยกขึ้น หลิวเชิงหนานเป็นนักเขียนบทที่มีชื่อเสียงในวงการ มีผลงานออกมาจากมือจำนวนไม่น้อย ซูฉิงเองก็ร่วมงานกับเขาอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเธอจึงวางใจเรื่องบทละคร
เพิ่งกลับมาถึงออฟฟิศ โทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
มองหน้าจอที่กะพริบชื่อของฮ่อหยุนเฉิง ก็ยิ้มจนหางตาเป็นรูปสระอิ
“ฮัลโหลว? หยุนเฉิง” ซูฉิงเรียกชื่อของเขาแผ่วเบา
“ยุ่งอยู่เหรอ?” น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงทุ้มต่ำ ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในโสตประสาทการรับฟังของซูฉิง
“เพิ่งประชุมเสร็จ กำลังอ่านบทละคร เรื่องที่ฉันเคยบอกคุณว่าให้หลิวเสี่ยวหนิงกับเฉินจุนเหยียนเป็นตัวหลักนั่นไง” ซูฉิงพูดพลางเปิดกล่องอีเมล ค้นหาบทละคร
“ตอนเย็นอยากกินอะไร?” น้ำเสียงน่าดึงดูดของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้น
ซูฉิงได้ยินก็ละมือออกจากเม้าท์ กุมไปที่ปรางแก้ม น้ำเสียงแฝงแววหยอกล้อ “ทำไม คุณชายฮ่อจะมารับฉันเหรอ? คิดถึงฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรจากปลายสาย มุมปากของซูฉิงก็ยิ่งลึกขึ้นไปอีก ราวกับเธอนึกออกว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังทำหน้าอย่างไรอยู่
ที่ซูฉิงคาดไม่ถึงก็คือ วินาทีถัดมาเสียงตอบกลับแผ่วเบาก็ดังกลับมาว่า “อืม คิดถึงเธอแล้ว”
นิสัยของฮ่อหยุนเฉิงที่ปกติมักจะเย็นชา ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอกลับหน้าหนาจนไม่มีใครมาเทียบได้
คิดแบบนี้ ซูฉิงก็โค้งริมฝีปากหัวเราะออกมา น้ำสียงใสเย้ายวนจึงลอยเข้าไปในหูของฮ่อหยุนเฉิง
ด้านฮ่อหยุนเฉิงที่ได้ยิน ก็ยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้ตัว
“ประธานฮ่อ นี่คือเอกสารที่คุณต้องการ” เวลานั้นเองหลินเหยียนเฟิงก็เดินเข้ามา พอเห็นสีหน้าท่าทางที่อ่อนโยนของประธานฮ่อก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไป
ดูท่าทางแล้วคงกำลังคุยกับคุณแซ่แน่
ซูฉิงเองก็ได้ยินเสียงฝั่งนั้น จึงพูดว่า “เย็นนี้ฉันจะรอนายนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงครางตอบรับแล้ววางสายโทรศัพท์
ซูฉิงเพ่งสายตาไปที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง บทละครครั้งนี้ที่กำหนดให้หลิวเสี่ยวหนิงและเฉินจุนเหยียนเป็นนักแสดงหลักมีชื่อเรื่องว่า วัยเยาว์นี้ฉันเป็นเจ้าของ พูดถึงนักแสดงนำชายหญิงที่ออกจากรั้วโรงเรียนเข้าไปสู่สังคม จากไร้เดียงสาสู่ประสบการณ์แห่งการเติบโต ความรัก มิตรภาพ ครอบครัว ความไม่แน่วแน่ในปมพื้นหลังของละคร แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
สำหรับบทละครเรื่องนี้ ซูฉิงพอใจเป็นอย่างมาก ประกอบกับความนิยมในช่วงนี้ของหลิวเสี่ยวหนิงและเฉินจุนเหยียน ละครเรื่องนี้ต้องได้ผลตอบรับที่ดีแน่
เมื่อคิดแบบนี้ซูฉิงจึงติดต่อผู้จัดการส่วนตัวของทั้งสอง ให้พวกเขาเข้ามารับบทละครไป
หลังจากที่ผู้จัดการส่วนตัวของหลิวเสี่ยวหนิงได้รับโทรศัพท์ขณะอยู่ที่กองถ่าย ก็แสดงออกว่าเข้าใจความหมาย
“เสี่ยวหนิง บทละครออกมาแล้ว กลับไปที่บริษัทก็ไปรับได้เลย” ผู้จัดการหันกลับมาบอกข่าวกับหลิวเสี่ยวหนิง
“ของรุ่นพี่เฉินก็ออกมาแล้วเหรอ?” หลิวเสี่ยวหนิงกระพริบตา ถามออกมาด้วยความสับสนวุ่นวาย
แค่คิดว่าตนเองจะต้องถ่ายละครเรื่องเดียวกับเฉินจุนเหยียน หลิวเสี่ยวหนิงก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
ระยะนี่ยิ่งเธออยากหลบหน้าเฉินจุนเหยียน แต่มักจะเจอเฉินจุนเหยียนบ่อยครั้ง
หลิวเสี่ยวหนิงทราบดีว่ามีบางอย่างที่ใจของพวกเขาทั้งสองคนกระจ่างชัดเจน
“ออกมาแล้วสิ คิดอะไรอยู่น่ะ?”
ผู้จัดการสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของหลิวเสี่ยวหนิง จึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ฉันสังเกตว่าเธอกับซุปเปอร์สตาร์เฉินมีอะไรแปลกๆ นะ”
หลิวเสี่ยวหนิงตกใจ “อะไร? มีอะไรแปลกๆ เหรอ?”
“พวกเธอทะเลาะกันใช่มั้ย? แต่ก่อนก็เห็นพวกเธอเข้ากันได้ดีนี่” ผู้จัดการพูด
หลิวเสี่ยวหนิงผ่อนลมหายใจเงียบๆ หัวเราะเสียงเบา “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองดังแล้ว รู้สึกไม่ค่อยชินน่ะ”
ได้ยินประโยคนี้ ผู้จัดการก็กลอกตาขาวใส่หลิวเสี่ยวหนิง “แต่ก่อนเห็นเธอเรียกตัวเองว่าดาราใหญ่ก็เป็นธรรมชาตินี่ ตอนนี้ทำไมไม่ชินแล้วล่ะ?”
“เกิดเป็นคนต้องรู้จักถ่อมตัวสักหน่อย” หลิวเสี่ยวหนิงโบกมือ แกล้งทำเป็นล้อเล่นจบหัวข้อนี้ไป
หลังจากประกาศออกมา หลิวเสี่ยวหนิงก็กังวลว่าตอนที่ไปรับบทละครจะได้พบกับเฉินจุนเหยียนแต่โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น
……
อาศัยความนิยมของหลิวเสี่ยวหนิงบนโลกอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้ ซูฉิงจึงให้เจ้าหน้าที่บริษัท์ประกาศทันทีว่า ละครแรงบันดาลใจวัยรุ่น เรื่องวัยเยาว์นี้ฉันเป็นเจ้าของ กำลังจะเปิดกล้อง นักแสดงหลักคือหลิวเสี่ยวหนิงและเฉินจุนเหยียน เป็นคู่พระ-นาง จากนั้นก็มีกระแสความคิดเห็นจนกลายเป็นที่นิยม
“ละครแรงบันดาลใจวัยรุ่น รู้สึกได้ว่าน่าสนใจมาก”
“อาอาอาอา คู่จิ้นฉันมีงานด้วยกันแล้ว เยี่ยมไปเลย!”
“รีบๆ ถ่ายเถอะ เรื่องฉันติดตามแน่!”
“ทำไมรู้สึกว่าช่วงนี้จะเห็นหลิวเสี่ยวหนิงคนนี้บนเน็ตบ่อยซะเหลือเกิน คนที่ผ่านมา ถามหน่อยหลิวเสี่ยวหนิงดังมากเหรอ?”
“มีแค่ฉันที่รู้สึกได้ว่าหลิวเสี่ยวหนิงกับเฉินจุนเหยียนเป็นคู่จริงหน่อยๆ เหรอ?”
“พี่สาวน้องสาวข้างบน! ฉันเองก็รู้สึก! ฉันคิดว่าพวกเขาสองคนเหมาะกันมาก!”
การรวมตัวของคู่จิ้นเก่าทำให้เหล่าอดีตแฟนคลับคู่จิ้นคึกคักขึ้นมา และหลิวเสี่ยวหนิงที่แอบตามข่าวบนอินเทอร์เน็ตอย่างเงียบๆ ก็บังเกิดความรู้สึกบางอย่างในจิตใจ
“คู่จิ้นเหยียนหนิง…”
หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำแผ่วเบา ปรับท่าทางก่อนปีนขึ้นไปบนเตียง เปิดโทรศัพท์ไปหน้ากระทู้ของคู่จิ้น
เมื่อเห็นแฟนๆ คู่จิ้นสนุกสนานกับการร่วมงานครั้งนี้ หลิวเสี่ยวหนิงก็เม้มริมฝีปาก
ถ้าหากเฉินจุนเหยียนเห็นสิ่งเหล่านี้ จะมีปฏิกิริยายังไงนะ?
เมื่อคิดเช่นนี้ หลิวเสี่ยวหนิงก็โยนโทรศัพท์ไปด้านข้างอย่างหงุดหงิด กอดหมอนแล้วพลิกตัวไปมาบนเตียง
“หลิวเสี่ยวหนิง!เฉินจุนเหยียนไม่ได้ชอบเธอ เขาคิดกับเธอแค่น้องสาว เลิกคิดได้แล้ว…”
เธอคุยกับตนเอง น้ำเสียงค่อยๆ อ่อนลง
“เป็นได้แค่น้องสาวจริงๆ เหรอ…”
หลิวเสี่ยวหนิงมองไปที่หัวเตียง ข้างบนแขวนของขวัญที่เฉินจุนเหยียนให้เธอมาก่อนหน้านี้
เมื่อครั้งปิดกล้องละครเรื่องหนึ่ง เฉินจุนเหยียนชมว่าเธอแสดงได้ดีพร้อมทั้งให้ตุ๊กตาตัวเล็กกับเธอ
ถึงจะรู้ว่าไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝง แต่หลิวเสี่ยวหนิงก็ยังเก็บรักษาตุ๊กตาตัวนี้ของของล้ำค่า
หลิวเสี่ยวหนิงหยุดความคิดวุ่นวายในหัว ยันตัวลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปหยิบบทละครบนโซฟามา
วันนี้เธอไปรับบทละครมาก็แค่อ่านคร่าวๆ ยังไม่ได้ทำความคุ้นเคยทั้งหมด
ดังนั้นหลิวเสี่ยวหนิงจึงใช้เวลาตอนนี้ อ่านบทละครอย่างละเอียดอีกครั้ง กลับค้นพบว่าโครงเรื่องมีความสดใสน่าสนใจ ทำให้เธอชื่นชอบเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม หลิวเสี่ยวหนิงไม่รู้เลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีเรื่องอะไรรอเธออยู่