นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 496 สมคบคิด
วิลล่าตระกูลสวี

สวีหว่านเอ๋อร์มองดูข่าวดังในโลกโซเชียล ก็ยกยิ้มเย็นชาออกมา

“เขียนบทละคร ซูฉิงยังจะสร้างแรงกดดันอีก”

สวีหว่าารเอ๋อร์หรี่ตาลง ตอนนี้ทุกคนต่างก็ดูออกว่าสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์จะต้อง

สนับสนุนหลิวเสี่ยวหนิง

พอคิดมาถึงตอนนี้ สวีหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่สักครู่ ไม่ใช่จะทำอะไรยัยแพศยาซูฉิงได้ง่ายๆ แต่ลูกน้องนักแสดงในบริษัทของเธอไม่เหมือนกัน

ถ้าหากว่าวันพิธีเปิดกล้องเกิดมีข่าวเสียหายของหลิวเสี่ยวหนิงออกมา สตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ก็จะได้รับผลกระทบมาก ซูฉิงก็จะได้พลอยรับผลกระทบไปด้วย

สวีหว่านเอ๋อร์นั้นอยากเห็นซูฉิงที่ได้รับผลกระทบมาก เธอเม้มปากเป็นเส้นตรง แล้วก็ส่งข้อความออกไป

“พรุ่งนี้บ่ายสามโมง พวกเราเจอกันหน่อย……”

วันต่อมา สวีหว่านเอ๋อร์ก็มารอที่ร้านกาแฟที่นัดกันไว้ เพียงไม่นานก็มาคนมานั่งตรงข้ามเธอ สวมแว่นสีดำอำพรางตัวฉินชั่งที่ตอนแรกเพราะลวนลามหลิวเสี่ยวหนิงจนถูกฟ้อง

“เมื่อวานที่เธอพูดหมายความว่ายังไง”

ฉินชั่งมองสวีหว่านเอ๋อร์อย่างสงสัย ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลจะไปมาหาสู่กัน แค่พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้คบค้าสมาคมกัน

ตอนนี้สวีหว่านเอ๋อร์เป็นคนนัดเขาออกมา มีเรื่องอะไรกันแน่

“ฉันได้ยินว่านายถูกหลิวเสี่ยวหนิงฟ้อง และยังถูกขังที่สถานีตำรวจหรอ”สวีหว่านเอ๋อร์ยกแก้วกาแฟขั้นมาดื่ม แล้วพูดเสียงเรียบ

พูดมาแบบนี้ฉินชั่งก็มีทำหน้าบิดเบี้ยว นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ฉินชั่งก็รู้สึกโมโห

ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขาช่วยเขาออกมาได้ เกรงว่าเขาคงจะถูกขังอยู่ในคุกนานหลายเดือน

“ทำไม เธอหมายความว่ายังไง “ฉินชั่งมองสวีหว่านเอ๋อร์นิ่ง รู้ว่าเธอตั้งใจมองเขาเหมือนตัวตลก

“ฉันสามารถช่วยนายได้ “สวีหว่านเอ๋อร์ยกยิ้มพูด

“ช่วยฉัน? “ฉินชั่งที่ตอนแรกกำลังโกรธก็อึ้งตะลึง เหมือนยังไม่ทันตั้งตัวกับคำพูดของสวีหว่านเอ๋อร์

“ในเมื่อนายชอบหลิวเสี่ยวหนิง ฉันสามารถช่วยนายได้ ให้นายได้ตัวเธอมา “สวีหว่านเอ๋อร์เคาะนิ้วไปที่โต๊ะ แล้วพูดกับฉิงชั่ง

ฉินชั่งคิ้วกระตุก แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่สวีหว่านเอ๋อร์ก็รู้ดี เรื่องนี้ฉินชั่งนั้นไม่สามารถต่อรองได้ ดังนั้นเขาจะต้องตอบตกลงแน่

หน้าสวีหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ความสงสัยก่อนหน้านี้ของฉินชั่งหมดไป

ขอเพียงแค่ในงานพิธีเปิดกล้อง มีข่าวเสียหายของหลิวเสี่ยวหนิง ซูฉิงที่เป็นceo จองสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบ เมื่อถึงตอนนั้นพวกแฟนละครจะต้องลุกฮือมาคอมเมนท์แน่ จะคอยดูว่าซูฉิงหน้าไม่อายจะแก้ไขยังไง!

พอนึกมาถึงตอนนี้ สวีหว่านเอ๋อร์นั้นเฝ้ารอมาก

………..

ฮัดชิ้ว!

หลิวเสี่ยวหนิงจามออกมา จนตัวสั่น ดีที่ผู้กำกับสั่งคัททัน ไม่งั้นคงจะต้องได้ถ่ายใหม่แน่

วันนี้เป็นการถ่ายงานโฆษณาแชมพูยาสระผมเพิ่ม งานไม่หนักมาก เพียงแค่ถ่ายดึกไปหน่อย

“ไม่สบายเป็นหวัดหรอ “จินจิ่นหรานที่นั่งรออยู่ข้างๆ เห็นอาการของหลิวเสี่ยวหนิงก็เดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง

“น่าจะเพราะวันนี้โดนลมเยอะไป”

หลิวเสี่ยวหนิงที่ลูบจมูกตัวเองอย่างรู้สึกไม่ดี ถ่ายโฆษณาวันนี้เพื่อที่จะสร้างเอฟเฟกต์ เลยโดนลมตลอด และหลิวเสี่ยวหนิงคงคิดว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้

จินจิ่นหรานมองสีหน้าของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างพินิจ ดูแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย

หลิวเสี่ยวหนิงเห็นอย่างนั้นก็พูดตลกกับเขา :”คุณหมอจิน อาชีพหมอของคุณวันนี้น่าจะดูผิดแล้วมั้ง ฉันมีร่างกายแข็งแรง จะไม่สบายง่ายๆ ได้ยังไง”

เธอที่พูดพร้อมกับทุบเข้าที่หน้าอกของตัวเอง

เขามองไปที่เรียวแขนของหลิวเสี่ยวหนิง จินจิ่นหรานก็หัวเราะไม่มีเสียงออกมา เขามองไปรอบๆ แล้วก็โน้มลงมาหาหลิวเสี่ยวหนิง

“จะเลี้ยงมื้อดึกเธอ ชดเชยที่วันนี้เธอตากลมจนเป็นหวัดโอเคมั้ย”

พอได้ยินว่ามื้อดึก แววตาของหลิวเสี่ยวหนิงก็แสดงความลังเลออกมา:”ไม่ได้หรอก ฉันกำลังลดน้ำหนักนะ”

“กินข้าวแค่มื้อเดียวไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างฉันเลี้ยงเองไม่อยากไปหรอ เธออยากกินอะไรก็สั่งได้ตามใจเลย”

พอจินจิ่นหรานพูดเสียงเบาอย่างนั้นก็เหมือนกับงูพิษในสวนเอเดนที่ค่อยๆ เกลี้ยกล่อมหลิวเสี่ยวหนิง

หลิวเสี่ยวหนิงที่มีท่าทีลังเลอยู่นั้นก็เริ่มหวั่นไหวแล้ว

โลกนี้ไม่มีของฟรี แต่บางทีอาจจะมีฟรีมื้อดึก

“นายจะเลี้ยงฉันจริงๆ หรอ “หลิวเสี่ยวหนิงกะพริบตาปริบๆ

“แน่นอนสิ ฉันเคยโกหกเธอที่ไหนกัน “จินจิ่นหรานยิ้มพูด

“งั้น……..หมดตัว อย่ามาโทษฉันที่ทำงานไม่คุ้มกับค่าแรงนายนะ !”หลิวเสี่ยวหนิงยิ้มพูดจนเห็นลักยิ้ม

จินจิ่นหรานมองก็ใจอ่อนระทวยแล้ว :”หาไม่ได้อีกแล้ว……”

“นายพูดอะไร “หลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังคิดว่าจะกินอะไรไม่ได้ยินที่จินจิ่นหรานพูดไม่ชัด เลยหันกลับไปถาม

“ฉันบอกว่าได้เตรียมกระเป๋าเงินไว้เรียบร้อยแล้ว “จินจิ่นหรานทำตาเลิ่กลั่ก แล้วยิ้มหวานไปให้

“ได้ งั้นฉันไปบอกผู้จัดการก่อนนะ “หลิวเสี่ยวหนิงโบกมือให้ เก็บของเสร็จก็เดินไปหาผู้จัดการ

พอได้ยินว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะไปกินมื้อดึกกับจินจิ่นหราน ผู้จัดการก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ เพราะหลังจากเลิกงานแล้วเวลาของหลิวเสี่ยวหนิงก็แล้วแต่เธอจะจัดการเอง

เพียงแต่ว่า………

“เสี่ยวหนิง ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณหมอจินจะสนใจเธอละ “สายที่ที่แหลมคมของผู้จัดการมองไปที่หน้าของหลิวเสี่ยวหนิง

แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางจินจิ่นหรานที่อยู่ไกลๆ

หลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังเก็บของได้ยินผู้จัดการพูดอย่างนี้ ก็หยุดการกระทำ

“พูดอะไร พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นนะ”หลิวเสี่ยวหนิงพูดอธิบาย

“อาจะใช่นะ “ผู้จัดการก็แค่คาดเดาก็เท่านั้น แต่เธอได้ยินว่าจินจิ่นหรานคนนี้เป็นแฟนละครของหลิวเสี่ยวหนิง

“งั้นฉันไปก่อนนะ “หลิวเสี่ยวหนิงยืดตัวขึ้น แล้วก็บิดคอไปมา

“ระวังตัวด้วยนะ อย่าให้นักข่าวถ่ายได้ละ ไม่งั้นวุ่นวายอีกแน่ “ผู้จัดการพูดเตือน

“เรื่องนี้ฉันรู้น่า ฉันจะระวังตัวนะ “หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้า คิดในใจว่าจะเอาเรื่องที่ไปกินข้าววันนี้บอกเพื่อนในชาวเน็ตดีมั้ย

แต่ถ้าหากว่าทำเรื่องวุ่นวายให้กับจินจิ่นหรานก็คงจะไม่ดี

ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวค่อยปรึกษากับจินจิ่นหรานจะดีหว่า

“ไปกันเถอะ”

หลิวเสี่ยวหนิงที่เตรียมพร้อมแล้วก็มายืนอยู่ตรงหน้าจินจิ่นหราน ท่าทางลึกลับกลับทำให้จินจิ่นหรานหัวเราะออกมา

“ทำไมหรอ”หลิวเสี่ยวหนิงถอดแว่นดำออกมามองจินจิ่นหรานอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ดูเธอแต่งตัวอย่างนี้ “จินจิ่นหรานชี้ไปที่หลิวเสี่ยวหนิงที่สวมหมวกกับแว่นดำ ก็หัวเราะไม่หยุด

“ฉันไปดารานะ ก็ต้องป้องกันตัวจากพวกนักข่าวสิ”หลิวเสี่ยวหนิงที่พูด”แต่ว่าฉันควรจะอัปรูปลงเวยป๋อดีมั้ย บอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อน”

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก”

จินจิ่นหรานที่ท่าทางน่ารัก ก็ยิ้มออกมา”เรื่องไร้สาระอย่างนี้ฉันได้ให้คนจัดการแล้ว”

หลิวเสี่ยวหนิงยิ่งรู้สึกว่าจินจิ่นหรานที่เป็นทายาทเศรษฐีมีเบื้องหลังที่ลึกลับ

ทั้งสองไปที่ร้านอาหารริมน้ำ หลิวเสี่ยวหนิงก็เห็นชาวเน็ตแนะนำมาไม่น้อย สไตล์ของอาหารนั้นหลิวเสี่ยวหนิงก็ค่อนข้างชอบ จินจิ่นหรานเลยจองห้องอาหารไว้ล่วงหน้า

แต่พอหลังจากมาถึงร้านอาหาร หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกใจคอไม่ดี เธอมองไปด้านหลัง ที่ลานจอดรถกลับไม่พบอะไรผิดปกติ