[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 543 : เห็นตัวเอง!

หลิงหยุนถือซองเงินไว้ในมือพร้อมกับจ้องมองซูปิงหยานที่มีท่าทางเย็นชาด้วยความงุนงง แต่ก็ถามออกไปอย่างใจเย็น..

“เพราะอะไรครับ?”

หลิงหยุนเคยทำงานในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งนี้ และจากท่าทางของซูปิงหยานกับเยี่ยนจื่อก็บ่งบอกว่าจำเขาได้ ตอนนี้เยี่ยนจื่อยังจับมือของเขาไว้ตลอดเวลา ทำให้หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาของเยี่ยนจื่อกับซูปิงหยานช่างขัดแย้งกันมาก!

ความจริงแล้ว.. หลิงหยุนกับซูปิงหยานไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ตรงข้าม.. ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับดีมาก

แต่ความขัดแย้งของคนทั้งคู่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 27 มีนาคม ตั้งแต่นั้นมาซูปิงหยานก็เกลียดหลิงหยุนจนแทบไม่อยากเจอหน้า และหลิงหยุนก็ไม่เคยมาที่ร้านอินเทอร์เน็ตของเธออีกเลยเช่นกัน

‘ฉันแค่ขอให้เธอช่วยไปลงระบบให้ที่บ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะกลัวถึงกับต้องหนีหน้าฉันไปถึงสองเดือน!?’

‘และต่อให้เธอต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ควรจะต้องมาบอกกล่าวฉันที่ร้านบ้าง!’

‘ขนาดเงินค่าจ้างของเดือนมีนาคมก็ยังไม่มารับ ต้องให้ฉันเอาไปให้ถึงโรงเรียนด้วยตัวเอง..’

ซูปิงหยานอุตส่าห์บากหน้าไปหาถึงที่โรงเรียน และได้แต่แอบถามหาหลิงหยุนอย่างเงียบๆ แต่กลับพบว่าหลิงหยุนไม่ได้ไปโรงเรียนตั้งหลายวัน

ในความคิดของซูปิงหยานนั้น.. เธอคิดว่าหลิงหยุนตั้งใจที่จะหลบหน้าเธอ ไม่ยอมให้เธอหาพบ และนั่นทำให้ซูปิงหยานรู้สึกสูญเสียความนับถือในตัวเองอย่างมาก

ดังนั้น.. เมื่อทั้งซูปิงหยานและเยี่ยนจื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าคือหลิงหยุน เยี่ยนจื่อจึงมีท่าทางกระตือรือร้นและดีใจอย่างมาก ในขณะที่ซูปิงหยานกลับดูเฉยเมย และเย็นชากับเขาอย่างที่สุด

“ไม่มีเหตุผล.. ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของเราเป็นเพียงแค่ร้านเล็กๆ ไม่สามารถรองรับคนใหญ่คนโตอย่างเธอได้ ตอนนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว เธอไปจากที่นี่ได้แล้ว..” ซูปิงหยานตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา และท่าทีเฉยเมย..

หลิงหยุนจำอะไรไม่ได้จริงๆ หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถชนในคืนนั้น เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็จำได้เพียงแค่หนิงหลิงยู่กับฉินจิวยื่อเท่านั้น ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆหลังจากนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความสัมพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ไม่เพียงหลิงหยุนจะจดจำเพื่อนๆไม่ได้ แต่ยังลืมเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแทบทุกอย่าง

และด้วยความที่เขาจำอะไรไม่ได้จริงๆว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก่อนหน้านี้ หลิงหยุนจึงได้แต่รู้สึกระอักกระอ่วนเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดอยู่ในตอนนี้

แต่หลิงหยุนก็ไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก ในเมื่อซูปิงหยานไม่ต้องการพบเจอเขา เขาก็ไม่คิดที่จะอ้อนวอนเธอเช่นกัน หลิงหยุนจึงไม่ถามอะไรต่อ แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ตกลง.. ผมจะรับเงินค่าจ้างนี้ไว้ แต่ขอให้ผมดูบันทึกวีดีโอกล้องวงจรปิดของเดือนมีนาคม..”

ซูปิงหยานเห็นหลิงหยุนรับเงินไปโดยไม่พูดอะไร เธอก็ได้แต่ตะโกนอออกไปโดยไม่รอให้เขาพูดจบ

“เธออยากดูบันทึกกล้องวงจรปิดของเดือนมีนาคมไปทำไมกัน? ผ่านไปตั้งสองเดือนแล้ว ป่านนี้คงถูกลบทิ้งไปแล้วล่ะ..”

หลิงหยุนรู้สึกว่าหญิงวัยสามสิบปีคนนี้ช่างทำกิริยาท่าทางเหมือนเด็กที่โมโหโทโสอยู่ตลอดเวลา เขาจึงได้แต่ยิ้มและตอบไปว่า

“ขอให้ผมได้ดูหน่อย.. ถ้าปรากฏว่าลบทิ้งไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร!”

ซูปิงหยานนเม้มริมฝีปากก่อนจะถามขึ้นว่า “เธอ.. เธออยากจะดูไปทำไม?”

หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “มันสำคัญกับผมมาก.. มันเกี่ยวพันกับชีวิตของผม!”

เมื่อซูปิงหยานได้ยินว่าเกี่ยวพันถึงชีวิตของหลิงหยุน ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นวิตกกังวลขึ้นมาทันทีพร้อมกับรีบสั่งว่า

“เยี่ยนจื่อ.. รีบหาดูสิว่ายังมีวีดีโอกล้องวงจรปิดของเดือนมีนาคมอยู่มั๊ย?”

เยี่ยนจื่อยิ้ม และรีบดึงมือหลิงหยุนให้เข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์ หลังจากที่หลิงหยุนนั่งลงแล้ว เยี่ยนจื่อก็เอนตัวเข้าไปใกล้หลิงหยุนพร้อมกับกระซิบว่า

“หลิงหยุน.. นายอย่าตำหนิคุณซูที่โกรธเลยนะ เป็นเพราะตัวนายเองที่ไม่ยอมมาที่ร้านถึงสองเดือนเต็มๆ แล้วยังไม่บอกกล่าวเธอสักคำ เธอเป็นห่วงนายมากรู้มั๊ย?”

หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นซูปิงหยานที่ดูกระวนกระวายห่วงใยเขามาก และอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงทั้งสองคนนี้ ดูเหมือนจะเป็นห่วงหลิงหยุนคนเดิมมากเลยทีเดียว

ซูปิงหยานจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความวิตกกังวล แต่จู่ๆเธอก็สังเกตเห็นหลิงหยุนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองเธอ จึงได้แต่ดุไปว่า

“มองอะไร? ยังไม่รีบจัดการธุระของเธออีก?”

ซูปิงหยานพูดกับหลิงหยุน แต่กลับไม่กล้าจ้องมองตาของเขาตรงๆ เพราะหลิงหยุนในเวลานี้ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก

หลิงหยุนก้มหน้ากลับไปมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่แล้วก็หันไปบอกเยี่ยนจื่อว่า

“เยี่ยนจื่อ.. คุณช่วยดูให้ผมหน่อยว่าบันทึกกล้องวงจรปิดของเดือนมีนาคมถูกลบทิ้งไปแล้วหรือยัง?”

ในเมื่อชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขอความช่วยเหลือเช่นนี้ มีหรือที่เยี่ยนจื่อจะปฏิเสธได้ เธอรีบกระตือรือร้นหาให้กับหลิงหยุนทันที

และดูเหมือนว่าหลิงหยุนจะโชคดีอย่างมาก เพราะบันทึกกล้องวงจรปิดเมื่อสองเดือนที่แล้วนั้นยังเก็บไว้อยู่

“อยากจะดูของวันใหนล่ะ?” เยี่ยนจื่อเปิดไฟล์บันทึกกล้องวงจรปิดของเดือนมีนาคมออกมา และหันไปถามหลิงหยุน

“ผมขอดูวันที่ 27 มีนาคม..” หลิงหยุนจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยแววตาสงบนิ่งโดยไม่พูดอะไรอีก

เมื่อหลิงหยุนบอกว่าต้องการดูบันทึกของวันที่ 27 มีนาคม ซูปิงหยานก็ถึงกับใจเต้น เธอมองหลิงหยุนด้วยแววตาประหลาดใจ และตาของเธอก็เปลี่ยนมาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที

หลิงหยุนเห็น ‘เขา’ คนก่อนปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมกับคิดในใจว่าหลิงหยุนคนก่อนช่างอ้วนมากจริงๆ!

หลังจากที่ได้เห็นหลิงหยุนในคลิปวีดีโอนั้น ทั้งซูปิงหยานและเยี่ยนจื่อต่างก็หันไปมองหลิงหยุนคนปัจจุบันพร้อมๆกัน และต่างก็คิดในใจว่าช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากจริงๆ หญิงสาวทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่าเมื่อหลิงหยุนผอมลงแล้ว เขาจะเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้

“ห๊ะ..! นั่นมันผู้ชายคนเดียวกันกับที่เข้ามาเมื่อครู่นี่?” เยี่ยนจื่อร้องอุทานออกมาเมื่อเห็นหลี่กังในคลิปวีดีโอ

หลังจากที่หลี่กังปรากฏตัว ดวงตาของหลิงหยุนก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กระพริบ และเขาก็เห็นชายสองคนที่หลี่กังพูดถึง

และไม่ผิดจากที่หลี่กังเล่าแม้แต่นิดเดียว ทั้งสองคนนั้น – คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง สวมเสื้อสูท สวมรองเท้าหัวสั้น สีหน้าเฉยชา ดูลักษณะท่าทางเหมือนกับเป็นบอดี้การ์ด

ส่วนอีกคนที่หลี่กังเล่าให้ฟังว่าใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นนั้น เพียงแค่หลิงหยุนเห็นหน้า เขาก็จำได้ทันทีเพราะเคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว!

ในวันที่หลิงหยุนเดินทางไปที่บ้านของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น หลังจากรักษาอาการป่วยให้กับท่านหมอเสี่ยวแล้ว ทั้งเขาและหนิงน้อยก็มาช้อปปิ้งที่ถนนคนเดินในช่วงบ่าย และผลปรากฏว่าซันจิ้งขับรถชนเฉิงเม่ยเฟิง และเสี่ยวเม่ยหนิงก็ลากเขาลงไปช่วยชีวิตคน

ในเวลานั้นเอง หลิงหยุนรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตราย และเขาได้หันไปสำรวจรอบๆบริเวณ แล้วเขาก็ได้พบชายวัยกลางคนที่อยู่ห่างออกไปคนหนึ่งกำลังหันหน้าไปทางอื่นราวกับไม่มีอะไร

‘ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง..’ หลิงหยุนได้แต่อึ้งไป

หลังจากที่หลิงหยุนจดจำใบหน้าของชายทั้งสองคนได้อย่างแม่นยำแล้ว และมั่นใจว่าไม่ว่าจะไปพบเจอทั้งคู่ที่ใหน หลิงหยุนก็จะสามารถจดจำได้ไม่มีวันลืม จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเยี่ยนจื่อยิ้มๆ

“เยี่ยนจื่อ.. ช่วยตัดวีดีโอของเดือนมีนาคมนี้ให้ผมได้มั๊ย?”

สำหรับเยี่ยนจื่อนั้นไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่เพราะตอนนี้เจ้านายของเธอกำลังโกรธหลิงหยุนมาก เธอจึงได้แต่มองหน้าซูปิงหยานเป็นการขออนุญาต

ซูปิงหยานตอบอย่างไม่ลังเล “เอาวีดีโอทั้งหมดให้เขาไป แล้วจัดการลบออาจากฮาร์ดิสก์ให้หมด..”

“ขอบคุณคุณซูมากครับ ความจริงแล้วผมขอแค่วันสองวันของเดือนมีนาคมก็พอ..”

หลิงหยุนต้องการคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดนี้ไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในวันข้างหน้า และเพื่อเป็นการยืนยันว่ามีผู้จ้างวานคนมาคอยจับตามองเขาอยู่จริง

หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกเยี่ยนจื่อยิ้มๆ “เยี่ยนจื่อ.. วันนี้ขอบคุณมากนะ ไว้ผมจะพาไปคุณเลี้ยงข้าว!”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย.. ฉันช่วยนายที่ใหนกัน? คุณซูต่างหากที่เป็นคนช่วยนาย ยังจะเลี้ยงข้าวฉันอีก?” เยี่ยนจื่อพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองซูปิงหยาน

หลิงหยุนพูดขึ้นลอยๆ “สองสามวันนี้ผมยุ่งมากเพราะกำลังจะเปิดคลินิก แต่หลังจากนั้นถ้าอยากไปทานข้าวที่ใหนกันก็บอกผมได้นะครับ!”

ซูปิงหยานถึงกับร้องถามอย่างตกใจ “ห๊ะ! คลินิคอะไร?!”

“นั่นสิ.. คลินิกอะไร?” เยี่ยนจื่อถามขึ้นอย่างประหลาดใจเช่นกัน

หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “คลินิกรักษาโรคน่ะสิ! ชื่อคลินิกสามัญชน อยู่ที่แยกถนนจิงฉีและถนนกู่เฟิง ถ้าเจ็บป่วยไม่สบาย ก็แวะไปหาผมที่นั่นได้!”

“นี่เธอเปิดคลินิคจริงๆงั้นเหรอ?!” ซูปิงเหยานและเยี่ยนจื่อร้องถามออกมาพร้อมกัน

ผู้หญิงสองคนนี้ดูเหมือนจะรู้จักหลิงหยุนคนก่อนดี เรียกว่าเป็นเพื่อนก็ได้ ดังนั้นความฝันของหลิงหยุนทั้งคู่จึงรู้ดีกว่าใคร

หลิงหยุนต้องการเปิดคลินิกเช่นเดียวกับแม่ของเขา นอกจากจะรักษาคนป่วยแล้ว เขาก็จะค้นหาวิธีรักษาตัวเองไปด้วย

หลิงหยุนเดินออกจากร้านไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คลินิกจะเปิดวันที่ 20 นี้แล้ว ถ้ามีใครป่วยก็แนะนำให้ไปหาผมได้..”

“นี่.. แล้วตอนนี้นายยังใช้หมายเลข Q Page เดิมหรือเปล่า? จะให้ฉันติดต่อนายได้ยังไง?” เยี่ยนจื่อมองหลิงหยุนพร้อมกับถามถึงช่องทางติดต่อ

หลิงหยุนเองก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเขาเองมีหมายเลข Q Page อะไรที่ว่านี่เลย โชคดีที่เขามีโทรศัพท์มือถือ จึงได้บอกเบอร์กับเยี่ยนจื่อไป และเมื่อได้ยินว่าเบอร์มือถือของหลิงหยุนลงท้ายด้วยเลข 9 หกตัว เธอก็ถึงกับตกใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเบอร์มือถือของเขา!

“ผมไปแล้วนะ.. มีอะไรก็โทรมาได้”

หลังจากที่หลิงหยุนเสร็จธุระแล้ว เขาก็เดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ไปที่รถแลนโรเวอร์ทันที โดยไม่แม้แต่จะร่ำลาซูปิงหยาน

“คุณซู.. คุณซู.. คุณซูคะ!!!!”

หลังจากที่หลิงหยุนเดินออกไปแล้ว ซูปิงหยานก็จ้องมองไปทางหน้าประตูอยู่นาน  จนเยี่ยนจื่อต้องเรียกเธออยู่ถึงสามครั้ง เธอจึงได้รู้สึกตัวและหันมาดุ

“ทำไมต้องเรียกฉันเสียงดังแบบนั้น?!” ซูปิงหยานหันมาดุเยี่ยนจื่อด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ

เยี่ยนจื่อยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “จะไม่ให้เรียกเสียงดังได้ยังไงคะ ฉันเรียกคุณซูตั้งสองครั้งก็ไม่ได้ยิน..”

ซูปิงหยานนิ่งเงียบไม่ตอบโต้..

“คุณซูคะ.. คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกลายเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้ขนาดนี้!”

เยี่ยนจื่อร้องบอกซูปิงหยานอย่างเหนื่อยใจ

“เฮ้อ.. เขาคงไม่สนใจร้านอินเทอร์เน็ตเล็กๆของเราแล้วล่ะ ตอนนี้เขาขับรถแลนด์โรเวอร์ด้วยนะ”

ซูปิงหยายถึงกับถอนหายใจ..