บทที่ 94 พี่ชายเพียงผู้เดียวบนโลกใบนี้ ! (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 94 พี่ชายเพียงผู้เดียวบนโลกใบนี้ ! (ปลาย)

ชายชุดขาวซึ่งลอยมาในอากาศ เขากระโดดเบี่ยงกายหลบหลีกคมมีดบินของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วด้วยชั้นเชิงไหวพริบของตน ขณะเดียวกัน โม่อวิ๋นฉีก็ได้ใช้โอกาสดังกล่าวในการสร้างระยะห่างกว่า 8 จั้ง หลังจาก สลัดชายชุดขาวเป็นผลสำเร็จ เขาพลันแสดงท่าทีผึ่งผายอย่างภาคภูมิ !

ชายสวมชุดสีขาวไม่เสียเวลาแม้แต่จะลงเล เขาทะยานโดยไม่รั้งรอเป็นคำรบสองเข้าหาโม่อวิ๋นฉี…

ห่างออกไป เยี่ยฉวนละสายตาจากฉากการต่อสู้ หันไปจ้องมองไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีที่กำลังถูกต้านสกัด โดยบุคคลทั้งสอง !

นี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานชั้นดีที่บ่งชี้ ว่าก่อนการประลอง คนพวกนี้ได้สืบฝีมือของทั้งไป๋เจ๋อ โม่อวิ๋นฉี และตัวของเขาเองมาแล้วอย่างดี

ชายหนุ่มเขม่นตามองเฉินเยี่ยนเบื้องหน้า ความสงสัยประดังมา สุดท้ายแล้วคนตรงหน้าก็ไม่ใช่เพียง ยอดฝีมือธรรมดาเช่นเดียวกัน !

ทันใดนั้นเอง เฉินเยี่ยนวิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรากฏลำแสงสว่างวาบขึ้นสองสายพุ่งตรงไปทางเยี่ยฉวน

กระบี่คู่ !

เยี่ยฉวนนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองฉับไว ชั่วเสี้ยววินาทีที่เฉินเยี่ยนส่งออกกระบี่คู่ ชายหนุ่มก็ได้ดึงหมัด ออกต้านทานทันที !

นี่มิใช่การใช้หมัดทลายภูผาธรรมดา หากแต่มันเป็นหมัดทลายภูผาเสริมด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้ !

โดยฉับพลัน กระบี่คู่ของเฉินเยี่ยนพลันเปลี่ยนทิศทาง จนทำให้คมกระบี่เฉี่ยวเข้าที่ร่างกายของชาย หนุ่มบริเวณช่วงเอว เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยฉวนจึงใช้จังหวะดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ เขากางแขนทั้งสองข้างออก พร้อมกับขาที่ยกขึ้นเตะไปยังร่างของเฉินเยี่ยนเต็มแรง !

ช่วงขานั้นยาวกว่าความยาวของกระบี่คู่ของเฉินเยี่ยนมากนัก !

ขณะที่กำลังจะถูกพลังเตะของชายหนุ่มซัดเข้าไห้ เฉินเยี่ยนก็รีบจัดแจงดึงกระบี่คู่นั้นกลับเข้าหา กลายมาเป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัว !

ตูม !

คู่ต่อสู้กำกระบี่ในมือแน่น ขณะเดียวกันร่างของเขาก็ล่าถอยออกไปไกลหลายจั้งและยังไม่หยุดยั้ง โดย ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว เยี่ยฉวนพลันพุ่งติดตามต่อ เขาเข้าหาเฉิยเยี่ยนฉับพลัน และไม่รีรอออกหมัดตรงส่งปะทะ เฉินเยี่ยน !

หมัดทลายภูผา !

ในความคิดของชายหนุ่มนั้น ต่อให้วิชานี้เป็นเพียงทักษะยุทธ์ระดับต้น แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ได้อ่อน ด้อยแต่อย่างใด ว่าแล้วหมัดของเยี่ยฉวนก็ได้พุ่งสวนออกแหวกอากาศธาตุ…

ผัวะ !

แรงปะทะกระแทกร่างของเฉินเยี่ยนถอยหลังกรูดอีกครา ร่างของเยี่ยฉวนใช้จังหวะนั้นในการโผนทะยานขึ้นคร่อมร่างของอีกฝ่าย… ฉับพลัน ร่างของเฉินเยี่ยนก็ถูกกดแน่นลงเบื้องล่างจากพลังตอกหมัดของชายหนุ่ม !

ยามนี้ในสายตาของเยี่ยฉวน เฉินเยี่ยนเปรียบเหมือนเนินเขาย่อม ๆ ทุกครั้งที่ผลักออกพลังหมัด ความแข็งแกร่งกลับยิ่งเพิ่มพูน ทั้งยังเสริมด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้ที่ทำให้พลังหมัดกล้าแกร่งมากขึ้นไปอีก

ชายหนุ่มทุ่มเทพลังทำหมดอัดกระหน่ำเข้าใส่คู่ต่อสู้ไม่หยุด !

เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !

เฉินเยี่ยนทำการผละออกอยู่หลายครั้งหลายครา เวลานี้แม้แต่จะชักกระบี่ออกจากฝักยังทำไม่ได้ ได้แต่ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ตั้งรับ ทว่ายิ่งต้านทานมากเท่าใด มันกลับยิ่งเพิ่มแรงผลักดันแห่งพลังหมัดมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้พลังผลักดันของเยี่ยฉวนคลุมครอบเฉินเยี่ยนตลอดทั้งร่าง !

ดั้งเดิมแล้วพลังหมัดหาได้เสริมแรงผลักดันไม่ แต่หลังจากที่ได้ฝึกปรือทักษะยุทธ์ในช่วงหนึ่งโดยการใช้หมัดชกถล่มเนินเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย  ชายหนุ่มจึงได้เรียนรู้ ‘แรงผลักดัน’ แห่งหมัดไปโดยปริยาย ยิ่งผนวก เพิ่มเข้ากับเคล็ดวิชาต่อสู้ จึงส่งให้พลังหมัดของเยี่ยฉวนในเวลานี้ทะยานจากทักษะยุทธ์ขั้นมนุษย์ เป็นทักษะ ยุทธ์ขั้นจิตวิญญาณระดับปลาย !

ณ ลานโล่ง

หลี่เสวียนชางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของอาจารย์ใหญ่จี้ เขากำลังมองดูเหตุการณ์และหัวเราะออกมาเบา  ๆ “เคล็ดวิชาต่อสู้ช่างล้ำเลิศนัก ! นับว่าเป็นคนรุ่นหนุ่มที่สามารถเข้าถึงเคล็ดวิชาต่อสู้ตั้งอายุน้อย เมื่อรวมกับพื้นฐานที่มีอยู่เดิม ความสามารถเช่นเยี่ยฉวนผู้นี้จัดว่าเทียบชั้นแนวหน้าของศิษย์สายในแห่งสถานศึกษาฉางมู่ที เดียว น่าเสียดาย ! น่าเสียดาย !”

เขากล่าวย้ำคำว่า ‘เสียดาย’ ถึงสองหน !

ด้วยเหตุเพราะเดิมทีแล้วเยี่ยฉวนนั้นได้แสดงเจตนาเข้าเป็นศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ ถ้าชายหนุ่มได้ เป็นศิษย์ฉางมู่ สถานศึกษาจะได้ยอดฝีมือเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง !

ด้านตรงกันข้าม อาจารย์ใหญ่จี้กำลังอ้าปากคัดค้าน แต่ชายชรากลับช้ากว่าเมื่อหลี่เสวียนชางยิ้มและ เอ่ยมาว่า “เมื่อความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เขาพลาดโอกาสเข้าเป็นศิษย์แห่งฉางมู่เสียแล้ว อีกอย่างเขาก็เพียง ยอดฝีมือคนหนึ่งเท่านั้น ยังไงข้าก็ไม่ปล่อยไว้แน่”

พูดจบ หันมองหน้าอาจารย์ใหญ่ “เรื่องนั้นเจ้าจะว่าอย่างไร ?”

อาจารย์ใหญ่จี้จ้องเขม็งมาที่หลี่เสวียนชาง “จุดจบของยอดฝีมือที่ไม่ใช่ศิษย์ฉางมู่ ใช่หรือไม่ ?”

ทว่าคู่สนทนากลับยอมรับโดยดี “เมื่อไม่อาจเป็นพวกเดียวกัน ฉะนั้นจึงเป็นได้เพียงศัตรู”

สิ้นประโยค เขาจึงหันหน้ากลับไปชมเหตุการณ์ที่ด้านหลังเขาอีกครั้ง “เจ้าสามคนนั้นนับว่าฝีมือไม่เลว โดยเฉพาะหนุ่มที่ชื่อเยี่ยฉวน คนผู้นี้ถ่องแท้ในเคล็ดวิชาต่อสู้ แต่เคราะห์ร้าย เขาเลือกที่จะอยู่ผิดข้าง”

เสียงออกวาจาเสียดสีจากคนตรงหน้า “ดูเหมือนว่าเจ้าต่างหากที่เป็นคนเขี่ยเขาทิ้ง !”

ครานี้ทั้งสีหน้าและแววตาของหลี่เสวียนชางค่อยเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “สถานศึกษาฉางมู่อาจทรยศต่อคนทั่วหล้า ทว่าผู้ใดที่คิดทรยศต่อฉางมู่ ผู้นั้นไม่ตายดี !!”

อวดอ้างหรือ ?

ไม่เลยแม้แต่น้อย สำหรับเขานี่คือความเชื่อมั่น สถานศึกษาฉางมู่กล้าที่จะยึดถือเช่นนั้น !

อาจารย์ใหญ่จี้ยกจอกสุราขึ้นจิบ ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้ม “ไม่นานมานี้ สถานศึกษาฉางหลานเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยความรุนแรง ไม่เลย ฉางหลานถูกกระทำรุนแรงยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก ! แต่นับจากนี้…”

ณ ที่โล่งหลังเขา การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป !

ผัวะ !

เสียงกระหน่ำระเบิดขึ้น ร่างของคนผู้หนึ่งร่วงลงไป !

ผู้นั้นคือเฉินเยี่ยน !

เยี่ยฉวนหมายจะเข้าซ้ำอีกครา ฉับพลันสีหน้าและท่าทางของเขาพลันแปรเปลี่ยน ด้วยกระบี่เล่มหนึ่ง จ่อพรวดทางด้านท้ายทอยโดยไม่ทันระวังตัว

เป็นยอดกระบี่เล่มหนึ่ง !

ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะต่อสู้ชนิดตัวต่อตัว แต่แล้วใครบางคนกลับจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ยิ่งกว่านั้น กระบี่เล่มนั้นกลับพุ่งพรวดมาด้วยความเร็วอย่างยากจะหลบเลี่ยง ดังนั้น สิ่งเดียวที่ทำได้ในยามคับขันคือปล่อยให้ ปลายกระบี่พุ่งเข้าสู่เป้าหมาย

ผู้เฒ่าจี้ทะลึ่งพรวดจากม้านั่งทันทีที่ภาพนั้นปรากฏต่อหน้าต่อตา พลันหันมาจ้องหน้าหลี่เสวียนชาง “เจ้าเล่นไม่ซื่อ !”

หลี่เสวียนชางลุกขึ้นยืนพลางแหงนหน้าหัวเราะด้วยความสะใจ “หลังจากวันนี้ ทุกคนจะรู้ผลของการ ประลองในวันนี้ว่าศิษย์ฉางหลานถูกสังหารจนหมดสิ้น ผู้คนสนใจแต่ผลลัพธ์ที่ได้ หาใส่ใจต่อวิธีการไม่ ! ยุติ !”

กล่าวจนสิ้นถ้อยคำหันหลังเตรียมออกไป ทว่าทันใดนั้นชายชราที่ลานหญ้าทั้งสองต่างต้องหันกลับมา อีกครั้ง ทุกสายตาเพ่งมองกลับไปที่ลานโล่งหลังภูเขา

ที่ลานประลองหลังภูเขา เยี่ยฉวนยังมีสภาพเป็นปกติทุกอย่างแม้จะถูกกระบี่พุ่งเข้าปักที่ท้ายทอย ใน ทางตรงกันข้าม กระบี่กลับช่วยเสริมพลังและกลืนสู่ร่างของชายหนุ่มหายไป

‘กายาไร้เทียมทาน’ เสริมให้เยี่ยฉวนมีสภาพเป็นกายากระบี่ เมื่อใดก็ตามที่กระบี่ซึ่งเข้าจู่โจมมีสถานะต่ำกว่ากระบี่ในกายตน ชายหนุ่มก็สามารถต้านทานแรงปะทะจากการจู่โจม และสามารถดูดกลืนกระบี่นั้นเข้าสู่ภายในด้วย !

เมื่อกระบี่ทรงพลังถูกดูดกลืนสู่ภายใน พลังอันน่าเกรงขามแห่งชี่พลันปรากฏพุ่งออกมา !

นี่คือ พลังหลอมรวมลมปราณแห่งชี่ !